ชีวิตจำลอง

๙. นายทหารใหม่

ตอนเป็นนักเรียนนายร้อยปี ๑ ถึง ปี ๔ ผมคิดจะเป็นทหารราบมาตลอด พอมาอยู่ปี ๕ เป็นหัวหน้านักเรียน เกิดเรื่อง จนเกือบ จะถูกไล่ออก ผู้ที่เอาเรื่อง เป็นนายทหารราบ เลยคิดไม่ใคร่ชอบทหารราบไปด้วย

อีกอย่างหนึ่ง เป็นนายทหาร เงินเดือน ๑,๐๕๐ บาท เมื่อไรจะมีที่ มีบ้าน มีรถเก๋ง อาจเป็นเพียงนายทหาร ที่อยู่ต่างจังหวัด เวลาเกษียณ ขนของออกจากบ้านหลวง ขึ้นรถไฟ ไม่รู้จะไปไหน เพราะตลอดเวลารับราชการ บ้านไม่มี

เลือกเป็นนายทหาร เหล่าสื่อสารดีกว่า โอกาสจะก้าวหน้า ก็มีเหมือนกัน เมื่อเรียนโรงเรียนเสนาธิการแล้ว ก็ก้าวหน้า เหมือนๆ กับนายทหารเหล่าอื่น ที่สำคัญก็คือ ตอนนั้นสหรัฐอเมริกา สนับสนุนกองทัพไทยเต็มที่ มีทุนไปนอกมาก สำหรับทหารราบ มีแต่หลักสูตรสั้นๆ เพียงห้าหกเดือนเท่านั้น สู้ทหารสื่อสารไม่ได้

ไปเรียนเมืองนอกนานๆ ได้เรียนมาก มีความรู้มาก เที่ยวมาก ซื้อของได้มาก และเก็บเงินได้มาก ผมเลือกเป็นทหารสื่อสาร ได้ไม่นาน ก็สอบคัดเลือก ไปเรียนเมืองนอก ปีแรกก็ได้ที่ ๑ ซึ่งเป็นหลักสูตรนานที่สุดถึง ๑ ปีกว่า สมดังความตั้งใจ โดยไปเรียนที่นิวเจอร์ซีก่อน แล้วไปต่อที่ มลรัฐจอร์เจีย ซึ่งอยู่ทางใต้ของสหรัฐอเมริกา

ตลอดเวลาที่อยู่เมืองนอก เห็นอะไรก็ตื่นเต้นไปหมด เพราะเมืองเราสมัยนั้น ยังไม่มีตึกสูงๆ ศูนย์การค้า ตลาดสดแบบฝรั่ง ตื่นเต้นแม้กระทั่ง บันไดเลื่อน การได้ทุนไปเรียนเมืองนอก แม้จะเที่ยว หรือซื้อของบ้าง เราใช้จ่ายอย่างประหยัด เงินก็มีเหลือมากอยู่ดี ของในค่ายทหาร ราคาถูกเป็นพิเศษ เจ็บป่วยก็รักษาฟรี

กลับจากนอก ก็ย้ายไปอยู่กองร้อยทหารสื่อสาร ที่สวนลุมพินี (ซึ่งตอนนี้รื้อหมดแล้ว สร้างเป็นโรงเรียนเตรียมทหาร) มีพี่จิ๋ว พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นผู้บังคับกองร้อย ตอนเย็นไปหาลำไพ่ ทำงานพิเศษ ที่ฝ่ายเทคนิค สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง ๕ ได้เงินเดือนพิเศษ เพิ่มอีกเดือนละ ๓๐๐ บาท ทำอยู่กับพี่ตุ่ม พลตรีจารุพันธ์ บูรณสงคราม

บางครั้งก็ติดตาม พ.อ.การุณ เก่งระดมยิง ไปติดตั้งเครื่องถ่ายทอดสัญญาณโทรทัศน์ ที่เขาวงพระจันทร์บ้าง ไปตั้งเสาอากาศ ที่ชายแดน ภาคอีสานบ้าง

