อโศกรำลึก และล้ำลึก ณ ราชดำเนิน เมื่อกองทัพธรรมต้องออกไปร่วมชุมนุมกับพี่น้อง พันธมิตร ตั้งแต่ ๒๕ พค. คำถามที่เกิดขึ้น กับญาติธรรม ก็คือ เราจะได้จัดงาน อโศกรำลึก กันที่ไหน? ก็ได้มีคำตอบ เชิงปริศนาออกมาว่า คงจะได้จัดที่บ้านราช แน่นอน! และเมื่อถึงวันที่ ๑๐ มิย. เราก็ได้จัดงาน กันที่ บ้านราชดำเนิน ซึ่งในเวลาต่อมา ได้พัฒนาเป็น มหาวิทยาลัย ราชดำเนิน เปิดทำการสอนฟรี ตลอด ๒๔ ชั่วโมง ญาติธรรมต่างคนต่างก็ได้ไปพิสูจน์ชีวิตอนาคาริก ไม่ยึดติด ในทรัพย์สินเงินทอง บ้านช่อง เรือนชานของตน จะกินนอนกัน อยู่กลางถนน วันแล้วคืนเล่า ๑เดือน ๒ เดือน ก็สบม. ธมด. ไม่ได้กังวล ทุกข์ร้อนอะไร นอกจากนี้ ระบบสาธารณโภคี ก็ยังได้ขยายวงออกไป สู่พี่น้อง ชาวพันธมิตร มีทั้งโรงบุญ ของกองทัพธรรม โรงบุญของ พันธมิตรและอิสลาม เลี้ยงข้าวเลี้ยงน้ำ กันอย่างอิ่มหนำ สำราญ จนพูดกันว่า มาที่นี่ ทุกอย่างฟรีหมด! มีอาหารฟรี คอนเสริตฟรี ตัดผมฟรี รปภ.ฟรี เจ็บป่วย มีคนช่วยดูแล รักษาให้ฟรี ควมสว่างไสวของการเปิดโลก ศาสนาพุทธ เพื่อมวลมนุษยชาติ ใม่ใช่เป็นแค่ปรัชญา หรือถ้อยคำ ที่เรียบเรียงไว้ ให้ดูสวยงามเท่านั้น แต่มีรูปธรรมของชาวพุทธ ที่นำคำสอน ของพระพุทธองค์ มาปฏิบัติพิสูจน์ ยืนยัน แม้ในยุคกาล ปัจจุบัน ก็สามารถให้เห็น ถึงข้าพความยิ่งใหญ่ ของพุทธได้ จนมีเทวดา ได้ออกมาประกาศ สรรเสริญ บทบาทของญาติธรรม และสมณะ ที่ออกมาปฏิบัติ มรรคมีองค์ ๘ กันบนท้องถนน ร่วมกับพี่น้อง ชาวพันธมิตร ดังมีใจความว่า ข้าพเจ้าขอประกาศว่า สมณะแห่งสำนัก สันติอโศก คือชาวพุทธ คือพุทธบริษัท คือสมณะศากยบุตร คือเนื้อนาบุญของโลก คือ ผู้สืบ พระพุทธศาสนา แห่งพระตถาคตเจ้า แล้วข้อกล่าวหาที่ว่า ชาวสำนักสันติอโศก เข้ายุ่งเกี่ยวกับการเมืองเล่า เป็นอย่างไร? อะไรล่ะที่เรียกว่าการเมือง? การเมืองก็คือประชาชน ก็คือผลประโยชน์ของประชาชน ก็คือความสงบสุข ของประชาชน และ ประเทศชาติ ก็คือ ความมีศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรมของมวลมนุษย์ พระพุทธองค์ มีพุทธดำรัส ให้พระอริยสงฆ์สาวก ทั้ง ๖๐ รูปนั้น ประกาศ พระธรรมวินัย เพื่อประโยชน์และความสุข ของชนหมู่มากในโลก เช่นเดียวกับที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงเปล่งพระปฐมบรมราชโองการว่า เราจะครองแผ่นดิน