ตอน... เมื่อยังมีแม่อยู่ วารสารรายสองเดือน "ดอกหญ้า" อันดับ 96

เพื่อนบางคนให้พูดถึงแม่เป็นไม่ได้ซาบซึ้งกินใจจน น้ำตาคลอเบ้าความผูกพันกับ แม่ของแต่ละคนมากน้อยต่าง กันไปเพื่อนคนนี้อาจจะผูกพัน ใกล้ชิดกับแม่มากและเราก็ เป็นคนหนึ่งในจำนวนนี้คง เพราะเป็นลูกชายคนเล็กและ ในครอบครัวมีลูกชายคนเดียวชีวิตที่โตขึ้นมาจึงมักจะอยู่กับแม่ มากกว่าพ่อแต่ก็ใช่ว่าพ่อแม่จะรัก ลูกชายคนเดียวมากกว่าพี่ๆ ครอบครัวอื่นอาจจะเป็นบ้างแต่ ครอบครัวเราพ่อแม่รักลูกเท่าๆ กัน ได้ของกินได้กระปุกออมสินของ เล่นเหมือนๆ กันไม่ค่อยรู้สึก อิจฉากันเพราะเรามีอยู่กันแค่สาม คนพี่น้องสมัยเด็กเคยโดนแม่ตี เพราะแย่งของกับพี่สาวคนรอง เลยโดนตีทั้งคู่เราเองไม่ร้องไห้ แต่พี่สาวแอบไปร้องไห้ที่สระน้ำ หลังบ้านแอบ ไปเห็นก็สงสารพี่ จึงไปขอคืนดีด้วย เพราะรู้สึกว่าเรา เป็นต้นเหตุให้พี่ โดนตีด้วย

กับพี่ๆ ได้ อยู่ด้วยกันเล่น ด้วยกันตอนที่ยัง เรียนชั้นประถมเมื่อพี่ คนโตเรียนต่อชั้นมัธยม และต่อมาย้ายบ้านด้วย จึงทำให้พี่น้องต้องแยกกัน ส่วนใหญ่จะได้อยู่กับ พี่สาวคนรองเมื่อเราจบ ประถมหกจะเรียนต่อ มัธยมก็ต้องจากบ้าน มาอยู่กับตายายที่บ้านอยู่ ใกล้โรงเรียน

เรากับพี่สาวคนโต อายุต่างกันหกปีพอเราเข้าชั้น ประถมหนึ่งพี่สาวคนโตก็เรียนจบ ประถมหกเมื่อเราเข้ามัธยมหนึ่ง พี่สาวคนโตก็เรียนจบมัธยมหกพอดี ตอนนั้นก็อยากให้พี่สาวเรียนต่ออยู่ ด้วยกันสักปีเราจะได้มีเพื่อนคุย เล่นและกลับบ้านด้วยกันเพราะเรา เข้ากันได้ดีตอนที่ยังเรียนประถมอย พี่สาวคนโตมักจะเก็บเงินค่าขนมตัวเองซื้อขนมมาฝากเวลากลับ บ้านตอนเย็นตอนนั้นดีใจมาก เพราะเราก็รู้ว่าพี่มีเงินค่าขนมไม่มาก เพราะฐานะทางบ้านเราก็ไม่ร่ำรวย อะไรเมื่อพี่สาวคนโตเรียนจบและ ไปเรียนต่อที่ภาคใต้เราจึงยิ่งห่าง กันมากกับพี่สาวคนรองก็แยกกัน เพราะพี่ไม่ได้เรียนต่อต้องช่วย พ่อแม่ทำงานอยู่กับบ้านส่วนเรา ต้องอยู่กับตายายเสาร์อาทิตย์จึงจะ ได้กลับบ้าน

ส่วนใหญ่ลูกทุกคนผูกพันกับ แม่มากพี่สาวคนโตไปเรียนต่อที่ ภาคใต้ก็เอาเสื้อของแม่ติดตัวไปด้วย ยามคิดถึงก็เอามานอนกอดและ ร้องไห้ไปด้วยเวลาที่พี่มาจากใต้ ตอนจะกลับพี่จะร้องไห้แม่ก็น้ำตา คลอและเมื่อพี่กลับไปแล้วแม่ มักจะบ่นถึงเป็นห่วงว่าจะถึง หรือยัง เพราะไกลมากกว่า พี่สาว จะไปถึงต้องนั่งๆ นอนๆ บนรถไฟ เป็นวันๆ เราเองก็เป็นเหมือนพี่สาว ตอนเรียนมัธยมเสาร์อาทิตย์จึงจะ ได้กลับบ้านและวันอาทิตย์ถ้าพ่อ ไม่ไปส่งแม่ก็จะมาส่งที่บ้านตายาย เองตอนที่แม่จะกลับนี่แหละ ไม่อยากให้แม่รีบกลับพยายาม ถ่วงเวลาไว้แต่ดูเหมือนว่ายิ่งถ่วง เวลากลับยิ่งผ่านไปไวมากขึ้นเมื่อ แม่กลับไปแล้วก็ไม่มีกะจิตกะใจจะ ทำอะไรนั่งซึมเศร้าอยู่นานกว่าจะ หายเมื่อมาเรียนต่อมหาวิทยาลัย ในกรุงเทพฯเวลากลับบ้านก็ไม่ อยากกลับมาเรียนต่อกลับมาถึง กรุงเทพฯ แล้วก็นั่งคิดถึงแต่บ้านเป็นวันๆ กว่าจะหาย จนกระทั่ง เดี๋ยวนี้อาการแบบว่านั้นหายไปได้ อย่างไรก็ไม่รู้อาจจะเป็นเพราะโต ขึ้นเข้าใจชีวิตและเรื่องราวต่างๆ ในโลกมากขึ้นกับพี่ๆ ก็ห่างกันไป เพราะต่างก็แยกย้ายไปมีครอบครัว และทำการงานบางปีก็แทบจะ ไม่ได้เจอะเจอกันเลย

