จักร...แห่งบุญนิยม หน้า ๒
โดย พ่อท่านสมณะโพธิรักษ์
วันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๔ ณ วิทยาลัยครูบุรีรัมย์
ต่อจากหน้า ๑


พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า ถ้าปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ มีผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบอยู่ตราบใด ตราบนั้น โลกไม่ว่าง จากพระอรหันต์ ต้องพยายามพิสูจน์ให้ได้ อาตมาก็ตั้งใจ จะยังไม่ตายง่าย จะเห็นหน้า พระอรหันต์กันจริงๆให้ได้ แต่ก็ยังมีเหลาะๆ แหละๆ กันอยู่ ยังไม่ค่อยจะเอาถ่าน จะชะลอ ให้ตายก่อนหรือไงไม่รู้ ตายก่อนแล้วมันจะได้เป็นพระอรหันต์หรือ อาตมาว่าฟังพอรู้เรื่อง พอเข้าใจ แม้แต่ในพวกเรา สมณะก็ดี ฆราวาสก็ตาม เชื่อว่าฟังเข้าใจกันดี แต่ว่าความพากเพียรนี่ น้อย อาตมาก็พยายามนะ ไม่รู้จะทำยังไง จะบังคับมันก็ไม่ได้เรื่อง มันก็พยายามอยู่ มันต้องบังคับตนเอง พากเพียรจริงๆนะ ถ้าพวกเราเข้าใจจริงๆ ลองซิ ปฏิบัติมาขนาดนี้ เราก็ได้ลดได้ละ ไม่ใช่น้อยนะ ถ้าอาตมาทบทวน แม้ปฏิจจสมุปบาท มันจะยุ่งกันใหญ่ นี่วิชชาก็เก้าประการเข้าไปแล้ว เดี๋ยว เอาปฏิจจสมุปบาท อีกสิบเอ็ด ประเดี๋ยวก็จะเมาหมัดกันอยู่นี่ ก็ไปออกเลขหวย แหละ เดี๋ยวเก้า สิบเอ็ด ก็เป็นเก้าหนึ่งหนึ่งแล้ว ประเดี๋ยวก็จะเอาโน่นเอานี่ผสม เข้าไปอีก ประเดี๋ยวก็จะยุ่งกันใหญ่ ก็ขอย้ำ ขึ้นต้นด้วย มนุษย์พัฒนา วรรณะเก้า อ้อ...ได้เลขเก้าเยอะนะวันนี้

คนเลี้ยงง่าย คนบำรุงง่าย แล้วก็มักน้อยสันโดษ เราจะมักน้อย เราจะสันโดษได้ ก็เพราะเราลดกาม ลดมานะ แกนกาม ถ้าเผื่อว่าแกนกามนี่ไม่ลดละเอียด มานะจริงๆไม่สูงส่ง ไม่บริบูรณ์ อย่าประมาท เพราะฉะนั้น แม้การกินการใช้ อุปโภค บริโภค โภชเนมัตตัญญุตา ชาคริยานุโยคะนั่นน่ะ จริงๆ แล้วเป็นฐานสูงสุด เป็นฐานที่รวมมานะเอาไว้ ตื่นด้วย ทางกามก็ตื่น เป็นผู้ลืมตาอยู่ในโลก แต่ไม่เป็นทาส ของกามคุณ กามคุณห้าไม่มี กามภพเราก็อยู่เหนือ ฐานของมานะก็เป็นผู้ตื่นด้วย ไม่ใช่หลับ ใช่หรี่ลงภวังค์ แล้วก็ตกภพ ภพใครภพมัน ลืมตาก็ยังมีภพ นั่นนะ แต่ไม่ใช่ภพข้างนอก ภพของกู คุยกันอยู่นะ ต่างคนต่าง คนละภพ แหม คุยกันเซ็งๆเลยนะ เปล่า คนละยึด มีสมมุติเดียวกัน เรื่องเดียวกันนะ พูดเรื่องเดียวกันเลย แต่ต่างคนต่างเข้าใจคนละอัน แต่มันคล้ายกัน มันเลยพอไปกันได้ มันเข้าใจคล้ายกัน แต่จริงๆ คนละประเทศ คนหนึ่งประเทศ คูเวต คนหนึ่งประเทศอิรัก ใกล้กันมาก เกือบจะเหมือนกัน แต่ไปคนละแคว อันนี้ จริงนะ กิเลสมันใกล้กันแล้ว แต่คนละภพ คุยกัน เอ๊อ ใกล้นะ เอ๊อ ยังงี้นะ แต่ไปคนละแคว แหม ไปด้วยกันได้เลย แต่ไม่ใช่อ่ะ ทั้งคู่นะ คนละประเทศ คนละภพ

มันเป็นเรื่องของภพ เรื่องของกิเลสอัตตา ยังงี้ลึกซึ้งนะ ลึกซึ้ง เพราะมันใกล้สิ่งที่ใกล้กัน สิ่งที่มันเหมือนๆกัน มันเกือบจะเป็นอันเดียวกัน มันใกล้กันมาก ต้องมาศึกษากันให้ดีๆที่สุดเลย อันนี้ก็ชั้นสูง ชั้นระดับสูง ยังไม่ตื่นเต็ม ยังอยู่คนละประเทศ นี่เรียกว่ายังไม่ใช่ ชาคริยานุโยคะ สมบูรณ์ด้วย อย่างนี้ เป็นต้น

เพราะฉะนั้น ไอ้เรื่องของรายละเอียดของกิเลสตัณหา อุปาทาน มันไม่ใช่เรื่องที่มันตื้นๆ เขินๆ เลยนะ ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายๆ ที่เราจะประมาท เราจะต้องพิจารณาจริงๆ พิจารณาตั้งฐานนอกกามภพ ทำได้ ละเอียดไปจริงๆ และฐานของเราที่เป็นฐานแท้ จะไปอ่านภพ ภวตัณหาชั้นสูงขึ้นไป เราจึงจะทะลุ ทะลวง ขึ้นไปถึงวิภวภพ อวิภวภพน่ะ อาตมาว่าฝากไว้ก่อนเถอะ ไม่ต้องมีปัญหา ขอให้มี ไฟแรงๆ บอกว่าเราวิภวตัณหา มันตัณหาอุดมการณ์ ขอให้มีอุดมการณ์เถอะน่า ทุกวันนี้มันแค่ อุดมคลาน มันไม่วิ่งเลย มันไม่เดินเลย มันเรียกกันที ต้องการกันที ถ้าไม่มีอะไรสนุก ก็ไม่เอาหละ ถ้ามีอะไร สนุกหน่อย เอ๊อ... มากรูเกรียวกันหน่อย ไอ้นี่ ใหม่โว้ย ไอ้นี่แปลก ไอ้นี่ค่อยสนุกหน่อย มา ไอ้ที่ไม่สนุก เรื่องเก่าเกินไป ขนฟาง โธ่...เมื่อยแล้ว จะทำโน่นหรือ เมื่อยแล้ว ไม่เอาหละ มันไม่มีอุดมการณ์ ไฟแห่งอุดมการณ์มันไม่จริง มันไม่ถั่งโถม มันไม่มีอุตสาหะวิริยะ มันไม่กระปรี้กระเปร่า มันไม่คล่องแคล่ว มันไม่ไว มันไม่เร็ว มันยังอืด ยังหนืด ยังเฉื่อย ก็มันก็ยังติดภพ ที่เราต้องการ ถ้าเราไม่ต้องการ เราไม่เอา เห็นมั้ย มันอยู่ที่เราต้องการ ไอ้นี่เราไม่ต้องการ มันบอกเร็วนะ ไม่เอาละ ได้ยินแล้ว ไอ้นี่ เราไม่ต้องการ มันตัดสินเร็วนะ ไม่ไป หลอกคนอื่นไปดีกว่า ถ้าเขาเห็นแล้วไม่มีใครไป เออ ประเดี๋ยวเราจะเร็วเกินไป ไปเหอะไป๊ ค่อยๆคลานไปหน่อย จึงได้แต่อุดมคลาน ค่อยๆคลาน ไปหน่อย มันได้แค่อุดมคลาน มันยังไม่ถึงอุดมการณ์ ฟังดีดี เพราะฉะนั้น ถ้าเราพิสูจน์ความจริง มันถึงความจริงแล้ว มันจะเป็นของที่ มันอย่างเรียบร้อย มันจะเป็นอย่างแคล่วคล่อง เร็ว

