อาหารหลัก ๔ หมู่ เพื่อสุขภาพของคนไทย
คนส่วนใหญ่รู้จักอาหารหลัก ๕ หมู่ เป็นอย่างดีมาแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว
แต่เหตุไฉน ทำไมอาหารหลักเพื่อสุขภาพ จึงเหลือเพียง ๔ หมู่ ?
ถูกแล้ว ตามหลักโภชนาการ สารหลักในอาหารมี
๕ หมู่ คือ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต หรือแป้ง ข้าว ไขมัน วิตามิน และเกลือแร่
แต่สารเหล่านี้เป็นเพียงชื่อ และคุณสมบัติ ของสารอาหารในทางวิทยาศาสตร์
ในชีวิตประจำวัน เราไม่สามารถหาสารอาหารที่เป็น โปรตีน คาร์โบไฮเดรต หรือไขมันที่บริสุทธิ์ล้วนๆ
มากินได้ เพราะอาหาร เป็นส่วนผสมของสารอาหารเหล่านี้ และมีสารประกอบ อีกมากมาย
และยังไม่มีอาหารใด ที่มีสารอาหารครบสมบูรณ์อย่างจริงๆ ในตัวของมันเอง
ในการกินอาหารทั่วไป หรือกินอาหารมังสวิรัติ-เจ เราควรจะได้รับสารอาหารหลักครบ
และสมดุลเป็นประจำ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องกินอาหารหลักหลายหมู่ หลายชนิด
เพื่อให้ ได้รับสารอาหารให้ครบถ้วน และพอดีตามความต้องการของร่างกาย
เมื่อเอ่ยถึงอาหารหลัก คนส่วนมากมักนึกถึงโปรตีน
และวิตามิน เข้าใจผิดคิดว่า สารอาหารนี้มีแต่ใน เนื้อ นม ไข่ ขนมปังทาเนย
เท่านั้น และมักเข้าใจผิดว่า ไขมันคือน้ำมันพืช และไขมันสัตว์ รวมทั้งคิดว่า
วิตามินและเกลือแร่ คือวิตามินและแร่ธาตุ ในเม็ดยาและแคปซูล จากร้านขายยา
หรือจากตัวแทน ขายสินค้าขายตรง (Direct sale) น้อยคนนักที่จะเข้าใจถูก
นึกถึงความ สำคัญของอาหาร ที่เป็นผักและผลไม้ คนส่วนใหญ่จึงเสาะแสวงหา
ซื้ออาหารฝรั่ง และอาหารสำเร็จรูปดังกล่าว ควักอัฐมาซื้อกินกัน อย่างเต็มที่
บางคนกินสิ่งที่ตนเองชอบ และคิดว่าดีแล้ว อย่างไม่จำกัด ส่งผลให้สุขภาพอ่อนแอลง
ล้มป่วยและเป็นโรค นี่เป็นความ ผิดพลาดทางโภชนาการ อันใหญ่หลวงของมนุษย์
ในศตวรรษที่ผ่านมา เพราะเป็นยุคที่เราเห่ออาหารฝรั่ง อเมริกัน หรืออาหารตะวันตก
ซึ่งเป็นสินค้าข้ามชาติ ฝรั่งเขาปรุงรสชาติอาหารให้มีรสอร่อย ติดใจ และกินง่าย
ให้เป็นอาหารจานด่วน หรือ ฟาสต์ฟู้ด (fast food) ซึ่งนำไปสู่โรคร้ายเรื้อรัง
อย่างรวดเร็ว เช่น โรคอ้วน ไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจ และหลอดเลือด ความดันโลหิตสูง
เบาหวาน มะเร็ง เป็นต้น ถ้าเป็นเช่นนี้ ฟาสต์ฟู้ด ก็จะกลายเป็น ฟาสต์ฟุบ
ของคนอเมริกัน ไปในที่สุด
จากงานวิจัยมากมาย นักสุขภาพทางโภชนาการพบว่า
อาหารหลัก เพื่อสุขภาพที่แท้จริง มิใช่อาหาร พวกเนื้อ นม ไข่ ไอศกรีม ดังกล่าวแต่ประการใด
แต่อาหารสุขภาพ ๔ หมู่ คือ ๑. ข้าวและเมล็ดธัญพืช ๒. ถั่ว ๓. ผัก ๔. ผลไม้
พูดง่ายๆ คือ กินอาหารประเภทข้าว ธัญพืชเป็นหลัก กินพืชผักผลไม้เป็นพื้น กินสิ่งอื่นๆ
เช่น ถั่ว งา เป็นรอง นอกนั้นอาจจะกินอาหารว่าง เป็นของแถมเล็กน้อย
เช่น ขนมนมเนย ของหวาน และของหมักดองบ้างคงไม่เป็นไร แต่ควรจำกัดมิให้กินมากเกินไป
กินแล้วต้องไม่เป็นพิษ ต่อสุขภาพด้วย นักวิจัยรู้ดีว่า ในอดีต นโยบายด้านสุขภาพ