แม่เคยบอกว่าภาคภูมิใจใน ลูกทุกคนที่ไม่ค่อยได้ทำให้พ่อแม่ เดือดร้อนไม่เหมือนกับหลาย ครอบครัวที่จะทุกข์ ระทมเพราะลูกๆ จริงๆ แม่ก็ไม่ค่อยได้ พร่ำสอนอะไรพวกเรา กันมากเพราะโตขึ้น ต่างก็ต้องไปเรียนต่อ จึงไม่ค่อยได้ใช้ชีวิต อยู่ที่บ้านต้องดูแล ตัวเองเป็นส่วนใหญ่ จะมีพี่สาวคนรอง เท่านั้นที่อยู่กับบ้าน และอยู่กับพ่อแม่ มากที่สุดและต้อง ทำงานหนักกว่าพวก เราที่ได้ร่ำเรียน

คงจะเป็นเพราะความรักของ แม่ที่มีให้พวกเราอย่างเหลือเฟือ จึงทำให้พวกเราไม่กล้าทำสิ่งไม่ดีงาม ทั้งหลายให้พ่อแม่ไม่สบายใจแต่ก็ มีครั้งหนึ่งตอนเรียนที่อาชีวะเคย ไปเล่นสนุ๊กเกอร์กับเพื่อนไม่ได้มี เดิมพันแต่ถ้าใครแพ้ต้องเสียค่าโต๊ะ เราก็เสียไปหลายเกมกลับมานอน ไม่หลับเลยกลัวแม่จะรู้และเสียใจ ที่เราใช้เงินในทางที่ไม่ดีตั้งแต่ วันนั้นเป็นต้นมาเมื่อเพื่อนจะชวน ไปทางไม่ดีใจจะประหวัดถึงแม่ เสมอเพราะถ้าแม่รู้แม่จะต้องไม่ พอใจและเสียใจจะว่าไป ได้ดีมา ทุกวันนี้เพราะอิทธิพลความรักของ แม่นี่เอง

ทุกวันนี้กลับบ้านไปเยี่ยม พ่อแม่ที่บ้านแม่ก็ยังเป็นห่วง เป็นใยเสมอแต่อาจจะไม่มาก เหมือนก่อนเพราะเราโตมากแล้ว พ่อเองถึงไม่ค่อยแสดงออกว่าห่วงลูกเดิมเป็นเท่าตัว นึกๆ ไปก็เสียใจที่เรา รำคาญใจทั้งๆ ที่แม่ปรารถนาดี ตอน นั้นถ้าไม่มีแม่ก็คงจะแย่ตอนออก จากบ้านมาเรียนต่อมหาวิทยาลัย ทุกข์ใจทุกข์กายอะไรคนแรกที่ คิดถึงก็คือแม่นี่แหละเพราะ รู้สึกว่าแม่ปลอดภัยสำหรับเรา สบายใจถ้ามีแม่อยู่ ครั้งหนึ่งแม่กลับจากไปเยี่ยม พี่สาวที่ภาคใต้พี่สาวโทรนัดแนะ ให้มารับแม่ด้วยรุ่งเช้าจึงรีบตื่นนั่ง รถเมล์ไปรับแม่ที่ขนส่งสายใต้ใหม่ พอเห็นรถคันที่มาจากจังหวัดที่พี่สาว อยู่ก็รีบมองหาแม่พอเห็นแม่ลง จากรถดีใจเป็นที่สุดเข้าไปช่วยถือ กระเป๋าแล้วร้องไห้ไม่อายชาวบ้าน เลยแม่ก็รีบโอบหลังและเดินออก จากท่ารถ และตกใจว่า ลูกเป็นอะไร หรือเปล่าช่วงนั้นมีเรื่องไม่สบายใจ บางอย่างพอเห็นแม่น้ำตามันไหล โดยอัตโนมัติก่อนกลับแม่บอกว่า ก็เอาตัวรอดได้แน่นอน ความรักความห่วงใยของแม่ บางทีเราเองก็รู้สึกรำคาญที่แม่คอย เอาใจใส่ความห่วงของแม่มีมาก เหลือเกินและละเอียดอ่อนโดย- เฉพาะตอนป่วยแม่จะห่วงมากกว่า แต่แม่จะเล่าให้ฟังทีหลังว่าพ่อ จะไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบของลูกๆ จากแม่เสมออย่างไรก็ตามพวกเรา ก็ไม่ได้รักและเคารพพ่อน้อยไปกว่า แม่เลยครั้งหนึ่งตอนเด็กๆ เราถูก หมาบ้ากัดแผลก็ไม่ได้ลึกอะไร พ่อนี่แหละเป็นคนพาไปรักษา หลายหมอทั้งหมอผีหมอพ่น หมอฉีดยาฯลฯ