ทุกวันนี้ ว่าก็ว่าเถอะ พวกเรานี่ ถึงแม้ว่าจะเป็นอย่างที่อาตมากำลังเร่ง กำลังติอยู่นี่ก็ตาม แต่เราก็ได้ดีมา อย่างไม่ใช่น้อย แรงงานของพวกเรา ถึงแม้จะแค่อุดมคลาน มันก็ยังอุดมนะ อุดมแปลว่าสูง อุดมแปลว่ายิ่ง มันก็ยังเป็นเรื่องของความอุดม เรื่องของความยิ่ง เรื่องของความสูง พอสมควร นี่ ทำอไรต่ออะไรขึ้นมาขณะนี้ เราก็ไปกันไม่ใช่น้อย เราจะพัฒนาต่อไป แม้แต่จะมี การงานการอะไร นี่มีสวนฟ้านาบุญ อาตมาก็คิดว่าปลุกเสกฯ คราวนี้ มาสวนฟ้านาบุญ คงจะได้ กระเตื้องขึ้นอีกบ้าง แม้แต่การค้า ในลักษณะของการค้าขาย แบบบุญนิยม ที่เราจะต้องให้ มันเป็นไปได้ ประเภทที่เรียกว่า คนต้องทึ่ง เพราะเขาค้าขาย ไม่มีทางหรอก ที่จะมาค้าขาย แบบลดละ มีแต่จะมาเพิ่ม เพิ่มๆๆๆ ทั้งโลกเลย อาตมากล้าพูดด้วยนะว่า ต่อให้ศาสนาที่ยิ่งใหญ่ ที่มีอิทธิพลต่อมนุษย์ในโลกนี้ ยิ่งใหญ่ เก่งขนาดไหนก็ทำไม่ได้ ถ้าไม่เอาศาสนาพุทธ ในระดับ โลกุตระมาใช้ ต้องศาสนาพุทธในระดับโลกุตระ ทุกวันนี้อาตมามองดูพวกเรา ชักจะมีรอย รอยลางๆ นะ ไม่ใช่รอยที่มันชัดเจนอะไร มีรอยลางๆ ว่าเราจะทำการค้า จะขายของต่ำกว่าทุนได้ จะขายของต่ำกว่าทุนได้

อาตมาจะคลี่คลายให้ฟัง พวกเราคงไม่ได้ฟังกันหลายผู้หลายคนนะ เรื่องนี้ ที่จะว่าขายของ ต่ำกว่าทุน มันจะเป็นไปได้อย่างไร เป็นไปได้จริงๆเลย เพราะเราจะมีการไม่ติดยึดหวงแหน เราจะมีบริจาค อาตมาได้เน้นอริยทรัพย์ หรือทรัพย์ของมนุษย์แล้วว่า เราจะต้องถึงขั้นจาคสัมปทา สัทธาสัมปทา สีลสัมปทา จาคสัมปทา ปัญญาสัมปทา นั่นเป็นทรัพย์ของคนโลกใหม่ เรียกว่า สัมปรายิกภูมิ ภูมิของคนโลกใหม่ที่เป็นๆ จะเรียกว่าคนตายก็ได้ คือ ตายจากปุถุชน มาเป็น อริยบุคคล เพราะฉะนั้น คนที่ตายจากปุถุชน มาเป็นอริยบุคคลจริงๆแล้ว ตายจริงๆนะ มันเกิดใน ร่างกายนี่แหละ ร่างกายเดียว นี่เรียกว่า โอปปาติกะโยนิ เกิดในร่างกายเดียวนี่ การเกิดทาง โอปปาติกะ ทางวิญญาณ ไม่ใช่เกิดทางร่างกาย เพราะฉะนั้น มันตายจริงๆ ตายจากโลกเก่า สู่สัมปรายิกภูมิ ในร่างกายเก่า แต่เปลี่ยนวิญญาณใหม่ เกิดจริงๆ อุบัติจริงๆ ไม่ใช่เกิดง่ายๆ เราได้คนอย่างนี้มา จริงๆแล้ว ถ้าได้มาแล้ว มันจะเป็นไปได้ เป็นคนที่มีทรัพย์ใหม่ มีศรัทธาสัมปทา คุณเชื่อ ขณะนี้คุณเชื่อโดยสำนึก คุณฟังธรรมะอาตมา มาขนาดนี้ ยิ่งผ่านปลุกเสกฯมา งวดนี้แล้ว อาตมาเชื่อว่า พวกคุณจะเชื่อว่า สมบัติแท้ๆ นั่นคือศรัทธา ศรัทธาอย่างที่อาตมาพูดนี่ ศรัทธาว่า สิ่งที่เราจะได้ คือสิ่งที่เราจะต้องจาคะ เพราะฉะนั้น จะเหลือก็แต่ศีลที่ไปเข่นตัวเอง คุณจะมี อธิศีล อย่างไร ไปเข่นตัวเอง จนศีลนั้นมาเป็นอเสขศีล หรือมาเป็นศีลในตัวเราสูงขึ้น สูงขึ้นเป็นอธิศีล เป็นอริยะกันตศีล เป็นปาริสุทธิศีล เป็นอเสขศีล ศีลเกิดที่เรา เป็นศีลที่น่าพอใจของอริยะ จนกระทั่ง มันบริสุทธิ์ ปาริสุทธิศีล จนศีลนั้นบริสุทธิ์ ตัวเราเป็นศีลเลย ศีลข้อใดก็แล้วแต่ ศีลนั้นจะลดละ ทางกาม ศีลนั้นจะลดละทางโลภ โกรธ หลง ข้อไหนจะขัดเกลาอะไร ก็ตามใจเถอะ ศีลเหล่านั้น ก็จะปฏิบัติเป็นลำดับ สุดท้าย มันก็จะถึงขั้น เจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันไม่กลับกำเริบ ดังที่พูดแล้ว ศีลที่เป็นกุศล จะทำให้คนเป็นพระอรหันต์โดยลำดับ โดยลำดับอย่างแท้จริง เพราะฉะนั้น ศีลนั่นแหละ จะไล่มา จะเป็นอรหันต์ได้ ก็เพราะจาคะมันลงตัว เป็นสมบัติ จาคะจริงๆ เป็นผู้ที่ บริจาค เป็นผู้ที่ ไม่เอาเป็นของตน มีปัญญาเห็นแจ้งถึงความเป็นจริงที่เรามีศรัทธา มีศีล มีจาคะ อย่างถูกต้อง ปัญญาญาณ นี่อ่านตัวจริง อ่านสิ่งที่เกิดจริง เป็นจริง