อยู่กองร้อยสื่อสาร ที่สวนลุมฯได้ไม่นาน พี่จิ๋วก็เดินทางไปเรียนต่อ ที่โรงเรียนเสนาธิการสหรัฐ พี่ชาญ พลโทชาญ หาญยุทธ ขึ้นมาเป็นผู้บังคับกองร้อย และผมเป็นรองผู้บังคับกองร้อย แทนกันเป็นทอดๆ

บ้านพักนายทหารมีจำกัด พี่จิ๋วกลัวว่า ผมจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จะไม่ได้อยู่บ้านหลวง จึงนัดแนะกัน วันที่พี่จิ๋วย้ายออก ผมก็ย้ายเข้าไปแทนพอดี

ผมอยากรวย อยากมีบ้านของตัวเอง จึงต้องทำงานเพิ่มมากขึ้น ผมหากิน ด้วยการสอนพิเศษค่ำๆ มาตั้งแต่จบเป็นนายทหาร เดือนแรกๆ สอนที่โรงเรียนกวดวิชา วัดพิชัยญาติบ้าง วัดเทพธิดาบ้าง วันหยุด รับไปสอนหนังสือเด็ก ตามบ้านก็เอา

ทางด้านศาสนานั้น ตามธรรมเนียมไทยๆ ผู้ชายชาวพุทธ จะเป็นคนสุก เป็นคนโดยสมบูรณ์ ก็ต้องบวช เดิมผมคิดจะไปบวชวัด ท่านอาจารย์พุทธทาส ที่ไชยา แต่ติดขัดหลายอย่าง ตาแนะให้บวชกับท่านเจ้าคุณ วิเชียรมุนี ที่วัดใต้ ตลาดพลู ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ มีชื่อเสียง อยู่ไม่ไกลจากบ้าน ที่ซอยสายสัมพันธ์ ออกบิณฑบาตง่าย ญาติโยมแถวนั้นพร้อมเพรียง ทราบภายหลังว่า สมเด็จพระเจ้าตากสิน ทรงผนวชที่วัดใต้ ทางวัดได้รักษาหลายสิ่งหลายอย่าง ของพระองค์ท่าน ไว้ให้คนรุ่นหลังดู จนถึงทุกวันนี้

พระที่บวชรุ่นเดียวกัน มีทั้งนายทหารบก และนายทหารเรือ และนายทหารอากาศ ผมสอบนักธรรม นวกะได้ที่ ๑ ได้รางวัล จากหลวงพ่อ เจ้าคุณวิเชียรมุนี เมื่อบวชตามประเพณี ได้ครบเวลา ๓ เดือน ที่ลาราชการ ก็กลับไปรับราชการต่อ

หลวงพ่อท่านทำงานหนัก นอกจากกิจของสงฆ์แล้ว ท่านยังทำความสะอาด ปัดกวาดวัดเป็นประจำ วัดใต้ มีสุนัขจรจัดมาก มีคนเอาไปปล่อยเสมอๆ เช้าขึ้น สุนัขก็ปล่อยของเสีย ได้เลอะเทอะ เต็มวัดไปหมด คนที่เอาสุนัขไปปล่อยวัด บาปกรรมจริงๆ นอกจาก ไม่ช่วยพระแล้ว ยังหางานให้พระอีก ฝังจิตฝังใจผมเรื่อยมา ตั้งแต่คราวนั้น ไม่ใช่เฉพาะวัดใต้วัดเดียว วัดไหนๆ เหมือนกันหมด

ปี ๒๕๓๑ ผมจึงได้หารือกับข้าราชการ กทม. ชั้นผู้ใหญ่ และประสานงานกับกรมปศุสัตว์ จัดชุดทำหมันเคลื่อนที่ ออกบริการให้ชุมชน และวัดต่างๆ โดยไม่คิดเงิน ทำหมันสุนัขและแมว ฉีดยาคุมกำเนิด ฉีดยาป้องกันพิษสุนัขบ้า เป็นการให้บริการฟรี เป็นครั้งแรก มีจุดนัดพบที่วัด ปี ๒๕๓๒ ก็ดำเนินการอีก เป็นครั้งที่สอง ช่วยพระและชาวบ้านได้มาก สุนัขจรจัด ลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด

