วิถีชาวอโศก ()
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
' สมณะโพธิรักษ์

วันนี้ก็คงจะยังพูดถึงเรื่องประชาธิปไตยกันต่ออีก คราวที่แล้วได้พูดถึง "ประชาธิปไตย" ตามที่ชาวอโศกเข้าใจ และมั่นหมาย พยายามพัฒนาว่า เป็น"การเมืองระบบบุญนิยม" หรือจะเรียกอีกอย่างก็ว่า "การเมืองอาริยะ" และได้ขยายความ ไปถึงอุดมการณ์ สุดยอด อีกทั้งข้อปลีกย่อยบางเรื่อง บางอย่าง สู่ฟังไปบ้างแล้ว ใครได้ยินได้ฟัง ก็อาจจะเห็นว่า เป็นเรื่องเพ้อฝัน เป็นเรื่องคิดเฟื่อง บ้าๆบอๆ ย่อมเป็นธรรมดา ไม่ว่ากัน เพราะ"การเมืองอาริยะ"หรือ "การเมืองแบบบุญนิยม"นี้ มันออกจะแปลกประหลาด และยังไม่เคยมีมาก่อน ในโลกด้วย

เมื่อไม่เคยมีมาก่อน แล้วมันจะมีสิทธิ์"เป็นได้จริง" หรือมันจะเป็นไปได้ยังไง?

ก็อะไรต่ออะไรในสากลโลกที่ไม่เคยมีมาก่อน หรือไม่น่าเชื่อว่า มันจะเป็นไปได้ มาถึงปัจจุบัน วันนี้นั้น มันก็เป็นไปได้แล้ว มากมาย นับไม่ถ้วน ใช่ไหม? ไอ้ที่ไม่น่าจะเป็นไปได้เลย มันก็เป็นได้กัน กี่หมื่นกี่แสนอย่าง มาแล้วล่ะ? ไม่ว่าสิ่งก่อสร้าง วัตถุประดิษฐ์ ที่บ้างก็มีคุณ มหามหันต์ บ้างก็เป็นโทษบรรลัยฉกาจฉกรรจ์ ทั้งทางรูปธรรมต่างๆ ทั้งทางนามธรรมนานา อันมาจากความคิด จิตวิญญาณ ของมนุษย์ ที่ช่างคิด ช่างประดิษฐ์ปรุงแต่ งและสร้างก่อ จนเกิดเป็นจารีต ประเพณี วัฒนธรรม และ ศาสตร์ต่างๆ ไม่ว่าสังคมศาสตร์, วิทยาศาสตร์, ธนศาสตร์, เศรษฐศาสตร์, รัฐศาสตร์ ฯลฯ ศาสตร์สารพัด ก็มีอะไรต่ออะไร ที่แปลกประหลาด ไม่น่าเชื่อว่า จะเกิด จะเป็นไปได้ มันก็เกิด ก็เป็นได้ นับไม่ถ้วน กระทั่งเศรษฐศาสตร์ หรือระบบการปกครอง ที่เรียกกันว่า แบบคอมมูนิสต์ ก็ตาม มันก็ไม่น่าเชื่อว่า จะเป็นไปได้ เพราะมันมีทั้งสาระ และ ทั้งองค์ประกอบ ที่เต็มไปด้วย ความรุนแรง เลวร้าย ฆ่าแกง ข่มขี่ บังคับเผด็จการ หนักหนา สาหัสกว่าสาระ และองค์ประกอบ ที่เป็นคุณค่าความดี ตั้งมากมาย ระบบคอมมูนิสต์ ก็ยังเกิดได้ เป็นได้ และสุดท้าย ก็ล่มสลายไปแล้ว ตามสัจจะ แล้วทำไม.. "ระบบบุญนิยม" ซึ่งเป็นระบบ มีทั้งสาระ และทั้งองค์ประกอบ ที่เต็มไปด้วย"บุญ" มีคุณค่าความดี มีปรมัตถสัจจะ ไม่มีความรุนแรงเลวร้าย ไม่มีฆ่าแกงข่มขี่ มีแต่ส่งเสริม อิสรเสรีภาพ ภราดรภาพ สันติภาพ สมรรถภาพ บูรณภาพ แท้ๆ .. จะเป็นไปไม่ได้ ในสังคมมนุษย์ ขอเพียงให้มีเนื้อหาของ "บุญนิยม" เกิดจริง ตามทฤษฎี และอุดมการณ์เถอะน่า!

