พ่อหลวงคิดอะไร
- ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล -
กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา
๔ ก.ย. ๔๕ ณ ศาลากลาง จ.นครราชสีมา
ต่อจากฉบับที่ ๑๖๐ เรื่องอย่างนี้ต้องช่วยกันเผยแพร่
เมื่อกี้นี้ถ้าสติจับอยู่
น้ำเต็มแก้วแล้วเราหยุด หมายความว่าเราพอแล้ว เศรษฐกิจพอเพียง คือเต็มศักยภาพของแก้วแล้ว
เราหยุดแล้ว พอแล้ว เมื่อกี้เหตุการณ์เกิดขึ้นเพราะทำอะไรเกินพอ เกินพอเสร็จน้ำชานั้น
มันหกล้นลงไป สภาพน้ำชายังคงอยู่ แต่เราจะก้มลง ดูดบนพื้นไหม เสียดาย
มันเป็นน้ำชาที่เสียแล้ว ใช่หรือเปล่า น้ำชาตัวมันเสียแล้ว ยังไม่พอ
มันทำให้โต๊ะ ซึ่งเขาไม่เกี่ยวข้อง ด้วยเลย ต้องเสียไปด้วย ต้องเปื้อนไปด้วย
ทำให้เสื่ออยู่ข้างล่างเสียไปด้วย ทำให้สบง ซึ่งไม่เกี่ยวข้อง อะไรเลย
ต้องถูกนำมาซับ แล้วต้องซักใหม่เสียไปด้วย เท่านี้พวกเรา คงจะพอเห็นบ้างแล้วนะครับ
ทำอะไรเกินพอนั้น เป็นการเกินตัว และเกินความต้องการ
ที่พระท่านบอก การทำอะไร ตั้งอยู่บนฐาน ความโลภ มันทำลายหมดเลย ในตัวของมัน
ก็ทำลาย แล้วยังทำลาย สิ่งรอบข้างทั่วไปหมด นั่นคือ วิกฤตเศรษฐกิจของเราที่เกิดขึ้นเมื่อ
๖ ปีที่แล้ว พังทลายหมด มันเหมือนสร้างตึก ที่พังถล่มทลาย ที่โคราชนี่
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งบอกว่า
เรานั่งอยู่ในห้องประชุม ท่านผู้ว่าฯ นั่งอยู่ในห้อง หรือเวลาเรากลับไปบ้าน
เราอยู่บนบ้านได้ มันไม่พังทลายลงมาเพราะอะไร ท่านรับสั่งถาม ไม่พังทลายเพราะอะไร
เพราะเสาหรือเพดานหรือเปล่า หรือพื้น ไม่ใช่ทั้งสิ้น มันอยู่ด้วยสิ่งสิ่งหนึ่ง
ซึ่งเราเคยเห็น แต่หลังจากสักพักหนึ่ง เราไม่เห็นอีกแล้ว แล้วเราไม่นึกถึงเขาเลย
สิ่งนั้นเราเรียกว่าอะไร เสาเข็ม รากฐาน ตอนปลูกบ้านทุกคนเห็นหมด วางเสาเอก
ตึกนี้เริ่มสร้างก็เห็น แต่ละเสา จะต้องถูกคำนวณ อย่างแน่ชัดว่า จะแบกน้ำหนักเท่าไหร่
ใช่ไหมครับ ถ้าใส่เยอะเกินไป เท่ากับปฏิบัติการ ไม่ฉลาดนัก เพราะเอาเงิน
ไปจมอยู่ใต้ดิน เมื่อจะสร้างหอประชุมแค่นี้ ทำไมต้องฝังเยอะแยะ ก็ต้องฝังให้พอเหมาะ
ฝังน้อยเกินไป ก็อย่างโรงแรมที่นี่ ที่พังครืนลงมา เห็นไหมครับ ฐานรากจะต้องพอดีกับน้ำหนัก