หลวงพ่อท่านพร่ำสอน ไม่ให้เชื่อเครื่องลางของขลัง ไม่ให้ถือฤกษ์ถือยาม แต่ให้เชื่อคำสอน ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในเรื่องกรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว สึกจากพระ ผมก็เอาพระเครื่องที่สะสมไว้ ออกแจกจ่ายหมด มีความมั่นใจอย่างแน่วแน่ ไม่วอกแวกวอแว หลวงพ่อท่านสอนถูกต้อง ส่วนคนอื่นจะเชื่อถืออย่างไร ก็ช่างเขา ผมบวชทั้งที ต้องมีดีติดตัว

ระหว่างที่บวช ผมเฝ้าสังเกตหลวงพ่ออย่างใกล้ชิด เวลาท่านสรงน้ำ ท่านไม่ถูสบู่ ใครถวายสบู่ท่าน ท่านก็ยกให้พระองค์อื่นต่อ แต่ท่านก็ไม่ได้บอกเหตุผล และไม่ได้สอนให้ทำตาม คนอื่นที่ไม่คุ้น อาจหาว่า หลวงพ่อไม่สะอาด แท้จริงแล้ว ท่านสะอาดทั้งกาย และใจ สะอาดดีกว่าอีกหลายคน ที่ถูสบู่วันละ ๓ ครั้ง


เราติดต่อดูใจกันมา ตั้งแต่ผมเป็นนักเรียนนายร้อย และคุณศิริลักษณ์ เป็นนิสิต คณะเภสัช จุฬาฯ ได้จังหวะแต่งงาน เมื่อปี ๒๕๐๗ ด้วยพิธีที่เรียบง่ายๆ ไม่ได้กวนผู้ใหญ่ในวงราชการ มาเป็นประธานให้ยุ่งยาก ให้คุณพ่อคุณแม่ของคู่บ่าวสาว เป็นประธานดีที่สุด จัดงานที่ สโมสรนายทหาร โรงเรียนนายร้อย นายทหารรุ่นพี่รุ่นน้อง ช่วยกันจัดงาน คนละไม้คนละมือ เป็นกันเองดีแท้

ตอนนั้น คุณศิริลักษณ์ ชื่อนงลักษณ์ เพื่อนสนิทคนหนึ่ง ตั้งใจเย็บหมอน ให้เป็นของขวัญ โดยเอาอักษรหน้าของชื่อผม กับชื่อเจ้าสาว มาปักรวมกัน เกิดปัญหา อ่านแล้วไม่สวย คุณศิริลักษณ์ จึงเปลี่ยนชื่อ ที่นำหน้าด้วย น. มาเป็น ศ. จนถึงทุกวันนี้

แต่งงานได้ ๓ เดือน ผมก็ได้รับคัดเลือก ให้ไปฝึกงานที่ฮาวาย ๖ เดือน เป็นโอกาสที่จะได้เรียนรู้ และเก็บเงินอีก กลับจากฮาวาย ก็ชวนกัน ไปปลูกกระท่อมกลางทุ่งนา ที่ลาดพร้าว เริ่มตั้งแต่ใช้ตะเกียง และใช้น้ำบ่อ ต่อมา ก็กู้เงินธนาคารเพิ่มเติม รวมทั้งขอยืมเงิน คุณแม่คุณศิริลักษณ์ อีกส่วนหนึ่ง ปลูกบ้านสองชั้น เป็นตึก ค่อนข้างภูมิฐาน ตั้งแต่เป็นร้อยเอก

บ้านอยู่ไกลที่ทำงาน ต้องใช้รถ คุณศิริลักษณ์ใจดี ขายแหวนหมั้น สมทบทุนซื้อรถแน็ช ลอยลม เก่าๆ จากฝรั่ง ที่ปรึกษาประจำกองร้อย ซึ่งกำลังจะเดินทางกลับอเมริกา ผมจึงมีพร้อม ทั้งบ้าน ที่ดิน และรถ ตั้งแต่ยังเป็นนายทหารหนุ่มๆ

