1/1 ไปหน้า คกร. Close

หน้าแรก >[04] กสิกรรม > คกร. > โครงการพลังกู้ดินฟ้า ประชาเป็นสุข >องค์ความรู้

ลักษณะของชุมชนเข้มแข็งด้วยหลัก ประการ

โดย พ่อท่าน สมณะโพธิรักษ์
สดงธรรมไว้เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2544 ณ พุทธสถานปฐมอโศก จ.นครปฐม

 

คุณลักษณะของชุมชนเข้มแข็ง เพื่อการพัฒนาตนเอง เพื่อตรวจสอบตนเองว่า เป็นสมาชิกชุมชนที่เข้มแข็งจริงหรือไม่ และชุมชนใดบ้างที่เข้าข่ายลักษณะเช่นนี้

1. เป็นสังคมที่เห็นได้ชัดในลักษณะของคนมีศีล มีคุณธรรม มีอาริยธรรม มีศีล หมายความว่า มีคุณธรรม มีครูบาอาจารย์ มีศาสนา มีคุณธรรมที่เกิดจริงอย่างชัดเจนจนถึงระดับอาริยะ คือปฏิบัติจนกระทั่งมีญาณปัญญามองเห็นกิเลสในตนเอง

 

2. เป็นสังคมที่สามารถพึ่งตนเองได้ ไม่เป็นภาระผู้อื่น เพราะว่า เราเป็นคนมีสัมมาอาชีพ สัมมากัมมันตะ เราทำแล้วเกิดประโยชน์ต่อสังคม จนส่งผลถึงข้อ 3

3. มีงาน มีกิจการที่มั่นคง

 

4. ขยัน สร้างสรร ขวนขวาย กระตือรือร้น กิเลสลึกๆ ของความขี้เกียจ มันมี ทำตัวหลบๆ เลี่ยงๆ ทำตัวแบบไม่ต่ำกว่ามาตรฐานก็อยู่ได้กับหมู่กลุ่ม แต่สูงกว่านี้ ดีกว่านี้ยังมีอีก เรียนใหม่ หัดใหม่ ฝึกใหม่ขึ้นเรื่อยๆ อย่าหยุดนิ่ง “ผู้ใดหยุดอยู่นั่นเสื่อมแล้วพระพุทธเจ้าสรรเสริญคนที่มีวุฒิๆ” ธรรมะของพระพุทธเจ้าคือ คนขยัน กระตือรือร้น ยิ่งเข้าถึงธรรมยิ่งร่าเริงเบิกบาน

 

5. อยู่กันอย่างผาสุก สุขภาพแข็งแรง จิตใจเบิกบานร่าเริง จิตใจร่าเริง ก็คือ ความหม่นหมองความเครียดน้อยลง แจ่มใส ไม่เศร้า ไม่หดหู่ ไม่เครียด ไม่เซ็ง ถ้าใครยังเครียด เซ็ง มืดๆ มัวๆ หม่นๆ หมองๆ นั่นผิดทางแล้ว

6. ไม่ฟุ้งเฟ้อ แต่รุ่งเรืองฟุ้งเฟื่อง ไม่ผลาญพล่า สุรุ่ยสุร่าย โลกทุกวันนี้มันเฟ้อ อยากได้มา แสวงหาเกินความจำเป็น มาบำเรอตน มาสะสม เช่น แสวงหาเมียมาเยอะๆ พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า ผัวเดียวเมียเดียวก็แสนทุกข์แล้ว ไม่ต้องฟุ้งเฟ้อเห่อไปตามสังคมที่เขาหลอกมอมเมา แต่สังคมเข้มแข็งคือ รุ่งเรืองฟุ้งเฟื่อง คือชื่อเสียงขจรกระจายไม่อับเฉาเสียหาย แต่เป็นในทางที่ดีงามไม่ทำลาย (ฟุ้งเฟ้อคือการทำลาย)

 

7. มีความประณีต ประหยัด แต่เอื้อเฟื้อสะพัดแจกจ่าย ละเอียดลออ ประหยัด สิ่งไหนนำมาซ่อมแซมใช้ได้ใหม่ก็นำมาใช้อีก หรือ นำมาปรับปรุงดัดแปลงให้สามารถใช้งานได้อีก ดูแลข้าวของ รู้จักรักษา แต่ไม่ใช่ขี้เหนียว ไม่ได้ตระหนี่ แต่เอื้อเฟื้อแจกจ่ายเจือจานให้มีคุณค่าประโยชน์

8. ไม่มีอาชญากรรม ไม่มีอบายมุข ไม่มีทุจริตกรรม บาปแม้นิดแม้น้อยไม่ควรทำ ไม่ทำทุจริตกรรม ไม่ควรไปสั่งสมหรือหัดทำ นานเข้าจะติด มีวิบากติดตัวไป จึงอย่าไปทำชั่ว การทำชั่วเลวร้ายผิดกฎหมายอาญาด้วย การเตะฟุตบอลนั้นคนที่เก่งๆเอามาทำแกง เอามานุ่งห่มได้ไหม? มันไม่ใกล้ปัจจัย 4 เลย การละเล่นนั้นเป็นอบายมุข ถ้าเก่งแบกเก่งหาม เก่งทำขยะ เก่งทำปุ๋ย แบบนี้สิเป็นสาระประโยชน์