อาตมาว่า จะต้องพิสูจน์ทฤษฏีนี้กันให้ได้ คุณฟังดูคร่าวๆนะ ในลักษณะของสิ่งที่อาตมาอธิบาย ถ้าไม่เกิดมนุษย์โลกุตตระจริง ไม่เกิดจิตวิญญาณจริง ที่จะสร้างสรร และเสียสละ สองคำใหญ่ๆ เท่านั้นแหละ สร้างสรร ขยันเพียร สร้างสรรด้วยความเบิกบานร่าเริง และเราได้ทำงาน ชีวิตคือการงาน ชีวิตคือ การสร้างสรร และเราก็รู้เลยว่า เราจะสร้างสรรอะไร และสร้างสรรที่มี ประโยชน์ สร้างสรรสิ่งที่ดีงาม ที่มนุษย์เราต้องการ ซึ่งมนุษย์เราได้อาศัย ไม่ผลาญ รู้จักสมดุล สิ่งแวดล้อม สมดุลธรรมชาติ รู้จักวงจรที่ครบครัน ธรรมชาติ จะช่วยเรา แรงกลของคน แรงกลของดิน น้ำ ไฟ ลม อากาศ แรงกลของฟิสิกส์ ต่างๆ ความร้อน แสง เสียง แม่เหล็ก ไฟฟ้า มันจะเข้ามาประกอบกัน เป็นแรงกลอยู่ในสังคม เกิดการสร้างสรรขึ้นมา แล้วคนอย่างพวกเรา ไม่ใช่นักทำลาย ธรรมชาติมันสร้างยิ่งใหญ่นะ ธรรมชาติมันสร้างเก่งกว่าคนด้วย ทุกวันนี้ นี่คนมาผลาญมัน มาตัดมือตัดตีนธรรมชาติ ธรรมชาติก็เลยร่อยหรอ แต่เราเอง เราไม่พยายาม ตัดตีนมือธรรมชาติ ไม่ไปตัดเครื่องกลธรรมชาติ จะเป็นพลังพิสิกส์ต่างๆ พลังความร้อน แสง เสียง แม่เหล็ก ไฟฟ้า มันก็จะสมบูรณ์สมดุล ของมันอยู่ แรงกล เฟืองจักรของไอ้โน่นไอ้นี่ ไม่ว่าจะเป็น พื้นดิน ก็มีรังมีรวง มีองค์ประกอบ มีเฟือง มีข้อเหวี่ยง มีลูกสูบ ในดิน ในน้ำก็จะมีแรงกล มีเครื่องกล ของมันครบครัน ในต้นหมากรากไม้ ในสัตว์ต่างๆ มีพลังงานที่มันจะทำ มันเป็นตัวจักรของโลก เป็นตัวจักรของธรรมชาติ ทั้งนั้นเลย พวกเราก็เป็นผู้รู้ คนเป็นผู้รู้ รู้จักที่จะช่วยธรรมชาติทุกจุด ทุกอัน มันเป็นพี่น้องกัน เราเป็นพี่น้องกับสัตว์ เราเป็นพี่น้องกับต้นไม้ เราเป็นพี่น้องกับดิน เราเป็นพี่น้องกับน้ำ เราเป็นพี่น้องกับลม กับไฟ กับอากาศ เราเป็นพี่น้องกับความร้อน แสง เสียง แม่เหล็ก ไฟฟ้า เราเป็นพี่น้องกับมันหมด เราไม่ได้ไปผลาญไปทำลาย เอ็นดูกัน มันทำงานอะไรไม่ถูก ต้องช่วยกัน เออ... ไอ้นี่ ดิน น้ำ ไฟ ลม ทำงานไม่ถูกช่วยกัน ไม่ใช่ไปผลาญมันลงมา เพื่อที่จะสลายเล่น เพื่อที่จะทำเหมือนเด็กๆ โง่ๆ ไม่ใช่ เป็นคนโต เป็นผู้ใหญ่ เป็นผู้ที่มีความรู้ เพราะสิ่งเหล่านี้ จะอยู่พร้อมพรั่ง ถ้าเราทำสมบูรณ์แล้ว มันจะอุดมสมบูรณ์มาก จนไม่น่าเชื่อ เมื่อมากไม่น่าเชื่อ ตลาดสองตลาด ตลาดทุนนิยม กับตลาดบุญนิยม จะเห็นเด่นชัดเลยว่า เราจะขายราคาอย่างนี้ แล้วโลกมนุษย์ อย่างนี้จะมีได้ ตอนนี้เราก็อย่าเพิ่งไปเร่งรีบร้อนกันถึงขนาดขายต่ำกว่าทุนกันก่อนก็แล้วกัน มาผลิต มาทำโครงสร้าง ของแรงกลจักรแก้ว พระพุทธเจ้าท่านใช้ในภาษาของท่านว่าจักรแก้ว ในจักรแก้ว ต้องมีสิ่งช่วย มีจักรแก้ว มีช้างแก้ว มีม้าแก้ว มีแก้วมณี มีนางแก้ว แล้วก็มีคหบดีแก้ว มีปรินายกแก้ว แก้วทั้งห้า เป็นเรื่อง ของโครงสร้างของสังคม อาตมาไม่มีเวลาจะขยาย สักวันก็คงจะขยายให้ฟัง มันสัมพันธ์กัน อย่างดี และมีองค์ประกอบที่จะเป็นสิ่งหนุน ส่งเสริมกันอย่างนั้นจริงๆ เลย ในมนุษย์ต้องพิสูจน์ธรรมะของพระพุทธเจ้า พิสูจน์จริงๆ อาตมาหยิบมาพิสูจน์ พวกคุณเข้าใจ ไปเยอะแล้ว แม้แต่แก้วๆ อย่างที่ว่านี่ อาตมามาถึงวันนี้ จะต้องพยายามขยายคำว่า จักรแก้ว กันให้ดีๆ จักรแก้ว คือองค์ประกอบของทุกอย่าง มันเดินหมดเป็นแรงกล อาตมาใช้คำว่า กลปราณี กลนี่แหละคือจักร จักรกล หรือกลจักร อันเดียวกันนั่นแหละ เป็นแรงกล ที่มันขับเคลื่อน ที่มีองค์ประกอบ แล้วมันก็ขับเคลื่อนของมันโดยความสมดุล โดยวงจรที่สมบูรณ์กันจริงๆ ทุกวันนี้ มันพังไปหมดแล้ว เรากำลังมาสร้างใหม่ ระบบทุนนิยม มาทำลายไปจนหมดเกลี้ยงแล้ว เรากำลังจะ มาสร้างใหม่ ให้เกิดขึ้นมา เพราะฉะนั้น ขณะนี้ พวกเราผลิตเอาเถอะ ผลิตข้าว ถ้าเรารู้แล้วว่า ข้าวอะไร ควรจะผลิตมากิน ข้าวเราจะผลิตออกมาแล้ว เราจะสีแค่ไหนมากิน ถึงจะมีคุณค่าสูงสุด และจะนำไปแจกจ่ายกันยังไง ต้องมีวรรณะแพศย์ วรรณะแพศย์ไปแจกจ่าย ตอนแรกก็ยังต้องขาย ขายกันก่อนอย่างที่ว่า ราคาอาจจะมากบ้าง ยังไม่ถูกทีเดียว จนกว่าเราจะแจกกันได้บ้าง หรือขายกัน ต่ำกว่าทุนได้จริง อย่างที่อธิบายไปคร่าวๆ

ฯลฯ ... เอ้า ทีนี้ มาเข้าเรื่องนะ

ขณะนี้พวกเรานี่ อาตมาได้พยายามที่จะใช้หลักของสังคม ว่าสังคมจะต้องมีวรรณะสี่ มีวรรณะ สมณะ มีวรรณกษัตริย์ มีวรรณะแพศย์ วรรณะศูทร จึงจะเกิดจักรกลของสังคมนี้ ขึ้นอย่างครบ ทีนี้ คนไม่เข้าใจ ความเป็นสมณะ ไม่เข้าใจความเป็นกษัตริย์ ไม่เข้าใจความเป็นแพศย์ ไม่เข้าใจ ความเป็นศูทร มันก็เลยสับสน เละไปหมดเลย กลายเป็นเรื่องทุกข์ร้อน กลายเป็นเรื่องลำบากยากเย็น เพราะว่ากิเลส มันเป็นตัวร้าย วรรณะสมณะเป็นวรรณะที่จนที่สุดกว่าเพื่อน วรรณะของศูทร เป็นวรรณะที่รวยที่สุด พูดเป็นภาษานะ วรรณะศูทรเป็นผู้ผลิต จะต้องเป็นผู้ที่มีทุนรอน มีวัสดุ มีข้าวของ เครื่องอะไรต่างๆนานา ที่จะสร้าง โรงเรียนก็จะมีใหญ่ ที่ดินก็จะมีมาก แต่ไม่ใช่มีไว้ หวงแหน มีไว้ค้าไว้ขาย มีไว้เพื่อที่จะขยาย หรือว่าเพื่อสร้างสรร จะต้องเป็นเจ้าแห่งข้าวของ แต่ศูทร ก็จะต้อง เป็นคนมีคุณธรรมเหมือนกัน คุณจะเอาหน้าที่นี้ ผู้ผลิต ทำ คุณจะเป็นชาวไร่ชาวนา คุณจะเป็นนักผลิต แม้กระทั่ง นักผลิตเครื่องใช้ เครื่องทุ่นแรง เป็นนักอุตสาหกรรม อะไรก็แล้วแต่ ได้เหมือนกัน เกษตรกรรม อุตสาหกรรม ได้สร้างผลิต แม้จะเป็นนักวิทยาศาสตร์ ก็อยู่ในศูทร ศูทร นักผลิต ผลิตเครื่องนั้นเครื่องนี้ เครื่องใช้เครื่องโน่นเครื่องนี่ มาให้สังคมมนุษย์ใช้ เชิญ เป็นนักวิทยาศาสตร์ ก็อยู่ในศูทร จะต้องมีเงินมาก จะต้องมีทุนรอนเยอะ แล้วก็ทำงาน ไม่ใช่มีเงิน ไปข่มขู่คนอื่นนะ ส่วนแพศย์หรือในระดับวรรณะนักค้า พ่อค้าแม่ค้านั้นคือ ผู้จำหน่ายจ่ายแจก ไปรับช่วง เอาของที่เขาผลิตแล้ว มาจ่ายให้ทั่วถึงกัน จ่ายคนทั่วๆไปที่ทำหน้าที่อื่น ที่เขาไม่ใช่ผู้ผลิต เขาไม่มีของที่จะกินจะใช้ เขาไม่ได้ทอผ้า ก็มาเอาผ้าไปแจกคนอื่น เขาไม่ได้ปลูกข้าว มาเอาข้าว ไปแจกคนอื่น เขาไม่ได้มาผลิตเครื่องยนต์กลไก ก็มาขนเครื่องยนต์กลไก ไปแจกจ่าย ให้แก่ผู้ที่ จะทำงาน ไปจ่ายผู้ผลิต ซ้อนเชิงอย่างนี้ เป็นต้น ไปเอาจากตรงนี้ จากผู้ผลิต ไปให้แก่ผู้ที่ปลูกข้าว เอาไปให้แก่ผู้ทอผ้า อะไรก็ตามใจ หรือบางสิ่งบางอย่าง ก็เอาไปแจกจ่ายแก่พวกที่บริหาร ที่จะต้องใช้ เครื่องใช้อะไรบ้าง ผู้บริหารคือวรรณะกษัตริย์ หรือสมณพราหมณ์