ที่จะแบกรับไว้ นั่นคือความหมายของ เศรษฐกิจพอเพียง ต้องปูฐานรากของชีวิตเสียก่อน
และเมื่อฐานรากของชีวิตเกิดขึ้นแล้ว เราก็คอยขยับไปเรื่อยๆ
ถ้าจะต่อเติมขึ้นมา ก็ต้องเสริมฐานราก เป็นระยะๆ ไป
เมื่อเราเกิดความร่ำรวยขึ้นมาโดยไม่มีฐานราก
เพราะว่าฐานเงินยืมเขามา ฐานเทคโนโลยีซื้อเขามา ฐานคนเอาคนอื่น เข้ามาบริหาร
วันใดวันหนึ่งตอนฟองสบู่แตก เขาเห็นเมืองไทยไม่น่าอยู่แล้ว จุกจิก
จู้จี้คอรัปชั่นกินโกง ฉ้อราษฎร์บังหลวง ทำให้การดำเนินงาน ของเขาติดขัดทั้งปวง
ต้นทุนเขาสูง ดังนั้นไปประเทศเวียดนามดีกว่า ไปประเทศจีนดีกว่า แล้วเราเหลืออะไร
เหลือที่เราเรียกว่าฟองสบู่ ไปเจาะข้างในปรากฏว่า มีแต่อากาศ ไม่มีอะไรสักอย่าง
จำได้ไหมเมื่อ
๖ ปีที่แล้ว เราพูดว่าไง ดีใจเวลามีรายงานการลงทุนเข้ามาอีกแสนล้านแล้ว
มีบริษัทยักษ์ใหญ่ เข้ามาตั้งโรงงาน มหึมาที่โคราช มีโรงงานนั้น โรงงานนี้ตั้งขึ้นมา
ดีใจหอโตๆ ตึกใหญ่ๆสร้างขึ้น สำนักงานใหญ่ๆ ตัวอาคารเยอะแยะ แต่พอฟองสบู่แตก
วันนี้เราพูดเรื่องอะไร SME เล็กๆ ทำไมไม่พูดเหมือนตอนแรก มันโตจนกระทั่งแตกแล้ว
พอแตกแล้ว ทีนี้ไม่เอาแล้ว เพิ่งรู้ตัว ว่าถนัดของเล็ก แปลกประหลาดไหม
เจ็บตัวแล้วถึงฉลาด อย่างภาษาโบราณเขาว่า เห็นโลงแล้ว ยังไม่หลั่งน้ำตา
จนกระทั่งโลงแตกแล้ว ไม่มีน้ำตาจะหลั่ง ตอนนี้เหือดแห้ง
สิ่งที่ผมพูดคือสิ่งที่มันเกิดขึ้นมาให้เห็นเป็นบทเรียน
พอ SME เสร็จแล้ว นึกถึงอะไร นึกถึงเกษตร ที่เททิ้งไป เริ่มกลับมาแล้ว
ข้าว เราอยู่ได้เพราะข้าว ตอนนี้อยากจะเขกกบาลนัก
ตอนแรก ไม่เคยคิดเลย กินเอากินเอา กินทิ้งกินขว้างด้วย พวกผู้ใหญ่
ในบ้าน ในเมืองจับดำนาให้หมด เกี่ยวข้าวให้หมด จะได้รู้ว่าแต่ละเม็ดที่อยู่ในจานนั้น
มันเหนื่อยยากแค่ไหน ผมพูดเป็นประจำเลย โดนดำนาโดนไถนา เกี่ยวข้าวกันเป็นประจำอยู่แล้ว
คงเห็นภาพปรากฏอยู่เรื่อยๆ ผมเป็นคน จังหวัด เพชรบุรี บ้านผมทำนาอยู่แล้ว
โธ่ กว่าจะได้มาสักกำมือนี่นะ เหงื่อกาฬมันไหล เกี่ยวไม่เป็นเสียอีก
เอ ทำไมคนอื่นเกี่ยวฉับๆ ชาวบ้านเขาไปยืนดูเราเกี่ยว หัวเราะกัน เราก็นึกเขาคงเชียร์เรา
เกี่ยวใหญ่ เหงื่อกาฬโชกเลย พอเกี่ยวจนหมด เขาบอกอาจารย์ ทีหลังไม่ต้องเกี่ยวถึงโคนอย่างนั้น
มันตัดยาก เกี่ยวแค่ครึ่งต้นก็พอ นี่เล่นโคนเลย โคนมันก็หนา นี่คือตัวอย่าง
