๑๖. ร่วมกันสู้ หน้า ๑๘๘ |
||
เข้าเฝ้า เวลาประมาณสองทุ่ม นายทหารมาส่งข่าวว่า เขาพาผมนั่งรถไปแวะที่ กองกำลังรักษาพระนครก่อน ที่นั่นผมพบพี่ๆ นักเรียนนายร้อยรุ่น ๕ ที่เป็นแม่ทัพนายกองหลายคน รวมทั้งพลเอกสุจินดา พูดคุยทักทายกันตามปกติ สักพักท่าน องคมนตรี พลเอกเปรมก็ไปถึง ทั้งท่านองคมนตรี พลเอกสุจินดา และผม นั่งรถเป็นขบวน ตรงไปยังพระตำหนักจิตรลดา ผมเกิดความสงสัย เพิ่งสองทุ่มกว่าๆ ทำไมถนนจึงเงียบเชียบ ไม่มีรถแล่นสักคัน เห็นทหารยืนถือปืน รักษาการณ์เป็นกลุ่มๆ มีเครื่องกีดขวางเตรียมไว้พร้อม เหมือนเป็นสนามรบอีกเช่นกัน ไปที่ไหนๆ ก็พบแต่สนามรบ ตอนที่เจ้าหน้าที่เชิญไปขึ้นไปเฝ้า พลเอกสุจินดาหันมากระเซ้าผม มีจำลองคนเดียวเท่านั้น ที่แต่งชุดนี้เข้าเฝ้าได้ ท่านประธานองคมนตรี อาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์, ท่านองคมนตรี พลเอกเปรม และพลเอกสุจินดา แต่งชุดสากลหมด มีผมคนเดียวใส่เสื้อม่อฮ่อม และกางเกงสีน้ำเงินเก่าๆ เพราะผมมีชุดเดียว ใส่ตั้งแต่วันถูกจับ จนถึงวันเข้าเฝ้า เสื้อม่อฮ่อมแสนจะยับยู่ยี่ เพราะผมเพิ่งซักในห้องขังแล้วไม่ได้รีด รองเท้าแม้จะใหม่เอี่ยม แต่ก็เป็นรองเท้าแตะฟองน้ำ ที่ทหารอากาศซื้อให้ ชุดเข้าเฝ้าของผมจึงแปลกที่สุด เมื่อคลานเข้าไปถึงหน้าที่ประทับ ผมจึงรีบกราบบังคมทูล ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้า พลตรีจำลอง ศรีเมือง ขอพระราชทานอภัย ที่แต่งกายไม่เหมาะสมในการเข้าเฝ้า พระพุทธเจ้าข้า พระองค์ท่านตรัสว่า ไม่เป็นไร แล้วทรงมีกระแสพระราชดำรัส ติดต่อกันนาน ๑๕ นาที ซึ่งต่อมาภายหลัง ทั้งหนังสือพิมพ์ และโทรทัศน์ ได้นำไปเผยแพร่หลายครั้งแล้ว ขอนำกระแสพระราชดำรัส มาบันทึกไว้ ณ ที่นี้อีกด้วย
เมื่อกราบถวายบังคมลาออกมาแล้ว คณะทั้งหมด ก็นั่งหารือกันที่ห้องชั้นล่าง พลเอกสุจินดาเสนอว่า จะออกโทรทัศน์ ชี้แจงให้ประชาชนทราบ ผมเสนอว่า ควรจะพูดให้ละเอียดว่า จะสนับสนุนให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในประเด็น นายกฯต้องมาจากการเลือกตั้ง โดยไม่มีบทเฉพาะกาล องคมนตรี พลเอกเปรม ท่านเห็นด้วย แต่พลเอกสุจินดาแย้งว่า พูดละเอียดอย่างนั้นไม่ได้ เพราะท่านเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร จะเป็นการไปบีบบังคับสภา จะขอพูดสั้นๆ ว่า จะสนับสนุน ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ผมขอให้เพิ่มคำว่า โดยเร็ว ไปด้วย ก็ตกลง ในการพูดทางโทรทัศน์กับประชาชน ผมจึงพูดตอนหนึ่งว่า ในชั้นนี้ ท่านนายกรัฐมนตรี กล่าวไว้สั้นๆ ก่อนว่า จะสนับสนุนให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยเร็ว ออกโทรทัศน์เสร็จ ตอนเวลาสองยามเศษ ผมจึงบอกทหารอากาศ ที่ควบคุมผมว่า แม้ผมจะได้รับการปล่อย ให้กลับบ้านได้ ผมก็ยังไม่กลับ เพราะดึกมากแล้ว ขอกลับไปนอนที่ กองพันทหารสารวัตรอีก ๑ คืน ห้องขังห้องเดิม ก็เปลี่ยนเป็นห้องนอนทันที เพียงแต่เอากุญแจออก และไม่มีทหารถือปืนเฝ้า เท่านั้นเอง ห้องขัง คือ ห้องนอน ถ้าใจเป็นสุข ตั้งแต่คืนที่เข้าเฝ้าเป็นต้นมา เพื่อปฏิบัติตามกระแสพระราชดำรัส ผมจึงเลี่ยงไม่พบผู้สื่อข่าว และไม่ให้สัมภาษณ์ทั้งสิ้น เป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็มๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้สื่อข่าวไทยหรือต่างชาติ โดยบอกกับเขาตรงๆ ว่า ให้สัมภาษณ์ไม่ได้ ผมจะเสียหายอย่างยิ่ง
|
||
จากหนังสือ ... ร่วมกันสู้ ... พลตรี จำลอง ศรีเมือง * เข้าเผ้า * หน้า ๑๘๘ |