สมณพราหมณ์ก็จะใช้ของน้อยที่สุด ถ้าของที่อยู่ที่ใช้นั้นก็จะเป็นของส่วนกลาง ไม่ใช่เจ้าเข้า เจ้าของ มีศาลา ศาลาของประชาชน ศาลาของพุทธศาสนิกชน ศาลาของชาวบ้าน มีที่พักก็ที่พักของ ชาวบ้าน เสื้อผ้าหน้าแพร ก็มีแค่เป็นปัจจัยสี่ที่นุ่งห่ม มีจีวรบริหารกาย มีบาตรบริหารท้อง สมบัติอะไร ก็มีพอที่จะใช้ ที่จะทำงานกับพวกเราเท่านั้น เป็นผู้ที่จนที่สุด แล้วจนจริงๆด้วย ไม่ใช่จนใจ จนอย่างเบิกบานยินดี จนอย่างพอใจ

ส่วนวรรณะนักบริหารนั้น จะมีบ้าง จะต้องเดินทาง จะต้องไปจะต้องมา จะต้องมีเงินมีทองบ้าง ถ้าแม้ว่า จะเป็นนักบริหารชั้นหนึ่งแล้ว แม้จะเดินทาง นักบริการเป็นผู้ขับรถ ผู้ที่บริหารจะไปทำงานก็ จะมีส่วนหนึ่ง ผู้บริหารจะมีจำนวนไม่มาก ผู้บริหารจะมีจำนวนไม่มาก ฟังอีกที เพราะฉะนั้น ผู้บริหารนั้น จะเดินทางไปบริหาร จะเดินทางไปทำงานติดต่อโน่น นี่ จะไปอะไรต่ออะไร แม้จะเดินทาง นักบริการก็บริการไป ฟรียังได้ เหมือนกับเดี๋ยวนี้น่ะ ข้าราชการการเมือง หรืออะไร ก็แล้วแต่ มีตั๋วฟรีหมดเลย ขึ้นเครื่องบินยังฟรีเลย ฟรีไปเถอะ ขอให้เป็นนักบริหาร ที่ไปทำงานจริงๆ กับประชาชนทั่วประเทศ ไปเลย ไปทำหน้าที่ที่ไม่ใช่ไปเที่ยว ขอให้มันจริงเถอะ ก็จะไม่ต้อง จ่ายเงินอะไรมาก ไปบ้านไหนก็มีกิน นักบริหารนี่ ไม่ต้องไปถึง แกต้องฆ่าไก่ มาแกงให้ข้านะ ต้องเลี้ยงดูปูเสื่อนะ ข้าราชการไปซิ ไปตรวจที่นั่นที่นี่ ไปเบ่ง ไม่ต้องเบ่งเลย เขาจะต้อนรับขับสู้ เพราะไปเสียสละ ไปสร้างสรร ไปทำงานจริงๆเลย นักบริหารก็เหมือนกัน ก็จะไม่มีเงินมาก อาจจะมีบ้าง ที่จะต้องเผื่อไว้ สำหรับไปแจกจ่าย แหล่ง อาจจะอาศัยกองกลาง กองกลาง นี่ไปก็เอาไป ติดตัวไป อ้อ..ตรงนี้ขาดแคลน ตรงนี้ ๆ ต้องให้ทุนให้รอน เหมือนอย่างพระพุทธเจ้า ท่านตรัสเอาไว้ ในพระไตรปิฎกว่า กษัตริย์จะต้องแจกจ่ายให้ทุนรอนแก่ชาวไร่ชาวนา พ่อค้า แม้แต่อนุชนต่างๆ ต้องจ่าย เขาขาดทุนรอน เขาโน่นเขานี่ ต้องจ่าย เพราะฉะนั้น นักบริหาร จะมีทุนรอนไว้ ไม่ใช่เพื่อเบ่ง ไม่ใช่เพื่อเอาเปรียบเอารัด แต่เพื่อจะบริจาค จะแจกจ่ายเกื้อกูล ให้เขาสร้างสรร คนนี้ฐานะเป็นศูทร เอาไป แต่เขาจะต้องเป็นผู้ผลิต ก็ไปแจกพวกศูทรนั่นแหละ ส่วนมาก ผู้ผลิตจะต้องมีทุนรอน หรือขาดแคลนก็เกื้อกูลไว้บ้าง นักบริหารก็จะเป็นคนที่ ใช้เงินกองกลางได้เก่ง ใช้อย่างมีปัญญา ใช้อย่างไม่ใช่ไปคอรัปชั่น หรือไปลำเอียงอะไรต่างๆ นานา จะต้องเป็นคนที่มีจิตใจบริสุทธิ์ ก็ไล่รองลงมาจากสมณะ เท่านั้นแหละ สมณะจะเป็นคนบอก เป็นคนดูแล เป็นคนปรึกษา เป็นที่ปรึกษา เป็นผู้ให้วิธีการแก่นักบริหาร ไปทำงานอย่างได้สัดส่วน ประสาน อะไรต่ออะไรขาดแคลน อะไรต่ออะไรจะทั่วถึง ทั่วประเทศเลย คนจะทั่วถึงทั่วประเทศ นักบริหารจะดูแลจริงๆ มีงานดูแล มีงานเพื่อที่จะประสาน อะไรขาดอะไรเกิน อะไรต่ออะไร อะไรต่างๆ นานา อะไรเกิดไม่ดี ไม่ชอบมาพากล จะต้องตัดสินความ จะต้องมีกฎ มีหลักของสังคม อะไรต่ออะไรต่างๆนานา ก็แล้วแต่นักบริหาร ก็จะตั้งกฎหลัก ในวัดก็มีกฎมีหลัก ในหมู่บ้าน ก็ควรจะมีกฎ มีหลักอะไรตามสมควร แล้วก็จะไปเกื้อกูลกัน

ส่วนนักบริการนั้น ก็จำหน่ายจ่ายแจกจริงๆ ก็จะมีทุนรอน มีเงินทองมากกว่านักบริหาร จะมีเงิน กองกลางใช้ ส่วนตัวก็ควรจะมีน้อย จนไม่มีเหมือนสมณะ สมณะไม่มีเลย กองกลางนี่ สมณะจะมาบอกนักบริหาร ให้นักบริหารเอาไปทำได้ บอกนโยบายนักบริหาร นักบริหารก็ควักเงิน กองกลางออกไปทำงาน เหมือนอย่างทุกวันนี้ พวกเรามีนักบริหารในพวกชาวอโศกเรา ในมูลนิธิ ในอะไรก็แล้วแต่ นักบริหารก็จ่ายเงินกองกลางนั้นไปทำงาน ส่วนศูทรนั้น ศูทรจะมีมากที่สุด มีเงินมีทอง มีสมบัติพัสดุข้าวของ นักบริหารก็จะมีมาก รองจากศูทร จะไม่ร่ำรวยเท่าศูทร ศูทรจะมีมากกว่า นี่เป็นสัจจะ เสร็จแล้วคนทำงานหนักมากที่สุดก็คือ ศูทร ตีนติดดิน แบกหาม ทำสร้างสรรจริงๆเลย นักบริหารก็หนักเหมือนกัน แต่เป็นเพียงขนย้าย นักบริหารขนย้ายถ่ายเท หมุนเวียน แจกจ่ายไป คิดค่าบริการเลี้ยงชีวิต ไม่ใช่เอาเปรียบเอารัด ทุกวันนี้สับสน นักบริการ หรือ พ่อค้าแม่ขายนี่ เรียกว่าต้อนกินหมดเลย มีความเฉลียวฉลาด ต้อนกินรวมกันกับนักบริหาร นักบริหารฮั้วกับนักบริการ สมณะกับศูทรแบน สมณะก็อยู่ไม่ได้ เพราะสมณะไม่ฉลาดจริง และ ก็ไม่ประเสริฐจริง ก็เลยทำให้คนเหล่านี้เข้าใจไม่ได้ เมื่อเข้าใจไม่ได้ สังคมปั่นป่วนหมด ผิดหมดทุกอย่าง เพราะฉะนั้น ถ้าสมณะนี้ชี้สัจจะ ยืนยันสัจจะ ทำให้ทุกคนเข้าใจหน้าที่ เข้าใจฐานะของตน แล้วก็ทำอะไรถูกต้อง ฐานะ รู้จักหน้าที่ ทำตรงหน้าที่ อย่างที่ท่านพุทธทาส ท่านบอกว่า ต้องทำตรงหน้าที่ ทำหน้าที่อย่างดี ถ้าทำตรงอย่างนี้ ไปรอด สังคมไหนก็ไปรอด