"ทุนนิยม"นี่ก็เลวร้ายฉกาจฉกรรจ์ แม้ทุนนิยมจะดูเหมือนไม่เห็นภาพ สำแดงความรุนแรงหยาบ เยี่ยงคอมมูนิสต์ก็เถอะ ก็ยังเป็นระบบ ที่ร้ายเลว และรุนแรง แฝงซ่อน กินลึกเสียยิ่งกว่า คอมมูนิสต์เสียอีก เพราะ "ระบบทุนนิยม"นั้น คนยิ่งฉลาด ยิ่งเป็นปราชญ์ เป็นอัจฉริยะ ก็ยิ่งได้เปรียบ ชนิดฉ้อฉล ซ่อนกลซับซ้อน เต็มไปด้วย การยื้อแย่งแข่ง "โลภ, โกรธ, หลง" เต็มพิกัด เพราะชาวทุนนิยม ไม่มี "วิชชา" ที่เป็น "โลกุตระ" แท้จริง อันละล้าง "อัสสาทะ" (รสโลกีย์ในอารมณ์) ออกจากจิตได้ อย่างสัมมาทิฏฐิ จนเป็นอาริยบุคคล แม้ชาวทุนนิยม จะมั่นใจว่า รู้จักธรรมะมีศาสนา ก็ยิ่งฉลาดใช้ศาสนา ใช้ธรรมะ เป็นเครื่องมือ อันแสนคม ให้เป็นประโยชน์แก่ตน ชนิดกินลึก แฝงลับ ลงไปในสังคม เพื่อตัวเพื่อตน ถึงขนาด"ตัวเอง" ก็ยังหลงภาคภูมิในตน และเข้าใจ อย่างพาซื่อว่า ตัวเองเป็นคนดี เป็นผู้ดี เป็นคนผู้มีฐานะสูง เต็มไปด้วยเกียรติยศ ศักดิ์ศรี แม้แต่นักการศาสนาเอง และเทคโนแครต ทางศาสนาทั้งหลาย ก็ยังเป็นชาวทุนนิยม ผู้ชาญฉลาดที่ "เสพโลกียสุข" อยู่ตามฐานานุฐานะ ของปราชญ์ใหญ่ ปราชญ์น้อย โดยที่ท่านเหล่านั้น ต่างก็รู้ตัวเองดีว่า ตนยังไม่อาจ ปฏิญญาณตนได้จริง ว่าเป็นผู้บรรลุธรรมถึงขั้น "อาริยบุคคล" ดังนั้น ในสังคมทุนนิยม ทุกวันนี้ แม้จะพัฒนาด้วยปราชญ์ ก็เป็น "ปราชญ์ที่ยังอวิชชา" อยู่นั่นเอง

ซึ่งที่จริงแล้ว "ระบบทุนนิยม"นี่แหละ ที่ไม่น่าเป็นไปได้ เสียยิ่งกว่า "ระบบบุญนิยม" เป็นไหนๆ แต่มันก็เป็นไปได้ จนยิ่งใหญ่ ผงาดคับฟ้าอยู่ ณ เวลานี้ ทั้งๆที่คน "ระบบทุนนิยม" นั้นในใจจริง หรือในใจลึกๆ ไม่สุภาพ, ไม่สะอาด, ไม่สว่าง, ไม่สงบ, ไม่สามัคคี เท่าคน "ระบบบุญนิยม" แน่ๆ