9. มีความพร้อมเพรียง สามัคคี อบอุ่นและเป็นเอกภาพ พร้อมเพรียงกันทำงาน งานที่เป็นกุศล เป็นภาพรวมของความสามัคคี สามารถพึ่งตายกันได้ นี่แหละที่จะทำให้อบอุ่นกันและมีเอกภาพ

 

10. สัมผัสได้ในความเป็นปึกแผ่นแน่นหนาของความเป็นภราดร มีความแน่นในตัวไม่ฟ่าม ไม่หลวม เป็นเรื่องของจิตวิญญาณ มีพฤติกรรมที่สอดคล้อง มันมีฤทธิ์ในตัว คนกลัวนะ ถึงแม้แค่ 10 กว่าคนก็เถอะ มันมีน้ำหนัก มีอิทธิพล มีฤทธิ์มีแรง ลักษณะไปในทางดีงาม

 

11. เป็นชุมชนที่แข็งแรง มั่นคง ยืนหยัด ยั่งยืน หมายถึงความไม่เปลี่ยนแปลงง่าย ไม่คลอนแคลน เป็นความยั่งยืนคงทน มั่นคงแข็งแรง

 

12. เป็นสังคมที่สร้าง “ทุนทางสังคม” มีประโยชน์คุณค่าต่อผู้อื่นและสังคมทั่วไปในรอบกว้าง “ทุนทางสังคม” คือการเสียสละอย่างแท้จริง เราเสียสละให้คนคนหนึ่ง คือให้โดยไม่หวังรับอะไรคืนเลย ถ้าทางธรรมก็คือบุญกุศล เพราะเราเสียสละไปจริง แต่อย่างทุนนิยมไม่ได้เสียสละจริง มันแลกเปลี่ยนคือมันหาทางใช้จิตวิทยา เพื่อนำกลับคืนมาให้กับตัวเอง และเขายังอยากได้อยู่ เขาไม่ได้ให้กับสังคมจริง “ทุน” คือการสั่งสม เราเสียสละ 5 หน่วย ก็เป็นบุญของเรา 5 หน่วย มันเป็นนามธรรมที่ได้เสียสละให้กับสังคม คนที่มีประโยชน์มีคุณค่าต่อผู้อื่นนั่นและ คือ “ทุนทางสังคม” มีคุณธรรมที่แท้จริง มีสัจธรรมที่เป็นผู้เสียสละให้แก่ทางสังคม

วิธีคิดอย่างทุนนิยม ไม่ได้เสียสละ ไม่มีทุนทางสังคมเลย มันเอาคืนมาหมด เอาเกินด้วยขูดรีดเอาเปรียบ การเอาเปรียบมันเสียสละอะไร ไม่เคยมีประโยชน์อะไรเลย แนวคิดทุนนิยม เป็นแนวคิดที่ทำลายสังคม ทำลายประเทศชาติ ทำลายหมด ทำลายโลกทั้งโลกเลย

 

13. เป็นชุมชนอุดมสมบูรณ์ แต่ไม่สะสม กักตุน หรือกอบโกย แม้อุดมสมบูรณ์ แต่เราไม่สะสม กักตุน กอบโกย มีพอหมุนพอเวียนสะพัดออก ยิ่งโดยส่วนตัวยิ่งชัดเจน ทำงานอยู่กับหมู่กับกลุ่มทำงานให้กับส่วนกลางเป็นสาธารณโภคี มีก็ใช้ ไม่มีก็ไม่ใช้

เมื่อเรายิ่งทำ เราก็ยิ่งจะมีพลังสร้างสรร พวกเราปฏิบัติธรรมก็จะเป็นคนเจริญ คือมักน้อย สันโดษ พอใจ-ใจพอ ไม่ต้องสะสมเลย ขยันเพิ่มขึ้น เสียสละไปให้แก่สังคมได้มากขึ้น เราก็ยิ่งมีบุญมีกุศลแท้ๆ ไม่ต้องห่วงเลย บุญกุศลคือสัจจะ ไม่มีตกหล่น ไม่สูญเสียตกหล่น สัจจะก็คือสัจจะ

14. เป็นชุมชนมีน้ำใจ ไม่เอาเปรียบ เสียสละอย่างเป็นสุข และเห็นเป็นคุณค่าของคนตามสัจธรรม เสียสละอย่างเป็นสุข ไม่ใช่เสียสละอย่างจำนน จำใจ เสียสละอย่างรู้ด้วยปัญญาว่าน่าเสียสละและควรเป็นประโยชน์คุณค่า และเห็นเป็นคุณค่าของคนตามสัจธรรม คนเสียสละคือคนมีคุณค่า เป็นคุณค่า เพราะเราเป็นประโยชน์ต่อเขา ไม่ต้องคิดว่าเป็นบุญเป็นคุณ เราเองอยู่ได้รอด สุขภาพก็ไม่เสีย เกิดมาเป็นคน คุณค่าของคนมีแค่นี้