ชาวอโศกเราเพิ่งจะเกิดมาได้ไม่กี่ปี ตั้งกลุ่มกันแล้วก็พยายามที่จะเดินแรงกล อาตมาทั้งสร้างคน และ สร้างหน้าที่ มันก็เลยย้ากยาก คนต้องเกิดก่อน อื่นเลย ต้องเป็นคนที่เป็นโลกุตรบุคคล หรือ เป็นอริยบุคคล เป็นคนที่จะต้องมีปัญญา เป็นโลกุตระ มีทรัพย์ที่เป็นโลกุตระ เป็นอริยทรัพย์ ลดโลภ โกรธ หลง ไม่เห็นแก่ตัว เห็นแก่คนอื่น เห็นแก่การเกื้อกูล เห็นแก่บุญ เข้าใจบุญที่แท้จริง แล้วพวก คนเหล่านี้แหละ จะมาเกิดหน้าที่ ตอนนี้กำลังดำเนินเรื่องหน้าที่ ตอนนี้แหละ อาตมา กำลังพา ดำเนินหน้าที่ ก็คอยดูไป นักค้า หรือนักแพศย์ ก็กำลังฟอร์มตัว กำลังพิสูจน์ ตอนนี้กำลังจะลงไป ถึงศูทร นักผลิต ตรงนี้แหละ ต้องการคนมาก นักผลิตมากๆ ไม่เลวร้ายหรอก ไม่ต้องกลัวว่า เศรษฐกิจจะเฟ้อ เพราะมีนักผลิตมาก ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว สร้างสิ่งที่มันมีความจำเป็น สร้างสิ่งที่สำคัญขึ้นมา ผลิตให้เพียงพอ เสร็จแล้วเราก็จะกระจายไปทั่วโลก ขายฟรีก็ได้ อีกหน่อย ลูกค้าเรา มาอยู่ที่เราหมด มีสมรรรถภาพนะ

อาตมาย้ำอยู่ว่า ต้องมีสมรรถภาพ ไม่งอมืองอเท้า มีสมรรถภาพ และก็ไม่สร้างอะไรจนเกิน เราอาจจะมีความรู้ถึง ระดับคอมพิวเตอร์ มีความรู้ถึง ระดับนิวเคลียร์ แต่เราก็มาใช้ทางสันติภาพ ทั้งนั้น ไม่ไปสร้างเสียเวลาเสียแรงงาน ที่จะไปเป็นทำ ลูกระเบิดบ้าๆบอๆ อะไรที่เขากำลังยิงกัน ไม่ทำหรอก เราจะมาทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ คุณค่า ที่จะเป็นไป เพื่อสันติทั้งนั้น เป็นไปเพื่อสันติจริงๆ ผลิตสิ่งที่เป็นสันติจริงๆ อาตมากล่าว ไล่สิ่งเหล่านี้ ขึ้นมา เพื่อให้เราได้เข้าใจวงจรส่วนรวมก่อน เมื่อเข้าใจวงจรส่วนรวมแล้ว คุณจะได้เห็น ความสำคัญ ในแต่ละนัก ใครคิดว่าใครจะเป็น นักอะไรล่ะ อาตมาอยากให้พวกเรา เป็นนักผลิต ให้มากก่อน เมื่อนักผลิตมาก ของมันมาก เดี๋ยวนักบริการก็จะเกิดเอง และนักบริการก็จะเกิด เพราะเราได้ฝึกฝนตนเองเป็นคน เป็นอริยบุคคล หรือว่า เป็นคนที่เห็นแก่ส่วนรวมได้จริง เราก็จะไปเป็น นักบริการที่ดี นักบริหารนี่ คนอยากเป็น อยู่เหมือนกัน ว่ามันโก้มันหรู คนที่มีกิเลสอยู่ ก็อยากเป็นนักบริหาร ดูมันใหญ่นะ ดูมันเป็นคนไปเที่ยว ได้เอาหน้าเอาตานะนักบริหาร ไปบอกเขา เหมือนเป็นคนมีความรู้ ไปช่วยเหลือเฟือฟายเขา เป็นคนช่วยเขา โอ้โห... มันโก้ นะ เป็นคนช่วยเขา ไอ้เป็นคนแบกๆ ขนๆ ไปแจกไปจ่าย เป็นแพศย์ มันก็ดูๆมันเหมือนอย่างกับต่ำๆ ที่จริงเป็นตัวเนื้อบุญนะ คนที่ผลิต จริงเลยนี่ หลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดิน แล้วก็ผลิตขึ้นมา เป็นชิ้นเป็นอันเลย นี่เอาบุญไปกินมากที่สุด ได้บุญ ไปมากที่สุด เพราะเป็นเจ้าเข้า เจ้าของแท้ๆที่สุด นักบริหารก็ไม่ค่อยได้ทำ ใช่มั้ย ออกแรงงาน ก็อาศัยกิน อาศัยอยู่จากนักผลิต

อย่างอาตมา ก็อาศัยกิน อาศัยอยู่ จากพวกคุณ ถ้าอาตมาทำงาน อย่างที่อาตมารับผิดชอบ แล้วไม่ทำคุ้ม อาตมาก็ขาดทุน อาตมาถึงบอกว่า อาตมาจะเทศน์ เทศน์มันไม่คุ้มแล้ว มานี่ก็กินข้าวกินอะไรอยู่นะ นี่ ให้นอนฟูกโน่นแน่ะ บริการอาตมาให้นอนฟูก อาตมาก็ไม่ได้หมายความว่า อาตมาได้กำไร ดีไม่ดี สรีระอาตมาเสียรูปหละ คุณรับรองนะ รับผิดชอบนะ (พ่อท่านหัวเราะ) เอ้า... จริงๆนะ หมอเขาบอก ถ้านอนฟูกมากๆ ร่างกายเสีย นอนไม้กระดานเรียบ ร่างกายได้ดีที่สุด อาตมายังจำได้ หมอรุ่งธรรม ลัดพลีนี่แหละ เป็นคนประกาศ ออกมาหมดเลยว่า ในเรื่องสรีระ คนที่นอนฟูก นอนเตียงนอนสปริง อะไรพวกนี้ สรีระเสียหมด กระดูก กระเดี้ยว โครงสร้างของร่างกายผิด ผิดประหลาด และจะเป็นโรค ในอนาคต แล้วเป็นกันเยอะ แล้วนิยมกันซะด้วยนะ กินข้าวขาว ก็ไม่ดีก็นิยมกัน นอนเตียงมีฟูก มีสปริงไม่ดี ก็นิยมกัน อะไรที่มันไม่ค่อยดี เขาเอาไปนิยมหมดแล้วเดี๋ยวนี้ อะไรที่มันจะทรมาน เป็นทุกข์ ในอนาคต เขาเอาไปนิยมหมด เขากำลังกลับมา ในทางที่ถูกต้องตามสัจจะ...นะ ยกตัวอย่างแค่นี้ คุณก็ฟังดูก็แล้วกัน แล้วมันเป็นเรื่องจริงนะ

อาตมาจึงอยากจะให้พวกเราได้สำนึก และก็พยายาม อุตสาหะนะ ตอนนี้เราจะต้องดำเนินกัน ให้เป็นผลสำเร็จ อย่านึกว่าง่าย ในเรื่องของ สวนฟ้า นาบุญ ในเรื่องของการที่จะทำเกษตร ก็อย่านึกว่าง่ายนะ จริง เรารู้สึกว่า มันจะเข้าท่า มันจะดีนะ อาตมาว่า ปัญหาจะตามมาเหมือนกัน ในอนาคต กว่าจะลงตัว กว่าจะได้รูปร่อง ที่มันเข้าท่า เข้าทาง เป็นการเกษตร ที่เป็นนาบุญ หรือเป็นสวนฟ้า ที่มันเป็นสวนสำเร็จ สวนฟ้าก็หมายความว่า สวนอย่างยอด สวนอย่างดีแท้ แล้วก็เป็นนาก็ตาม เป็นสวนก็ตาม ก็คือบุญ เป็นไปเพื่อบุญ เพราะสวนฟ้านาบุญ จะกินความถึงว่า ได้ทำ การเกษตรชั้นยอดชั้นดีที่สุด แล้วก็เป็นการเกษตร ที่เป็นไปเพื่อบุญ เพื่อกุศลแท้ๆที่สุด รวมความสวนฟ้านาบุญ จะเป็นอย่างนั้น เราจะทำความพยายาม ที่จะรู้จักองค์ประกอบของเกษตร