ของความเซ่อ แทนที่จะบอกเรา เสียทันที รอให้เกี่ยวเสร็จก่อนถึงบอก
ถือเป็นบทเรียน รวบข้างบน ง่ายกว่าตั้งเยอะ เพราะต้นมันนิ่มอยู่ นี่ทะลึ่งไปเกี่ยวตรงโคน
ตอนนี้พอหันกลับมาเรื่องเกษตร แต่มันค่อนข้าง จะสายไปหรือเปล่า
การที่เราพุ่งไปสู่การส่งออกทั้งหมดนั้น
ทำให้เกิดธุรกิจธุรกรรมการปฏิบัติ ที่ไม่ใช่ธรรมชาติเข้ามา ผงเคมี
เริ่มเข้ามาเยอะ ข้ามฟากไปที่ ประเทศลาวนั้น เขาเรียกใช้ฝุ่น ต้องใส่ฝุ่น
เราก็เอ๊ะ..ต้องใส่ฝุ่น อ๋อ ฝุ่นนี่คือปุ๋ย คือยาฆ่าแมลง ปรากฏว่าดินพัง
ชีวิตคนใช้พัง ชีวิตคนบริโภคพัง ภูมิซึ่งเป็นสุดยอด ของประเทศชาติพังทลายไป
และสังคมก็พังด้วย แล้วจะทำอย่างไร จะต้องกลับคืน สู่ธรรมชาติ แล้วครับ
ธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุด อย่างที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รับสั่งไว้
ธรรมชาติเขาเป็น ทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ที่ลุ่มเป็นสระ ที่ดอนเป็นที่อยู่อาศัย
โครงสร้างของแผ่นดิน เขาสร้างหมดแล้ว นี่เราไปสร้างของ ไปขวางทางเขาบ้าง
จนกระทั่งผลสุดท้าย พังทลายไปเรียบเลย ก็ตามแก้กันอยู่อย่างนี้
ถาม มีอุปสรรคไหมถ้าเราเลิกใช้
๑.มันฝังเข้าไปในนิสัยแล้ว
นิสัยของคนรสนิยมสูงรายได้ต่ำ ก็ฝังเข้าไป ชอบใส่เสื้อนอก ในห้องนี้ผมชื่นชมมาก
ไม่มีเลย ร้อนจะตายชัก แต่งแบบคนเมืองหนาว นี่ไม่ใช่ผมพูดนะ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งไว้
ที่มหาวิทยาลัยเกษตร ๒๐ ปีมาแล้ว บอกคนไทยนี่แปลกนะ ชอบแต่งตัวเหมือนคนเมืองหนาว
พอแต่งตัวเหมือนคนเมืองหนาว เสร็จแล้ว ต้องทำอะไร ก็ต้องสร้างสภาวะเมืองหนาว
ให้เกิดรอบข้าง เราถึงจะอยู่ได้ใช่หรือเปล่า ขอโทษนะครับ ไปเยี่ยมเกษตรกร
เห็นพวกผู้หลักผู้ใหญ่ ในบ้านในเมือง ไปเยี่ยมชาวบ้านท้องถิ่น ผูกเนคไท
ใส่เวอร์ซาเช่ ตัวละหมื่นกว่า ผมว่าผ้าขาวม้า ผืนหนึ่งดีกว่า ได้ประโยชน์เช็ดตัวก็ได้
อะไรก็ได้ เน็คไทเช็ดได้แค่ปากเท่านั้นเอง เวลากินอะไรมูมมาม ก็เช็ดปากเท่านั้นเอง
ผ้าขาวม้านี่นอนก็ได้ เช็ดตัวก็ได้ ห่มก็ได้ ผูกเป็นเปลก็ได้สารพัดประโยชน์
ฉลาดกว่า ทำไมไม่เอาผ้าขาวม้าพันคอ แล้วไปทำงานที่กระทรวง เท่กว่าเยอะ
