รินถ้อยร้อยธรรม... ชุดเพชร
ดี-ชั่ว ??
หลักแห่งการตัดสินความดีและความชั่ว ขั้นสูงสุดของพุทธศาสนาคือ
ได้" กับ เสีย"
ได้มาหรือเราเอามานั่นคือ ชั่ว" ถ้าเราเสียไป หรือสละไปให้ไปนั่นคือ
ดี"
พุทธแท้ๆ
ศาสนาพุทธไม่สอนอ้อนวอน ไม่สอนร้องขอ เพราะศาสนาพุทธไม่มี
"พระเจ้า" องค์ใดคอยเป็นผู้ประทาน มีแต่สอนให้ "อัตตาหิ อัตตโน
นาโถ" ตนทำ ตนได้ ตนต้องช่วยตน ตนต้องพึ่งตน
ดังนั้น แม้ พุทธานุสติ" ก็ไม่ใช่ไปกราบกราน อ้อนวอนร้องขอ
พระพุทธเจ้า" จงช่วยประทาน หรือจงช่วยบันดาลนั้นนี่มาให้
อย่าว่าแต่แค่ไปกราบกรานอ้อนวอนเอากับ "เทวดา"เลย
เพราะ "เทวดา" ยังต่ำกว่า"พระพุทธเจ้า" และแม้ถึงขนาดนั้น พระพุทธเจ้าก็ไม่มีลัทธิ "งอมืองอเท้า"
หรือให้ฝึกตนเป็น"คนขี้ขอ"ไม่ พระองค์มีนโยบายให้ทุกคน"ช่วยตนเอง"
ให้ได้ และยิ่งไปกว่านั้น ให้ช่วยผู้อื่นให้ได้อีกเป็นที่สุดด้วย
พระ
พระคือผู้ที่มีความดีชนิดที่คนธรรมดาๆมีได้ยาก
ได้แก่การเสียสละ การไม่เห็นแก่ตัว และความมีปัญญา รู้ดี รู้ชั่วแท้ๆ
แล้วทำตนให้ดีแท้โดยตรงคือ ตัดโลภะ โทสะ โมหะ จากสิ่งที่ตนไปหลงเสพย์อยู่ติดอยู่เสียได้
ใจของพระ
เราไม่อยากให้คนมาวัดแล้วก็คิดแต่จะให้เงินทำบุญ
จนกลายเป็นประเพณี ผู้ที่ขัดสนทางด้านนี้ ก็พลอยอึดอัดกลัดกลุ้มไปด้วย
การมารับศีล รับธรรมไปปฏิบัตินั่นแหละคือ เป้าหมายที่แท้จริง ของการมาวัด
พระดิ้น
การ "ดิ้น" หาเงินของพระ คือความล่มจมของศาสนาพุทธ
พระ"หยุด"เกี่ยวข้องเรื่องหาเงินให้ได้ หยุด"ใช้เงินให้ได้ต่างหาก
คือ ความจรรโลงของศาสนาพุทธ
ตามยุคลบาท
ผู้มีฐานะถึงกษัตริย์ มีพร้อมทั้งแท่นทอง ร่มฉัตร เวียงวัง อันแสนอัครฐาน
ฯลฯ แต่แล้วลดความเป็นอยู่ลงมา นั่ง นอน อย่างเบาง่าย มีชีวิตแสนอิสระกระนี้ๆแหละ
คือ ผู้ที่เราเทิดทูนกันว่า สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และแล้วพระองค์ ก็ทรงสอนมนุษย์ผู้อื่น
ลด ละ ให้ได้อย่างพระองค์บ้าง ผู้ ทำ" ได้ตามก็เรียกว่า" พุทธบุตร"
จริงๆ คุณล่ะ ! ลดละอะไรลงบ้าง แล้วหรือยัง
? (๑๖ ม.ค.๒๐)
๑ ในนิสัยพระ
หน้าที่ของพระไม่มีเลยในการดิ้นแส่ กระเสือกกระสนหาที่อยู่ให้เกินการ