อาตมาบอกไม่ได้ทีเดียวว่า จะทำอย่างไร ทั้งหมด ตอนนี้ก็กำลังพยายามทดสอบ สิ่งที่ดีแล้วเราคงไว้ สิ่งที่จะต้องประยุกต์ หรือพัฒนาต่อไป ในการเกษตรต่างๆ เราจะพยายามกระทำ เพราะฉะนั้น ใครมีที่ทาง ใครมี อะไรติดต่อกัน ตอนนี้ เขาห้ามเผยแพร่ เราจึงจำเป็นที่จะต้องติดต่อกัน เรามีชมรมเกษตร ใครยังไม่ได้เป็นสมาชิก ชมรมเกษตร โปรดติดต่อกันเร็วๆ ติดต่อกับเรา ชมรมศาสนาเพื่อมนุษย์ มีคุณรุ่งโรจน์ เป็นประธานชมรมอยู่ จะติดต่อชมรม ศาสนาเพื่อมนุษย์ คุณรุ่งโรจน์นี่ก็ได้ ถ้าสงสัยเรื่องราวอะไร เพราะฉะนั้น ถ้าเผื่อขาดแคลนอันโน้นอันนี้ แม้แต่เรื่องของ สื่อสาร เราก็จะใช้สื่อสารนี่โดยไม่ผิด ที่เขาพยายามไม่ให้เผยแพร่ แต่เราจะเผยแพร่ มันจะเป็นแนวคิดของ ฟูกูโอกะอยู่ด้วย เราจะเอามาใช้ นี่เป็นแนวคิด เขาสงวนลิขสิทธิ์ แม้กระทั่งแนวคิดของฟูกูโอกะ เขาก็สงวน เราก็จะช่วยเขา เอาละ เขาสงวนก็สงวน ไม่ให้เผยแพร่ออกไปสู่สาธารณะ เราก็ไม่เผยแพร่ สู่สาธารณะหละ เราก็เผยแพร่ในสมาชิก

เพราะฉะนั้น ใครยังไม่เป็นสมาชิกชมรมเกษตร ใครยังไม่เป็นสมาชิก ชมรมศาสนาเพื่อมนุษย์ ใครยังไม่เป็นสมาชิกของสมาคมผู้ปฏิบัติธรรม สมัครซะ เราจะเผยแพร่อยู่ในเหล่าสมาชิก อันนี้ไม่ผิดกฎหมายแล้ว ไม่ผิดลิขสิทธิ์เขา ลิขสิทธิ์เค้า สงวนเอาไว้ว่า เผยแพร่สู่สาธารณะนี่ผิด เราไม่ได้เผยแพร่สู่สาธารณะ เราเผยแพร่สู่มวลสมาชิก ที่จะสร้างสรรกันเท่านั้น เพราะฉะนั้น อันนี้ เราไม่ใช่หลบ เราเดินตรงตามกฎหมายให้เขา เพราะเราเป็น ผู้ที่เคารพกฎหมายอยู่ แต่เขาก็หาว่า เราผิดกฎหมาย นี่ก็จะไปขึ้นศาลอยู่วันนี้นี่แหละ ก็ช่างเขาเถอะ เขาเข้าใจผิดก็ช่างเขา แต่เราว่า เราไม่ได้ผิดอะไร เราพยายามทำให้มันจริง ไม่ใช่ไป ประชดประชันอะไร เพราะฉะนั้น ใครยังไม่เป็นสมาชิกอะไรขอให้ติดต่อ และเมื่อ เป็นสมาชิกแล้ว ก็ติดต่อ แล้วก็ติดตาม แล้วก็สร้างสรร ถ้าเมื่อใดปัจจัยสี่ของเรา แข็งแรงครบครัน โดยเฉพาะ มีวงจรที่แข็งแรง เป็นจักรแก้ว

อาตมาเอาคำว่า จักรแก้วมาใช้ตอนนี้ ต้องพยายามฟังคำว่า จักรแก้ว ให้ดีนะ แก้วแปลว่าดี ในความหมายของภาษาไทย แก้วแปลว่าดี ขี้แปลว่าชั่ว ขี้แปลว่าเลว ถ้าอะไร ที่มันเป็นสิ่งไม่ดี เค้าจะเอาขี้นำหน้าหมด ไอ้ขี้ฉ้อขี้โกง ขี้โน่นขี้นี่ ขี้ฉี่ ขี้เลน ขี้โคลน อะไรไม่ดี เขาเรียกขี้ อะไรดี เขาเรียกแก้ว อะไรดีเขาเรียกแก้ว จักรแก้ว คือองค์ประกอบของบทบาทเดิน บทบาทวงจรหมดเลย ทั้งพฤติกรรมมนุษย์ พฤติกรรมของสัตว์ พฤติกรรมของต้นหมากรากไม้ พฤติกรรมของทุกอย่าง แม้แต่ดิน น้ำ ไฟ ลม มันมีบทบาทเดินเครื่อง ประสานประสม และ ก็กลายเป็น ทั้งสภาพที่เป็นตัว เป็นแท่ง เป็นก้อน เป็นสิ่งผลิต เป็นสิ่งสำเร็จ จนกระทั่ง ถึงตัว ที่จะต่อเนื่อง มันจะเกิดหมุนเวียน เดินบทอยู่ตลอดกาลนาน ไม่มีอะไรนิ่งแท้ๆเลยในโลก ไม่มีอะไร หยุดอยู่นิ่งๆ แท้ๆเลยในโลกนี้ และไม่มีอะไรเป็นตัวเป็นตน ตายตัวแน่นอนที่สุดไม่มี จะต้องแปรเปลี่ยนไป ตามชั่วระยะกาล และก็สังเคราะห์กันและกัน และเกี่ยวเนื่องกันและกัน เป็นอย่างนั้นตลอดนานนับกัปกัลป์ นั่นแหละ มันจะเกิดวงจรอย่างนั้น เรียกว่า จักร คุณตั้งใจฟังดู ก็แล้วกันนะว่า อาตมาก็พยายามสื่อแล้ว ไม่รู้จะเข้าใจได้เท่าไหร่ เราก็กำลังสร้าง จักรนั้นอยู่ โดยมีทั้งคน ทั้งสัตว์ ทั้งต้นไม้ ทั้งดิน น้ำ ไฟ ลม ทั้งมีแม่เหล็ก ไฟฟ้า แสง เสียง อะไรต่างๆนานา มีทุกอย่างนี่แหละ แล้วก็มารวมกันเกิด ที่มันจะเดินบท ทั้งหมดเป็นโครงสร้าง เป็นจักรกลที่ดี จึงเรียกว่าแก้ว ที่สมบูรณ์ที่ยอดเยี่ยม เรียกว่าจักรแก้ว นี่มันจะเกิดวงจักรนี้ ขึ้นมาให้ได้ ตอนนี้เรา ก็กำลังสร้างขึ้นมาได้พอสมควร เป็นจักรน้อยๆ เป็นจักรนิดๆ เท่านั้นเอง แต่คุณก็จะเห็นอาการ มันเดินบทบาทของมันเป็นไป แล้วมันเกิดสัมพันธภาพ มันเกิดการเกี่ยวเนื่อง โยงใยเป็นเครือข่าย เป็นจักรวาล จักรวาลก็คือ เกี่ยวเนื่องกันโดยมีแวดวง อยู่ด้วยกันนี่แหละ แล้วก็หมุนเวียนเดินทาง เดินบทบาทอะไร สัมพันธ์กันอยู่