เน็คไท ผ้า ๓ คืบ พันคอร้อนจะตายชัก มัดมันไว้ เวลาไป ประชุมต่างชาติ
โดยเฉพาะ ในอาเซียน ผลัดกันเป็นเจ้าภาพ ในบัตรเชิญเขาจะ national
costume หมายความว่า ให้แต่งชุดประจำชาติมา น่าสังเวชที่สุดเลย
ประเทศไทย ที่คุยว่าไม่เคยเป็น เมืองขึ้นใคร มีอิสรภาพเสรีภาพมาโดยตลอด
ปรากฏว่าเป็นชาติเดียว ที่ไม่มีชุดประจำชาติ ฟิลิปปินส์เขาใส่ เสื้อบารอนบางๆ
มาเลเซีย อินโด ใส่เสื้อบาติค พม่าเขาโพกหัว คีบเกือกแตะมา คนคุยว่าไม่เคยเป็นเมืองขึ้น
แต่งชุดขี้ข้าฝรั่ง เศร้าไหม แต่ตอนนี้เริ่มแล้ว ใส่ทุกวันอังคาร ประชุม
คณะรัฐมนตรีใส่ชุดไทย ตกลง ๗ วันเป็นคนไทยวันเดียว ไปที่จังหวัดเชียงใหม่
แต่งชุดคนเมือง เฉพาะวันศุกร์ ก็เลยถาม พี่น้อง เป็นคนเมืองเฉพาะวันศุกร์นี่นะเหรอ
แล้วที่เหลือ เป็นอะไร ทำไมถึงไม่แต่งวันจันทร์-วันศุกร์ แล้ววันเสาร์-วันอาทิตย์จะเปิดสะดือบ้าง
ก็เชิญตามสบายเถอะ เด็กสมัยใหม่ ประหยัดมากนะ ใส่เสื้อตัว สะดือโบ๋เชียว
เหมือนเด็กๆ สมัยเราใส่เอี๊ยม เด็กสมัยนี้ ก็เด็กเลี้ยงไม่โต สะดือโบ๋
กางเกงฟิตปั๋งเชียว มันจะถอด มันจะใส่ได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ มีชาวนาบางคน
ทะลึ่ง ซื้อกางเกงยีนส์ใส่ไปไถนา ขณะที่ภูมิปัญญาไทย เขามีเสื้อหม้อห้อม
กางเกงหม้อห้อม สำหรับทำนาคล่องมาก พอขึ้นมาถึงจุ่มน้ำ ๒-๓ ที ไม่ต้องตากด้วย
นุ่งเสร็จปั๊บเดินไป ๒-๓ ชั่วโมง ส่ายไปส่ายมาแห้งแล้ว แห้งคาตัวเลย
นี่บางคนผมเห็น ซื้อกางเกงยีนส์ใส่ แถมถามว่าของแท้ หรือเปล่า ๔๐๑
รุ่ยหรือเปล่า นี่ของผมแท้ ซื้อมาจากงานเมื่อครั้งที่แล้ว กางเกงมันก็กิโลกว่า
เข้าไปแล้ว ลงไปดำนาโคลนมันจับอีก ๓ กิโล มันขึ้นจากนาไม่ได้ ต้องฉุดกระชากลากขึ้นมา
เด็กสมัยนี้ นี่ยังดี มันยังดำนาอยู่ เสร็จแล้วทำไง กางเกงมันก็คับ
ใช้น้ำไม่รู้กี่น้ำ ที่จะซักโคลน ออกจากกางเกงยีนส์ ในขณะที่กางเกงหม้อห้อมของเราจุ่มๆ
น้ำเดียวเรียบร้อย สะอาด ยีนส์นี่ซักแล้ว ซักอีก น้ำยิ่งหายากอยู่ด้วย
แค่ซักกางเกงยีนส์ก็น้ำหมดนาแล้ว ใส่เข้าไปมากๆเข้า ตากยังไม่แห้ง
หรือไม่ก็แห้งช้า เอามาใส่ชื้นๆ โรคผิวหนังกินง่ามขาเข้าไปอีก ต้องไปซื้อยาอะไรต่ออะไรต่างๆ
ค่าใช้จ่ายทั้งนั้น
สิ่งต่างๆ เหล่านี้เราต้องกลับมาคิดแล้วนะครับว่าจะทำอะไร