ตอนเรียนจบมหาวิทยาลัย พ่ออยากให้สอบรับราชการ เหมือนพี่สาวคนโตเพราะ ห่วงว่าจะไม่มี หลักประกันใน ชีวิตหลายครั้ง ทีเดียวที่พ่อถามว่า ไม่สอบจริงๆ หรือ เราก็ตอบว่าดูแล ตัวเองได้สบาย ใจได้เลยแม้จะ ไม่ได้รับราชการ ก็เอาตัวรอดได้แน่นอน

ความรักความห่วงใยของแม่ บางที เราเองก็รำคาญ ที่แม่คอยเอาใยใส่ ความห่วงของแม่ มีมากเหลือเกิน และละเอียดอ่อน โดยเฉพาะตอนป่วย แม่จะห่วงมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว นึกๆ ไป ก็เสียใจที่เรารำคาญใจทั้งๆ ที่แม่ปรารถนาดี ตอนนั้นถ้าไม่มีแม่ ก็คงจะแย่ ตอนออกจากบ้านมาเรียนต่อมหาวิทยาลัย ทุกข์ใจทุกข์กายอะไร คนแรกที่คิดถึง ก็คือแม่นี่แหละ เพราะรู้สึกว่า แม่ปลอดภัยสำหรับเรา สบายใจ ถ้ามีแม่อยู่ ครั้งหนึ่ง แม่กลับจากไปเยี่ยมพี่สาวที่ภาคใต้ พี่สาวโทรนักแนะให้มารับแม่ด้วย รุ่งเช้า จึงรีบตื่นนั่งรถแมล์ไปรับแม่ที่ขนส่วงานใจ้ใหม่ พอเห็นรถคันที่มาจากจังหวัดที่พี่สาวอยู่ ก็รบมองหาแม่ พอเห็นแม่ลงจากรถดีใจเป็นที่สุด เข้าไปช่วยถือกระเป๋า แล้วร้องไห้ไม่อายชาวบ้านเลย แม่ก็รีบโอบหลัง และเดินออกจากท่ารถ และตกใจว่าลูกเป็นอะไรหรือเปล่า ช่วงนั้นมีเรื่องไม่สบายใจบางอย่าง พอเห็นแม่น้ำตามันไหลโดยอัตโนมัติ ก่อนกลับ แม่บอกว่า ถ้าไม่อยากอยู่กรุงเทพฯก็กลับไป อยู่บ้านเรากว่าจะเข้มแข็งได้อย่าง ทุกวันนี้กล่าวได้ว่าแม่เป็น กำลังใจให้อย่างมาก

มาถึงวันนี้เคยนึกว่าถ้าไม่มี พ่อแม่อยู่พวกเราพี่น้องคงทำใจ ได้ยากแม้จะเรียนรู้ชีวิตว่าทุกสิ่ง ทุกอย่างไม่เที่ยงแท้แน่นอนต้อง เกิดดับเป็นธรรมดาแต่ความผูกพัน กับแม่เรามีกันมากเหลือเกิน ในช่วงนี้แม่ยังอยู่จึงมีโอกาสทำ ให้แม่สบายใจและพอใจแม้ว่าจะ ไม่ได้ไปดูแลใกล้ชิด แต่การที่เรา พยายามทำตนให้เป็แนคนดีของ สังคมไม่เป็สนภาระและแข็งแรง พอที่จะช่วยเหลือสังคมได้บ้าง แม่คงพอใจและภาคภูมิใจ อย่าง น้อยวันเวลาที่แม่เหนื่อยสู้อุตส่าห์ เลี้ยงดูเรามายี่สิบกว่าปีก็ไม่เปล่า ประโยชน์เสียทีเดียวเพราะแม่เอง ก็กล้าพอที่จะมอบลูกคนนี้ให้ มวลชนและสังคม

แม้เราจะเป็นก้อนดินก้อน เล็กๆ ที่พยายามสร้างสรรสิ่งดีงาม ให้เกิดขึ้นในสังคมและจะเป็นดิน ก้อนแรกๆ เพื่อให้ดินก้อนต่อๆ ไป มาทับถมกันให้มากขึ้นจนเต็มสังคม ก็น่าจะเป็ขนสิ่งหนึ่งที่ได้ทำให้แม่ และตั้งใจว่าจะบวชให้แม่ก่อนที่ แม่จะไม่อยู่กับเราสิ่งเหล่านี้จะทำ ได้ก็เมื่อยังมีแม่อยู่

BACK index