ทางโภชนาการมีความผิดพลาด จึงมีการประชุม และแนะนำให้รัฐบาล ปรับเปลี่ยนรูปแบบการบริโภค
ของประชาชนเสียใหม่ให้ถูกต้อง กลับฐานปิรามิดอาหารหลัก ให้เป็นปิรามิดอาหารสุขภาพใหม่
ที่ดีกว่า
สัดส่วนและปริมาณอาหาร
เพื่อสุขภาพ ร่างกายควรได้รับสารอาหาร
ในอัตราที่เหมาะสม ตามสัดส่วนของ ปิรามิดอาหาร (Food Pyramid) มีข้อสังเกตว่า
สัดส่วนของคาร์โบไฮเดรตมากที่สุด รองลงมาคือผักผลไม้ ส่วนไขมันและอาหารรสจัดนั้น
จัดเป็นอาหารที่ควรจะได้ รับน้อยที่สุด
อาหารที่ให้พลังงานและสารอาหาร ซึ่งทำให้มีสุขภาพดี
จะต้องไม่เป็นพิษ ไม่ก่อโทษภัย ทั้งทางตรงหรือทางอ้อม อาหารเป็นสิ่งจำเป็น
และสำคัญมากต่อชีวิต ทุกวัยและเพศ เราควรบริโภคอาหาร อย่างมีความสมดุล
ตามความเหมาะสมของร่างกาย การเลือกชนิดคุณภาพ และปริมาณของอาหารอย่างถูกต้อง
จึงมีความสำคัญ ต่อสุขภาพอย่างยิ่ง ในสมัยก่อน คนไทยกินข้าวเป็นหลัก กินผักกินปลาเป็นพื้น
อาหารส่วนใหญ่ สดใหม่มาจากธรรมชาติ ถ้าไม่มีโรคติดเชื้อ เป็นสาเหตุการตาย
คนไทยสมัยก่อน จะมีอายุยืนมาก แต่ในปัจจุบัน คนไทยมีวิถีชีวิต ที่เปลี่ยนแปลงไปมาก
เป็นที่น่าเสียดายยิ่ง ที่อาหารประจำวันของคนไทยเรา ถูกดัดแปลง หรือ แทนที่ด้วยอาหารแบบตะวันตก
มากขึ้น
ความไม่พอดีทางโภชนาการในวันนี้ ย่อมเป็นอันตราย
และเป็นปัญหาร้ายแรง ต่อสุขภาพ ในวันหน้าได้ มีอาหารหลายชนิดที่เพิ่ม หรือเร่งความเสี่ยงสูง
ต่ออัตราการเกิดโรคเรื้อรังมากขึ้น อาหารเหล่านี้ได้แก่ เนื้อสัตว์สีแดง
เครื่องในสัตว์ ซึ่งมีโปรตีนและไขมันสูง ข้าวหรือขนมปังฟอกให้มีสีขาว อาหารกระป๋อง
อาหารสำเร็จรูปในซอง น้ำตาลทรายขาว การบริโภคอาหารประเภทเนื้อ นม ไข่ น้ำตาล
ซึ่งเป็นอาหารฝรั่งส่วนใหญ่นั้น จะทำให้ร่างกาย มีน้ำหนักตัวเกิน อ้วนพุงพลุ้ย
โรคไขมันสูงในเลือด โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเก๊าท์รวมทั้งโรคอื่น ที่เกิดจากการเสื่อมสภาพของร่างกาย
และเกิดก่อนวัยอันควร เช่น โรคเบาหวาน โรคไขข้ออักเสบ โรคอัมพาต โรคลมปัจจุบัน
โรคกระดูกเปราะบางผุพรุน โรคไตวาย หรือ "ตายไว" รวมถึงการเสียชีวิตก่อนวัยอันสมควร
ในทางตรงกันข้าม คนไทยกลับลืมอาหารพื้นๆ
ประเภทข้าวกล้อง ถั่ว งา เมล็ดธัญพืช ผักใบเขียว และผลไม้สด ทั้งๆ ที่
อาหารเหล่านี้ เป็นอาหารของชาวเอเชียส่วนใหญ่ บรรพบุรุษไทยที่แข็งแรง ร่างกายกำยำ
ต่อสู้ ป้องกันประเทศชาติ กินอาหารธรรมชาติ ดังกล่าว เขาก็ได้รับสารอาหาร
เช่น โปรตีน หรือกรดอะมิโนจำเป็นที่ครบถ้วน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามิน
เกลือแร่ และเส้นใยอาหารมากเพียงพอ และ เหมาะสมกว่าอาหารดัดแปลง ไม่น้อยหรือมีมากเกินไป
ไม่เป็นโรคขาดสารอาหาร ไม่เป็นโรคอาหารเกิน ร่างกายไม่เสื่อมโทรมง่าย ไม่เจ็บป่วยง่าย
และเวลาใกล้ตาย ก็จะตายอย่างสงบ ไม่ตายอย่างเจ็บปวดทรมาน เหมือนคนปัจจุบันอีกด้วย
อาหารสุขภาพคืออะไรกันแน่ ?