ไม่มีอะไรเหนือความสามารถ ที่เราจะแก้ได้ ผมรับรองได้
เมื่อวานนี้ผมไปที่อำเภอลาดบัวหลวง
มีคนถวายที่ให้มูลนิธิชัยพัฒนาชิ้นหนึ่ง ไม่รู้จะทำอะไร ก็ตั้งโรงเรียน
สอนชาวนาแล้วกัน เอาคนที่รู้ต่างๆ แล้วไม่จำเป็นต้องเป็นข้าราชการหรอก
คนโน้นคนนี้มาสอน เริ่มสอนก่อน อย่างพวกเรา ที่ไม่มีความรู้ แม้กระทั่งตัวผมเอง
แมลงคือแมลง บางทีเราก็ไม่รู้ อะไรคือตัวเบียน ตัวห้ำ อะไรต่ออะไร
มันมีแมลงที่มีประโยชน์ กับไม่มีประโยชน์ บางครั้งเราก็ไม่แยกแยะ พ่นพรืดไป
ตายเรียบ นี่ประการที่ ๑
ปุ๋ยมีไหม วงจรชีวิตเขาสร้างหมดแล้ว
มูลสัตว์ที่ถ่ายออกมา อันนี้ก็ไปบรรลุธรรมที่วัดอีกนั่นแหละ กวาดวัด
กวาดไปสัก ๑๐๐ เมตรได้ เหงื่อโชกเลย เกลี้ยง กวาดใบไม้ไปไว้ที่โคนต้นไม้
หมดแล้ว เหลียวกลับไปอีกที ใบไม้มาคลุมอีกแล้ว กวาดอีกเที่ยว ไปกองไว้โคนต้นไม้
เหลียวกลับมา มีอีกแล้ว เกิด แก่ เจ็บ ตาย ใบแก่ร่วงหล่นลงมาแล้วก็ไปย่อยสลาย
วงจรก็ไม่ได้ไปไหน ไม่มีคำว่าตายนะครับ มีคนมานั่งร้องห่มร้องไห้ เพราะพี่สาวตาย
เขาไม่ตาย ไม่มีคำว่าตาย เขากลับไปที่เขาเกิด
เขาเกิดมา จากดิน น้ำ ลม ไฟ เขากลับไปเป็น
ดิน น้ำ ลม ไฟ เท่านั้นเอง คำว่าตายอย่าไปกลัว นี่ใบไม้ใบแก่
ร่วงหล่นมา เพื่อปล่อยที่ ให้ใบอ่อนผลิออกมา ใบแก่เอาไปไว้ที่โคนต้นไม้
ย่อยสลายกลับคืนเป็นปุ๋ย ทำให้ต้นไม้ดูดน้ำเลี้ยงเชื้อเข้าไป วงจรชีวิต
มันอยู่ในตัวของมันนั่นแหละ หาปุ๋ยต้องใส่ปุ๋ย ปุ๋ยมีอยู่ รอบตัว เอาฟางไปแช่น้ำเข้า
หรือเศษแตงโม เปลือกอะไร ที่กินๆ เข้าไป เอามาสับๆ เสีย หาภาชนะ เอาไปแช่เข้า
หมักเข้า เอาน้ำตาลใส่เข้าไป หัวเชื้อก็เป็นปุ๋ยน้ำแล้ว มันมีอยู่รอบตัว
ถ้าแมลงกิน เรามีสะเดาหรือเปล่า โล่ติ๊นมีไหม มันมีอยู่รอบตัว สติ
ปัญญาที่จะเข้าไปใช้บูรณาการ อย่างที่เราพูด มองครบวงจรรอบหมด ทุกอย่างประสานกันหมด
ชีวิตจะอยู่ได้อย่างราบเรียบ
มีการบ่น ที่แล้วมาได้
๘๐ ถัง ถ้าใช้ระบบแบบนี้มันได้ ๗๐ เท่านั้น บอกใช่ นั่งลง แล้วเอากระดาษมา
ต่างกัน ๑๐ ถังใช่ไหม นั่นคือ ยอดจำนวนการผลิตเท่านั้น มันไม่มีความหมายอะไรหรอก
แต่ขั้นต้นที่ ๘๐ ถังนั้นมีเชื้อเต็มไปหมด มลพิษสารพิษ เต็มหมดเลย
ระหว่างที่ปลูก มันซึมซับเข้าไปในร่างกาย เท่าไหร่ไม่รู้ เรามองไม่เห็นว่าจะคำนวณอย่างไร