ทุนนิยมยังหยาบ ยังรุนแรง ยังขัดแย้ง กว่าบุญนิยมนักกว่านัก

ทุนนิยมยังมุ่งเดินหน้าเพิ่มกำลังให้แก่กิเลสตัณหาอุปาทานไม่ลดรา แต่บุญนิยมมุ่งเดินหน้า เพิ่มกำลังให้แก่ "วิชชา ๙" ที่ลด กิเลส ตัณหา อุปาทานลง อย่างตั้งใจ และเข้าใจจริง

ทุนนิยมยังเต็มไปด้วยการทวีอำนาจของ"โลกธรรมให้เป็นอามีส" หนักขึ้นๆ แต่บุญนิยม ตั้งหน้าตั้งตา ลดอำนาจของ "โลกธรรมให้เป็นอามีส" อย่างมุ่งมั่น เพราะเชื่อมั่น ด้วยปัญญาว่าดี ว่าประเสริฐ

ทุนนิยมมีแต่เพิ่มความจัดจ้านปรุงแต่งโลกียสุขสารพัดไม่มีหยุด แต่บุญนิยมนั้น เรียนรู้ลดละโลกียสุข มุ่งสู่ "วูปสมสุข" (สุขที่สงบจากกิเลส) อย่างเป็นปรมัตถสัจจะ หรืออย่างเข้าถึงจิตใจ แก้ไขถึงต้นราก ของจิตได้จริง

ทุนนิยมใช้ศาสตร์และศิลป์ไปในทางก่อให้เกิดกามและอัตตามานะ ชนิดพากเพียรบากบั่น เพิ่มอัตราเร่ง ไม่มีวันน้อยลง มีแต่จัดจ้าน ยิ่งๆขึ้น ส่วนบุญนิยม ตรงกันข้ามทุกประการ

ด้วยเหตุฉะนี้ สังคมที่ยังเป็นทุนนิยม แม้จะเป็นประชาธิปไตย ก็ยังคงเป็น"การเมืองแบบทุนนิยม" อยู่อย่างเดิม ซ้ำจะยิ่งลับลึก ซ่อนเชิง ซ้อนคม แฝงฝังลงไปในระบบ ด้วยความฉลาดอัจฉริยะ ฉกรรจ์สาหัสมากขึ้น ซึ่งต่างจาก ประชาธิปไตย แบบบุญนิยม แน่นอน

เพราะฉะนั้น "การเมืองอาริยะ"หรือ"การเมืองแบบบุญนิยม"นั้น แม้จะยังไม่เคยมีในโลก แต่..เป็นไปได้แน่ ขอยืนยัน แม้รัฐบาลปัจจุบันนี้ จะไม่เห็นด้วย จะไม่ส่งเสริมช่วยเหลือ หรือประชาชนส่วนใหญ่ในโลก จะยังเห็นว่า มันเพ้อพก รกหูรกตาอยู่ก็ตาม สักวันหนึ่ง ในกาลข้างหน้า สิ่งที่เป็นคุณค่าความดี ที่เป็นสัจจะนั้น มนุษย์ในโลก จะโง่เง่า เลวร้าย ถึงขนาดไม่ยอมรับ หรือไม่ยอมเอา กันเชียวหรือ?

คนกลุ่มหนึ่งคือ "ชาวอโศก" เชื่อมั่นในความจริงด้วยปัญญา เท่าที่เรามีว่า คุณค่าต่างๆ ดังได้กล่าวมา คร่าวๆนั้น ควรเป็น สมบัติของคน แม้ใครจะไม่เอา ชาวอโศก จะพยายามบากบั่น สร้างสรรค์ เพื่อให้เกิด ให้เป็น ให้ได้ต่อไป ไม่หยุด!


อ่านต่อ วิถีชาวอโศก ตอน ๙