ถ้าเป็นจักรวาลที่ดีแล้ว มันจะไม่ชนกัน ดาวแต่ละดวง ก็จะไม่ชนกัน แต่จะส่งเสริมกัน จะมีการขัดเกลา ในส่วนที่ขัดเกลา จะมีส่วนที่เสริมหนุน ส่งเสริมให้อุดมสมบูรณ์ เจริญงอกงาม ก็จะเสริมหนุนเจริญ งอกงาม จะไม่ชนกัน จะไม่ทะเลาะกัน จะไม่ตีกันแตกสลาย เพราะฉะนั้น คุณจะเห็นว่า ดาวชนดาว นี่หายาก ดาวมารวมหมู่กัน แล้วก็ดาวมารบกันไม่มี ไม่มี ดาวตั้งหน้าตั้งตา มารวมกัน เฮ้ย กาแลคซี่วัน มา กาแลคซี่ทู มารบกันซะที ทะเลาะกันแล้ว ไม่มี หมู่ดาวหมู่จักรวาล หรือว่า แต่ละหมู่สุริยะจักรวาล จะมารบกัน ไม่มี โดยธรรมชาติไม่มี เพราะฉะนั้น เราจะต้องทำ ให้ถูกธรรมชาติ แล้วพวกเร จะอยู่กัน มันอาจจะมีการขัดกันบ้าง อันนั้นมีดาวที่แสง ขัดกัน แรงงานขัดกัน ในบางอย่างบางอัน มี และจะเกิดสภาพ ที่จะเป็นประโยชน์ในอันหนึ่ง ๆ ขึ้นไปเสมอ

อาตมาพยายามอธิบายแล้วนะ มันยาก มันอาจจะยังเข้าใจไม่ได้ แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไรมาก ฟังๆ ไปก่อนก็แล้วกัน แล้วเราก็จะพยายาม อาตมาจะหยิบเอาไอ้ที่มันเกิดแล้วต่างๆ มาพูดกับพวกเรา และพวกเรา ฟังดีๆนะ จะเข้าใจว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ไม่ใช่เรื่องสั้นๆ เป็นเรื่องใหญ่ แล้วต้องอีก ยาวนาน พอสมควร เท่าที่อาตมามีชีวิตอยู่ อาตมาก็จะพยายามพูดชี้นำไว้ก่อน แล้วพวกเรา ก็สร้างตาม สร้างตาม สร้างตาม แล้วสังเกตผล ไม่ใช่สร้างตามแล้วก็หน้ามืด ตาบอดไม่รู้เรื่อง ทำตามดุ่ยๆ ไม่เข้าท่า ไม่ใช่ ทำไปเถอะ แล้วคุณก็สังเกต อ่านใช้ปัญญา เห็นว่าไม่ชอบมาพากล เห็นว่า เอ๊... นี่มันพังกันใหญ่แล้ว อาตมาพาเสียหาย พาไม่เจริญงอกงาม ไม่เป็นสุข คุณก็เลิกได้ เมื่อไหร่ก็ได้ ไม่มีสัญญิงสัญญาอะไรกันหรอก แต่ถ้าเผื่อว่าเห็นดีแล้ว เอาเลย พยายาม ช่วยกันให้ได้

อาตมารู้สึกว่า พวกเราเร็วพอใช้ได้ ทำอะไรกันขึ้นมา และจริงๆ ถ้าเผื่อว่ามันลงตัว หรือว่า มันถูกต้อง สัจธรรมแล้ว มันไม่ช้า แม้จะถูกต้านทานจากอธรรม ถูกต้านทานจากสิ่งที่เข้าใจเรา ยังไม่ได้ นั้นก็ตาม ก็ไม่ช้า พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ว่า จักรแก้วอันที่ตถาคตได้ขว้างออกไปแล้วนี้ ไม่มีสิ่งใด จะต้านทานได้ ภาษานี้ลึกซึ้ง ไม่ใช่เรื่องเกมส์กด จักรแก้วขว้างไปแล้ว ไม่มีอะไรสู้ ไม่ใช่เกมส์กด แล้วก็เห็นเป็นคอมพิวเตอร์... ไม่ใช่ เรื่องจริง เรื่องของมนุษยชาติ เรื่องของโลกทั้งโลก จักรแก้ว ถ้าเข้าใจจักรแก้ว มาบุรีรัมย์คราวนี้ อาตมาได้เปิดคำว่าจักรแก้วขึ้นมา แล้วก็ต่อไป จะได้หยิบคำว่า จักรแก้ว มาอธิบายให้พวกเราฟัง เราจะได้เข้าใจว่า อ้อ...มนุษย์นี่มี วงจรของมนุษย์ มีทางเดิน มีสุคติจะเป็นอย่างไร ทางเดินคือสุคติ ทางเดินต่างๆ แรงจักรกลต่างๆ มันจะเดินโคจร แล้วมันจะสัมพันธ์ สัมผัสกันอย่างไร สภาพหมุนรอบเชิงซ้อน มันมาก ๆ มันซับซ้อน เยอะแยะเลย เพราะฉะนั้น มันจะเกิดจักรกลที่เป็นจักรแก้วขึ้นมา เพราะฉะนั้น อาตมานำคำ ของพระพุทธเจ้า ที่ได้ตรัสเอาไว้ว่า จักรแก้วของตถาคต ขว้างไปแล้ว จะไม่มีอะไรต้านทานอยู่ เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ ยิ่งยอด ไม่มีอะไร พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้อวดดี ท่านไม่ได้พูดโก้นะ เป็นเรื่องจริง

เพราะฉะนั้น เราสร้างจักรแก้วก็แล้วกัน เมื่อจักรแก้วมันเกิด เราไม่ต้องขว้างมันก็เดิน จักรแก้ว ไม่ต้องขว้างหรอก มันก็เดิน แล้วเดินแล้วไม่มีใครจะสามารถมาดึงชะงัก ให้มันหยุดได้ อธิบายตรงนี้ ดีกว่า อาตมาเอาอาตมาเอง อย่างอาตมานี่นะ อาตมาได้จักรกล หรือจักรแก้วขนาดของอาตมา อาตมาเป็นดาวดวงหนึ่งที่มีในดาวก็มีกลไก หรือมีจักรอยู่ในนี้ ทั้งความคิด กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม และดำเนินชีวิตไปตามคติ คตินี่แหละคือเส้นการเดิน อาตมาว่า อาตมาเดินไปในทางสุคติ เดินสุคติของอาตมา อาตมาจะเดินไปอย่างนี้ เจ็ก หนอ ซา สี่ โหงว ลัก ฉิก โป้ย นี่มันดึงไม่หยุด รับรองไม่หยุด อาตมาจะไม่หยุด ไม่หยุดหรอก อาตมาจะเดินอย่างนี้ อาตมาถือว่านี้สุคติ ของอาตมาแล้ว อาตมาไม่สงสัยทุคติ อาตมาแน่ใจว่า อาตมาไม่ได้ไปทุคติ อาตมาไม่ได้งมงาย อาตมาไม่ได้ชั่วร้าย หรือว่าโง่เง่า อาตมาว่า อาตมารู้คติทางดำเนินของอาตมา อาตมาว่า อาตมาได้ทำบุญ อาตมามีจาคะเพียงพอ อาตมาว่าอาตมามีปัญญา ปัญญาไม่ใช่เฉกตา ไม่ใช่ความฉลาดอย่างชาวโลกเท่านั้น ความเฉลียวฉลาดอย่างชาวโลก อาตมาอาจจะสู้เขาไม่ได้ แต่ความเฉลียวฉลาดทางสัจธรรม อาตมาแน่ใจว่า อาตมามีพอเป็นทรัพย์ มีศรัทธาในเรื่องนี้ รับรองเชื่อมั่น อาตมามีศรัทธาพอที่จะไม่เปลี่ยนทางคตินี้ จะไม่เปลี่ยนคตินี้ และคติที่มันเป็นอย่าง นี้นี่แหละ มันจะไปจนสุดท้าย