นั่นเป็นพิษเป็นภัย แก่เราคนบริโภค ในขณะที่ อีกซีกหนึ่ง ไม่มีพิษมีภัย
เอาแค่นี้ก็ได้บัญชีบวก ขึ้นมาอย่างหนึ่งแล้ว
อย่างที่ ๒ ปริมาณผลผลิตมันลดลง
แต่ว่าเราขายข้าวได้ ในลักษณะเป็นข้าวปลอดสารพิษ ราคามันสูงกว่าข้าวธรรมดา
ใช่หรือเปล่า
เปิดบัญชีอีกอันหนึ่ง
คือบัญชีที่ไม่ต้องใช้จ่าย เราลืมคิดตรงนี้ไป
เดิมนั้นเราใช้ค่าปุ๋ยเคมีเท่าไหร่ ใช้ยาฆ่าแมลงเท่าไหร่ บวกกันแล้ว
ปรากฏว่ากำไรมากเกิน ๒๐ เปอร์เซ็นต์อีก โดยที่ไม่ต้องเปลืองตัว ไม่ต้องเปลืองชีวิตคนอื่น
ไม่ต้องเปลืองดิน ไม่ได้ทำลายอะไรทั้งสิ้น พิสูจน์ให้เห็นหมดแล้ว วันนั้น
ผมไปเห็น น่ารักมาก นักเรียนโรงเรียนหนึ่งมานั่ง ทุกคนมีกระดาษ ชาวนาสอนเอง
เริ่มที่นักเรียน ทั้งหลาย เอาแมลงมาใส่หลอดไว้ ไม่จำเป็นต้องเป็นหลอดวิทยาศาสตร์
ตลับอะไรก็ได้ หลอดยาสีฟันก็ได้ จับแมลงใส่เข้าไป แช่น้ำส้มน้ำมัน
แล้วชูให้ดู อุปกรณ์การสอนผลิตเองหมด นี่แมลงอย่างนี้ เขาเรียกตัวเบียน
มันกินเชื้อราอย่างนี้ วัสดุอุปกรณ์การสอนดูแล้วมีมาก อยู่รอบตัวหมด
หยิบมาใช้ ใครมีไหหยิบมาวางไว้ นี่ปุ๋ยสูตร ๑ สูตร ๒ สูตร ๓ ใครมีของเหลือ
ประเภทไหน ก็ดัดแปลงสูตรเอาเอง ธรรมชาติก็ไม่เสียเลย พอพ้นหน้านา ถั่วเขียว
ตอนที่ผมไป อาจารย์มาดีแล้ว จับหว่านถั่วเขียว เราก็เป็นแรงงานหว่านถั่วเขียว
เล่นเป็นไร่เหงื่อตกเหมือนกัน อยู่กรุงเทพฯ ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย
พอถั่วเขียวขึ้นมาและเก็บถั่วเสร็จแล้ว ไถคราดกลับออกไป เป็นปุ๋ยสด
ลงไปสู่พื้นที่ วงจรชีวิตต่อเนื่อง อย่างนี้แหละ ถามว่ารวยไหม รวย
ถามว่าเร็วไหม ไม่เร็ว แต่ถามว่ายั่งยืนหรือเปล่า ก็ตอบว่ายั่งยืน
รวยช้า แต่รวยยั่งยืน หรือว่ารวยเร็วแล้วก็ NPL ชาวบ้าน
ก็รู้จักแล้วคำนี้ เอ็นพีแอล หรือหนี้เสีย รวยนั่งรถเก๋ง หนี้ท่วมตัว
ตกเย็นก็นั่งกินสเต๊ก เข้าไปพักเดียว ตาย เห็นเศรษฐีนอนอยู่ในห้องไอซียูเยอะเลย
เงินทองมีเท่าไหร่ ตอนนั้นก็เจ้าประคุณเอ๊ย เอาไปหมด ก็ได้ ขอชีวิตรอดเถอะ
เพิ่งรู้ค่าของชีวิตเมื่อตอนใกล้จะตาย ตอนอยู่สังเวยสุขรถจอด ๒๐ คัน
ตัวมีตัวเดียว แยกมานั่ง ๒๐ คันก็ไม่ไหว เวลาขับก็ทีละคัน มีทำไมตั้ง
๒๐ คัน เรื่องอะไร ก็ใช้ทีละคันไม่ใช่เหรอ