รถแน็ช จำได้ว่า ซื้อราคารวมทั้งภาษี ๑๖,๐๐๐ บาท เมื่อเดือนเมษายน ๒๕๓๒ ประมูลขาย ยกเงินให้กาชาดหมด ได้เงินถึง ๑๗๐,๐๐๐ บาท คุณศิริลักษณ์ เจ้าของรถที่แท้จริง ตัดใจได้ ยกแหวนหมั้นเคลื่อนที่ ให้กาชาด โดยไม่โหยหาอาลัยอาวรณ์

ในโลกนี้ ไม่มีอะไรเป็นของเรา อย่างแท้จริง แม้ร่างกายที่หวงแหน ประคบประหงม ก็ยืมเขามา ถึงเวลาต้องคืนไป ต้องพรากจากกัน ไม่มีอะไรที่ไม่พราก อยู่ที่ว่าจะช้าหรือเร็ว เท่านั้น

มีบ้านใหญ่ๆ ดูๆไปแล้วก็เป็นทุกข์ ต้องเสียเงินเสียเวลา รักษาดูแล เมื่อลงมือปฏิบัติธรรม จริงๆจังๆ ก็พบว่า กำลังเดินสวนกับ พระพุทธองค์ เราไม่ต้องการจะลอกเลียน เพื่อให้ทัดเทียม ถึงจะพยายามอย่างไร ก็ทำให้เทียมพระองค์ท่านไม่ได้ แต่เราต้องการ ให้ทุกข์น้อยลง จึงต้องพยายามเดินตาม ด้วยการกินน้อยใช้น้อย ทำงานมาก ถ้ามีเหลือ ก็จุนเจือสังคม

ตัดใจขายบ้านใหญ่ ไปผ่อนบ้านเล็ก เลิกตกแต่งบ้าน เอาเวลาไปช่วยสังคม ความเห็นแก่ตัวที่เคยมีมาก ก็ลดลง วันหยุด ใช้เวลาบรรยายธรรมบ้าง เผยแพร่อาหารมังสวิรัติบ้าง ทำได้เต็มที่ เพราะลูกเต้าไม่มี พันธะต่างๆ ก็ไม่มี

โชคดีที่ได้ฝึก เอาชนะใจตนเองไว้ก่อน อย่างสม่ำเสมอ จึงไม่เพลี่ยงพล้ำ เมื่อไปทำงาน ที่เกี่ยวข้องกับเงินมากๆ ทั้งตำแหน่ง เลขาธิการ นายกรัฐมนตรี และตำแหน่ง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร

หน้าบ้านและหลังบ้าน ปิดสนิท การเสนอผลประโยชน์ใดๆ ไม่มีทางเข้าถึงได้ ภูมิใจที่พูดได้เต็มปาก และพูดอย่างใด ทำได้อย่างนั้น

“ไม่ว่าเงินจะมากกี่ล้าน โอกาสจะอำนวยแค่ไหน เราจะไม่มีวันโกง” เพราะเราคือ ผู้ที่ยึดมั่นในพระศาสนา ที่แท้จริง ไม่มีศาสนาใดในโลก ที่ชื่นชมกับการคดโกง เราทนต่อการพิสูจน์เสมอ

อยู่ในเพศฆราวาส แต่ปฏิบัติธรรมเคร่งครัด คำว่า “ครึ่งคนครึ่งพระ” จึงเป็นฉายา และคำว่า “มหา” จึงเรียกกันทั่วไป

เมื่อเป็นนักการเมือง เป็นวุฒิสมาชิก เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผมยังปฏิบัติธรรม เคร่งครัด คงเส้นคงวา ไม่ย่อหย่อนไปกว่าเดิม

นักการเมือง ยิ่งต้องมีธรรมะ ถ้าไม่มี จะกลายเป็นนักกินเมือง

เมืองไทย ไม่โตใหญ่อะไรนักหนา ตั้งหน้าตั้งตากิน ก็สิ้นชาติเท่านั้นเอง

 

อ่านต่อ / ๑๐. ไม่ถึงคราว