โดยธรรม เพื่อประโยชน์สุข แห่งมหาชน ชาวสยาม แล้วมาดูกันว่าวัตรปฏิบัติทั้งหลายของสมณะและชาวสำนักสันติอโศก ในปัจจุบันนี้ แม้เป็นเวลา หลังจาก การมีพุทธดำรัส ดังกล่าวนั้น ร่วม ๒,๖๐๐ ปี จะเป็นไปในร่องรอย และทางเดียวกันหรือไม่ ในวันนี้ก็เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วไม่ใช่หรือว่ายามประชาชนเป็นทุกข์และเสียสละอย่างกล้าหาญ เพื่อพิทักษ์ รักษาชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และถูกทอดทิ้ง ให้โดดเดี่ยว จากเพื่อนชาวพุทธ บางกลุ่ม ก็ได้สมณะ และ ชาวสำนักสันติอโศก มาอยู่เป็นเพื่อน สมกับ ความที่เป็นเพื่อน ร่วมเกิดแก่เจ็บตาย ทุกประการ ในแต่ละวันชาวสำนักสันติอโศกไม่เคยแสวงหารายได้หรือประโยชน์ใดๆ เพื่อตน ตั้งหน้าทำงาน รับใช้ประชาชน ทั้งด้าน เก็บกวาดขยะ กวาดถนน หุงหาอาหาร ตักอาหาร ให้เพื่อนมนุษย์ ได้รับประทาน ในยามหิว คอยส่งน้ำส่งท่า เวลากระหาย หรือในเวลา หลังจาก รับประทานอาหารแล้ว ยามแดดร้อนจ้าก็เอาผ้าเต็นท์หรือร่มมาแจก เวลาฝนตกก็เอาเสื้อกันฝนหรือกางร่มให้พี่น้อง ประชาชน ยามสาย ก็ประกาศ พระธรรมคำสอน ในพระบรมศาสดา ให้กับพี่น้องประชาชน ได้ทราบ ได้ประพฤติปฏิบัติตาม นี่คือการปฏิบัติตามพระพุทธดำรัสเมื่อครั้งทรงส่ง พระอริยสงฆ์สาวก ๖๐ รูป ออกไปประกาศ พระพุทธศาสนา เป็นครั้งแรก ไม่ใช่หรือ? หากเปรียบเทียบกับพวกที่แยกตัวเอง ออกจาก สังคมมนุษย์ ไม่ใส่ใจความทุกข์ร้อนของเพื่อนมนุษย์ ทำตนเป็นแต่ผู้รับ และ มุ่งแสวงหา แต่โลกธรรมแล้ว อย่างไหน จะซื่อตรง ต่อพระธรรมวินัย มากกว่ากันเล่า เหตุนี้ข้าพเจ้าจึงประกาศสดุดี สรรเสริญ พระคุณ ของสมณะ และชาวสำนักสันติอโศก ว่าได้ประพฤติปฏิบัติ ถูก ตรง ตามพระพุทธ ดำรัส ที่ตรัสกับ พระอริยสาวก ๖๐ รูปรุ่นแรก ที่ทรงส่งไปประกาศ พระศาสนานั้น ข้าพเจ้าขอนอบน้อมบูชาพระสงฆ์ ที่ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตรง ตามพระธรรมวินัย แห่งพระตถาคตเจ้า ว่าเป็นเนื้อนาบุญ ของโลก เป็นผู้ควร แก่การเคารพบูชา ต้อนรับ เป็นผู้ควรแก่การถวายของ และประพฤติปฏิบัติตาม. (จากส่วนหนึ่ง ของบทความ.. สันติอโศกสรรเสริญ โดย สิริอัญญา ของ นสพ. ผู้จัดการ เมื่อ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๑) (แถลง สารอโศก เดือน สิงหาคม ๒๕๕๑.) |