ถ้าไม่มีคฤหัสถ์ใด มาสร้างให้อยู่จริงๆ พระพุทธองค์ก็ได้ทรงสอน ให้อยู่โคนไม้
อยู่ป่า อยู่ถ้ำ อยู่เรือนว่าง ที่ไม่มีใครเข้าถือสิทธิ์ เป็นเจ้าของนั่นด้วยซ้ำไป
ต้องสร้าง "นิสสัย" ให้อยู่โคนไม้ให้ได้
ถึงอย่างนี้ต่างหากคือ พระ" ขอยืนยันว่า
"พระ" ไม่มีหน้าที่วุ่นวายหาเงิน
ก่อสร้างกุฏิ สร้างโบสถ์ สร้างวัด
รักกัน
ถ้ารักพระ อย่าเลี้ยงพระให้เป็นหมู
ถ้ารักครู อย่าหลงครูให้เป็นควาย
( ๒ ส.ค. ๒๒)
ผี
ผี" คือสัตว์นรกที่แฝงอยู่ในจิตคน
หรือคือ อกุศลจิต" ของเรานั่นเอง
โดยแท้ที่สุด
ถ้าจะเป็นหมอผี ปราบผีแท้ๆ ผีโดยปรมัตถ์ละก็ จงทำเถิดและควรทำ
หรือต้องทำทีเดียว คือฆ่า ผี" ในตัวเราให้ได้ถูกตัวถูกตนแท้ๆ
ให้ได้ก่อน
นรกแท้ๆ
ต้องเรียนรู้ อบายมุข" ให้"รู้" จริงๆให้ได้ ว่ามันคือหัวหน้าใหญ่
ที่จะพาให้เราทุกข์ทรมาน หรือ ตกนรกทั้งเป็น" จริงๆ มันไม่ใช่"ความสุข"
ที่แท้จริง ตามที่เรา หลง" อยู่เลย รีบลงมือหยุดหรือเลิกขาด
สิ่งที่อยู่ในข่าย อบายมุข" ให้ได้จริงๆ นั่นคือเราจะ "ปิดอบาย"
ในชีวิตจริงๆเดี๋ยวนี้
เมืองนรก
ขณะใดมัน โลภะ" นั่นแหละคือ
มันเป็น เปรต" แท้ๆ คืออยากอยู่รอนๆ
ขณะใดมัน โทสะ" นั่นแหละคือ มันเป็น
สัตว์นิรยภูมิ"แท้ๆ คือมีทุกข์อยู่เร่าๆ
ขณะใดมัน โมหะ" นั่นแหละคือ
มันเป็น เดรัจฉาน" แท้ๆ คือ โง่อยู่
มืดบอดอยู่ หรือขณะใด มันรู้ตัวอยู่แท้ๆว่า จิตของตนกำลังโลภะก็ดี
กำลังโทสะอยู่ก็ตาม แต่ตนก็ยังข่มฝืนหยุด ซึ่งโลภะนั้นก็ไม่ได้
ข่มฝืนห้ามโทสะนั้น ให้หยุดก็ไม่ลง นั่นแหละคือมันเป็น อสุรกาย"
คนมีบุญ
คนที่เกิดมาเป็นคนมีบุญก็คือ คนที่สร้างสรรเสียสละ"
จึงเป็นคนที่มีคุณค่าให้แก่สังคม สามารถที่จะอุ้มชู ช่วยเหลืออนุเคราะห์ มนุษย์ในโลก
เกิดมาไม่เปล่า ไม่สูญ ไม่เอาเปรียบ และพยายามไม่แลก ไม่รับสิ่งตอบแทน ให้ได้เสมอๆ
อย่างจริงใจ
มนุษย์พุทธ
เป็น "มนุษย์" ต้องมีประโยชน์ต่อโลกให้สูงสุด
มีค่าน่าบูชาเป็นที่สุดให้ได้ ไม่ใช่เกิดมาเป็น "มนุษย์"
แล้ว กลายเป็นสัตว์โลกผู้เกียจคร้าน เอาเปรียบโลก
ไม่ยอมใช้กายนี้ ใจนี้ เป็นประโยชน์ให้แก่โลก แก่ปวงชนในโลกเสียเลยนั้น ไม่ใช่พุทธศาสนา
โง่
คนที่โง่ที่สุด คือ คนที่กำลังสร้าง ความโกรธ
ให้กับตัวเอง
|