ต้องปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต
พระบาทสมเด็จพระ-เจ้าอยู่หัวทรงชี้นำในเรื่องความเรียบง่ายของวิถีชีวิต
ความเป็นอยู่ ที่ธรรมดา และวิถีชีวิตแบบไทยๆ เราลองสังเกตพระองค์ท่าน
ขณะที่มีปัญหา พระองค์ท่านไม่เคยคิดถึง เรื่องไฮเทคเลย เพราะไฮเทคนั้น
มันทำได้สำหรับ คนบางกลุ่มเท่านั้น แต่พระองค์ท่านกลับคิดในสิ่งที่พวกเราในห้องนี้
ทำได้ทุกคน ตัวอย่างกรณี เจอน้ำเน่าเสีย ฝ่ายนักการเมืองก็ดี นักวิชาการนักอะไรก็ดี
โรงบำบัดน้ำเสียราคากี่พันล้านก็ไม่รู้ สร้างไม่เคยได้ เพราะประชาชนประท้วง
ใครเอาน้ำเน่าเสีย มาไว้หน้าบ้านตัวเองก็ไม่เอาแล้ว แต่พอเหลียวกลับไปดู
เอาผักตบชวา ซึ่งเป็นอธรรมที่เรารังเกียจ กับ น้ำเน่าเสีย ซึ่งเราก็รังเกียจ
เอา ๒ ตัวนี้มาสู้กัน โดยเอาวิธีการบริหารเข้ามาจัดการ แทนที่จะปล่อยให้มันขึ้นเต็ม
เอาไม้ไผ่ มาประกบเป็นล็อกๆ พอน้ำมันค่อยผ่าน ผักตบชวามันดูดซึมซับเอาโลหะหนัก
ซึ่งเป็นต้นตอของการเน่าเสีย และก็ถ่าย ออกซิเจน ลงไปในนั้น โดยให้ผิวน้ำโดนแสงอาทิตย์
ใช้ธรรมชาติหมด ไม่ต้องจ่ายเงิน สักตังค์ ปรากฏว่า บำบัดน้ำเสียได้
แล้วมีกังหันน้ำชัยพัฒนา พระองค์ท่านก็ดูภูมิปัญญาชาวบ้านนี่แหละ ใช้หลักการหลุบที่เอาน้ำเข้าหมู่บ้าน
มาดัดแปลงง่ายๆ ใครก็ทำได้ ชุมชนก็ทำได้ ตามหมู่บ้าน ตามองค์การบริหารส่วนตำบลทั้งหลาย
ไปดูพื้นที่สาธารณะ เริ่มคิดตั้งแต่บัดนี้ เวลานี้พื้นที่ กว้างใหญ่
ก็ไม่เป็นปัญหา เทลาดตรงไหน มันก็จะซึมซับกลับไป เริ่มคิดเสียก่อน
กันที่ไว้ ขุดเป็นสระ ก็ได้ เอาน้ำเน่าเสียทิ้งลงไป เดี๋ยวมันก็ตกตะกอน
รอบๆ บ่อนั้นปลูกต้นธูปฤๅษี กกหญ้าแฝก พวกนี้มันก็ดูดซึมซับ เอาความเน่าเหม็นมาอยู่ในตัว
น้ำมันก็กรองของมันไปเรื่อยๆ ที่หนองหาร จังหวัดสกลนคร เขาทำอย่างนั้น
ใช้หญ้ากรอง ใช้ต้นไม้กรอง
ใครต้องการความรู้
ไปขอที่โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริได้ มีหมด เรามี ๒๐ ตัว พิสูจน์
ทราบแล้วว่า พุทธรักษาก็เก๋ สวยด้วย และดูดซึมซับ เราเรียกว่าระบบ
wetland คือระบบแช่น้ำ ใช้ขบวนการธรรมชาติขจัดกันเอง
อ่านต่อฉบับหน้า
-
เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๖๐ ธันวาคม ๒๕๔๖ -
|