อย่างพระพุทธเจ้า เราเรียกท่านว่าตถาคติ หรือ ตถาคโต เพราะว่า ท่านเป็นยอด ที่จะไม่มีใคร มาเปลี่ยนเส้นทางของท่านได้จริงๆ โดยท่านไม่ต้องออกแรงเลย ใครก็เปลี่ยนไม่ได้ นั่นคือ จักรแก้ว ของพระพุทธเจ้า ถ้าท่านขว้างออกไปแล้ว ไม่มีใครจะต้านอะไร ได้ทั้งสิ้น ส่วนอาตมานั้น จะบังอาจ ไปกล่าวตถาคติ ยังไม่ได้ ตถาคตินั่นเรียกว่าจริงแท้ ตถะ แปลว่าจริงแท้ คโตหรือคตะ คติ แปลว่าไป ดำเนินไป อาตมายังอยู่ในสุคติ จะพูดอีกที อาตมามีแต่ สัมมัคคโต เท่านั้น อาตมาจะไปทางนี่ เป็นทางสัมมัคคโต หรือ สัมมคติของอาตมา อาตมาจะไม่เปลี่ยน อาตมาเป็นโพธิสัตว์ อาตมามี สัมมัคคโตไม่เปลี่ยน ไม่เปลี่ยน ใครจะมาเปลี่ยน ก็ต้องหาทาง ที่จะเก่งกว่าอาตมา ให้มีดีกว่านี้ อาตมาไม่เชื่อว่า อะไรจะมีดีกว่า ทางที่พระพุทธเจ้า ที่เป็นตถาคโต ได้มีทางที่เยี่ยมยอดแล้ว และอาตมาแน่ใจว่า อาตมาไม่ได้หลงทางพระพุทธเจ้า อาตมาแน่ใจว่า อาตมาเดินทางของ พระพุทธเจ้าอย่างชัดเจน อาตมาไม่ได้หลงทาง เพราะฉะนั้น อาตมาจะไม่เปลี่ยนทางนี้เด็ดขาด แล้วการเดิน ก็เดินอย่างนี้แหละ อย่างที่เป็นจักรกล หรือเป็น ดาวดวงหนึ่ง ดาวแต่ละดวง ก็จะเปลี่ยนจากดาวร้าย ขึ้นมาเป็นดาวดี จนกระทั่ง กลายมาเป็น ดาวสันติภาพ หรือดาวฤกษ์ ดาวฤกษ์คือดาวพึ่งตนเองได้ จนคนอื่นพึ่งเรา ดาวฤกษ์นี้ เป็นดาวที่ มีแสงของตัวเองโดยตัวเอง ไม่ต้องไปเอามาจากคนอื่น แล้วคนอื่นก็อาศัยแสงของดาวฤกษ์ ดวงจันทร์เป็นดาวบริวาร เอาแสงจากพระอาทิตย์ที่เป็นดาวฤกษ์ พวกเราแต่ละคนเหมือนดาวบริวาร ที่จะต้องพัฒนาตนเอง ให้ไปเป็นดาวฤกษ์ให้ได้ เป็นคนพึ่งตน อัตตา หิ อัตตโน นาโถ ให้ได้ ตนพึ่งตน จนผู้อื่นพึ่งเราได้ เราก็จะเริ่มเป็นดาวฤกษ์ดวงน้อยๆๆๆ โตขึ้นมา เรื่อยๆๆๆๆๆ นี่เป็นเรื่องจริง

เพราะฉะนั้น เราจะต้องรู้ว่า ชีวิตของเราผลาญมาก ใช้มาก เอาเปรียบคนอื่นอยู่ หรือเป็นคนที่ สร้างมาก ได้ให้คนอื่นมาก เมื่อใดคุณสร้างมาก ชีวิตนี่กินอยู่ จับจ่ายใช้สอยอาศัยน้อย แต่สร้างมาก ทางความคิด ทางฝีมือ ทางแรงงาน สร้างได้มากกว่าใช้อาศ้ย ผู้นั้นกำไร หรือผู้นั้นแหละ เป็นผู้เริ่ม รูปลักษณะเป็นดาวฤกษ์ขึ้นมาเรื่อยๆ แล้วคนอื่นจะได้พึ่งคุณเรื่อยๆ ยิ่งคุณเป็นได้เต็ม เท่าไหร่ เป็นดาวฤกษ์ที่มีรัศมีกล้า ก็คือ ผู้ที่เป็นอริยเจ้าชั้นสูง สูงขึ้น เป็นโพธิสัตว์ เป็นพระพุทธเจ้าขึ้นมา พระพุทธเจ้าถือว่า ดาวฤกษ์ดวงใหญ่เอก สำหรับมนุษยชาติ ดาวฤกษ์ดวงใหญ่สุดของมนุษยชาติ ซึ่งกาแลคซี่ หลายกาแลคซี่ต้องอาศัย กาแลคซี่ของอโศกยังอาศัย แม้แต่กาแลคซี่ของเถรสมาคม ยังอาศัยเลย แต่ไม่รู้ว่า เอาอะไรของพระพุทธเจ้าไปใช้มั่ง หรือแม้ในต่างประเทศ ในแต่ละแห่ง ขนาดธิเบต เขาก็ยังบอกว่าเค้าเป็นพุทธเลย ในญี่ปุ่นหลายๆนิกาย ก็บอกว่าเขาเป็นพุทธ อ้างว่า เป็นบริวาร ของดาวฤกษ์พระพุทธเจ้าทั้งนั้น แต่ไม่รู้มันเข้าเรื่องหรือเข้าราวรึเปล่า อย่างธิเบตนี้ โอ๊ เป็นเทวนิยม เป็นอะไรต่ออะไรที่มันไม่เข้าร่อง เข้ารอยเลย เขาก็ยังว่าเขาเป็นพุทธ อย่างนี้เป็นต้น เอาเถอะ เราก็ไม่ว่าเขา เราเองน่ะแหละ เราเป็นให้ตรงกับพระพุทธเจ้าให้ได้ ถ้าเป็นได้แล้ว รับรอง มีคุณค่าประโยชน์ และสันติสุขสมบูรณ์จริงๆนะ

อาตมาพูดไกลไปถึงขนาดเปรียบเทียบเหมือนดาว แต่แท้จริง ไม่ใช่เรื่องลึกลับ เป็นเรื่องลึกซึ้ง และ เป็นเรื่องที่ล้อเลียนกันอยู่ทุกอย่างในโลก ในสากลจักรวาล จะล้อเลียนกันอยู่อย่างนี้ แล้วมันก็เป็น เรื่องจริงทั้งหมด เพราะฉะนั้น ขณะนี้เรากำลังสร้างจุด กำลังสร้างแรงงาน กำลังสร้างแรงกล กำลังสร้างดวงดาว เราไม่จำเป็นจะต้องวิ่งไปหาดวงดาว แต่เราต้องเป็นดวงดาว เราไม่ต้องไปหา ดวงดาว ไม่ต้องวิ่งไปหาดวงดาว แต่เราต้องเป็นดวงดาว ที่มันจะเป็นเองเป็นจริง เพราะฉะนั้น ถ้าเขาเคยพูดกัน ด้วยภาษากวีว่า เราจะไปให้ถึงดวงดาว เราอย่าไปให้ถึงดวงดาว เราจะต้องเป็น ดวงดาว อย่างที่เขาเป็นดาวของเค้าน่ะ ดาวขี้กะโล้โท้ ดาราที่เค้าว่าเด่นๆ โด่ๆ ดาวนักร้อง ดาวนักอะไรก็แล้วแต่ ไอ้นั่นก็ดาว ก็หมายความว่ามันเด่น แต่เราเป็นดาวนี่ ไม่ใช่ดาวเด่น แต่ดาวนี่เป็นดาวที่สร้างสรร เป็นดาวที่มีตัวเนื้อหาสาระให้ได้ รวมชื่อสิ่งที่อาตมากำลังจะสร้างนี้ว่า ถ้าเรียกมนุษย์ ก็เรียกว่ามนุษย์หินฟ้า มนุษย์หินฟ้า ถ้าเรียกระบอบ ก็เรียกว่า ระบอบบุญนิยม ซึ่งยังไม่มีในโลก ขอยืนยันว่า ยังไม่มีในโลก ระบอบบุญนิยม เหมือนประชาธิปไตยมั้ย ประชาธิปไตยเหมือนระบอบบุญนิยม บ้างเหมือนคอมมิวนิสต์มั้ย คอมมิวนิสต์เอาส่วนดี มีส่วนดี ที่แอบๆ ปนๆ อยู่ในบุญนิยมนี้ บ้าง เหมือนเผด็จการ เผด็จการก็มีแฝงๆปนๆ อยู่ในบุญนิยมนี้บ้าง เป็นระบอบของมนุษย์ เป็นระบอบของการอยู่กัน เป็นความเป็นอยู่ที่ใช้ระบอบที่วิเศษที่สุด จะอยู่กันอย่างบุญ อยู่กันอย่างพี่น้อง อยู่กันอย่างอิสระเสรีภาพ อยู่กันอย่างสันติภาพแน่นอน และอยู่กัน อย่างมีสมรรถภาพ ความสามารถจะได้ไม่น้อยหน้า น้อยตา จะได้ไม่ด้อยกว่าใคร มีความสามารถจริงๆ ตราบใดที่บูรณภาพของมันขึ้น ถึงขีด มีความเต็มความโตพอถึงขีด ก็จะเห็นรูปร่างขึ้นมาเรื่อยๆ จนกว่ามันจะเต็มรูป สมบูรณ์ที่สุด เป็นบูรณภาพที่ครบองค์ที่สุด เมื่อใดอาตมาตอบไม่ได้


ถอดโดย ศิริวัฒนา เสรีรัชต์
ตรวจทาน ๑ โดย อุทัยวรรณ ตั้งมั่นสกุล ๔ พ.ค.๒๕๓๔
พิมพ์โดย สม.นัยนา
FILE:1490B