อาหารเป็นปัจจัยสำคัญที่สุด ในการบำรุงส่งเสริมสุขภาพ
อาหารทำให้ร่างกายแข็งแรง ปลอดโรค ทำให้อายุยืน แต่แทนที่ คนจะเข้าใจ และสนใจปฏิบัติ
ตามหลักโภชนาการ เพื่อสุขภาพด้วยตนเอง กลับสนใจไปหาซื้อกระดูกอ่อนของฉลาม
ดีหมี เลือดงู เขากวางอ่อน โสม สารสกัดจากเปลือกปู น้ำมันปลา และแคปซูลอาหารเสริม
อีกหลายยี่ห้อ ซึ่งสั่งซื้อมาจากต่างประเทศทั้งสิ้น การขายให้ผู้บริโภคโดยตรง
มีราคาสูงลิบลิ่วอย่างนี้ จะยิ่งทำลายเศรษฐกิจของตนเอง และประเทศชาติมากขึ้น
อาหารดี มิใช่อยู่ที่รสชาติ และราคาแพง
อาหารต้องเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ ทั้งทางตรงและทางอ้อม ตามคำนิยาม ถ้าสิ่งธรรมชาติที่กินเข้าไปแล้ว
เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพและชีวิต จะต้องไม่เป็นพิษต่อร่างกาย อาหารและเครื่องดื่ม
"ขยะ" ประเภท อาหารจานด่วน เหล้า บุหรี่ สิ่งเสพย์ติด และสารเคมีในอาหาร
ไม่ควรเรียกว่า "อาหารหรือเครื่องดื่ม" เพื่อเสริมสุขภาพ แต่กลับเป็นสิ่งทำลายสุขภาพ
มีคนส่วนน้อยที่กินอาหาร โดยไม่สนใจรสชาติมากนัก
อาหารที่จะทำให้สุขภาพดี ให้มีความสมดุล ความพอดี และความสมบูรณ์ แก่ชีวิต
อาหารธรรมชาติที่ไม่ผ่าน ขั้นตอนการปรุงแต่ง หรือผ่านเล็กน้อย จะสมบูรณ์ที่สุด
อาหารมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ทั้งในด้านป้องกันด้านบำบัดอาการ
และด้านรักษาโรค เมื่อเจ็บป่วย ไม่ควรคิดถึงยาเพียงอย่างเดียว ควรคิดถึงอาหารที่จะทำให้ผู้ป่วย
บรรเทาโรค และหายเร็วขึ้นด้วย ดังนั้น การควบคุมคุณภาพอาหาร ทำให้ ผู้ป่วยหายจากโรค
และแข็งแรงกว่าเดิมได้ จึงถือได้ว่าอาหาร เป็นยาธรรมชาติ ที่สามารถนำมาป้องกัน
และรักษาโรคได้
ท่านจะเป็นเช่นอาหารที่ท่านกิน กินอะไร
อย่างไร และมากน้อยเท่าไร ( You are what you eat ,how and how much )
เรากินอะไรเข้าไป ตัวเราก็มักจะเป็นสิ่งนั้น เช่นกินขาหมู ซึ่งมีไขมันมากทุกวัน
ต่อมาก็มีร่างกาย อ้วนเหมือนหมู กินเนื้อแดงและเครื่องในสัตว์ ดื่มนม กินเนย
ไขมันมาก ร่างกายก็จะแปลงเป็นตุ่มใส่น้ำ จะเสี่ยงเป็นโรค สารพัดโรค ได้แก่
ไขมันสูงในเลือด โรคเส้นเลือดหัวใจตีบตัน โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคข้ออักเสบและโรคเก๊าท์
คนดื่มเหล้าประจำก็จะเป็น "ขวดเหล้าเดินได้" [จากหนังสือวิถีสุขภาพแห่งชีวิต]
อ่านต่อฉบับหน้า
|