บ้านป่า นาดอย โดยจำลอง

หนังสือพิมพ์ เราคิดอะไร
ฉบับที่ 130 เดือน พฤษภาคม 2544

เดือนมีนา เมษา ต้นไม้ใบหญ้าแย่ไปตามๆ กัน อากาศแห้งแล้งมากอย่างต่อเนื่อง ไม้ยืนต้นจำนวนมากใบร่วงจนเหลือแต่กิ่งก้าน พวกเรายี่สิบกว่าชีวิตที่บ้านป่า ตั้งข้อสงสัยว่าจะเป็นเหมือนเมื่อสองปีก่อนไหมหนอ น้ำในป่าทึบแห้งขอด ไม่หลงเหลือไว้ให้สัตว์เลย เก้งต้องลงไปกินน้ำที่บึงข้างบ้าน

ผมและคณะต้องเดือดร้อน จัดเวรไปเฝ้า ไม่ได้เฝ้าน้ำให้เก้งกิน แต่เฝ้าเก้งไม่ให้ถูกล่า เราผลัดกันไปนอนที่ขอบบึง ชาว บ้านออกท่องป่ายามค่ำคืนเห็นเราก็เกรงใจ ไม่กล้าเอาปืนส่อง นี่ยังอยู่อีกนานจนกว่าจะหมดหน้าร้อน ไม่รู้ว่าจะต้องชวนกันไปเฝ้า เก้งอีกไหม

โชคดีของชาวบ้านป่า เย็นวันหนึ่งก่อนวันสงกรานต์ ฝนเทลงมาแม้ไม่หนัก ไม่ไหลลงไปเพิ่มน้ำในบึง แต่ก็ซึมลึกไปถึงราก ต้นอะไรต่อมิอะไร สดชื่นกระปรี้กระเปร่า ไปตามกัน

นกกางเขนดงช่างพูดตัวหนึ่งโผออกจากป่าข้างๆ ไปวางไข่ในลิ้นชักหน้ารถ ที่ไม่มีฝาปิด หาใบไผ่ไปกรุทำรังเสียอย่างดี คง เห็นว่าไข่ในรถปลอดภัยกว่าในป่า ผมเผลอขับรถออกไปได้ครึ่งทาง ต้องรีบขับกลับ นึกขึ้นมาได้ว่าพราก ไข่จากอกแม่ ถ้าแม่นก กลับมาหาไม่เจอ อาจไม่กลับมาอีก ไข่สี่ฟองคงไม่ได้ผุดได้เกิดแน่

แม่นกหนีเสือปะจระเข้ ไม่รู้หรอกว่า ตรงนั้นแมวกึ่งบ้านกึ่งป่า ออกล่าหนูอยู่เป็นประจำ เมื่อฟักเป็นตัวแมวคงอิ่มอร่อย ผม และคุณศิริลักษณ์ไม่ปล่อยให้ข้ามคืน หากรงมาแขวนสูงๆ ใกล้ๆ รถ เอาไข่ใส่กรงให้พ้นแมว เปิดประตูให้แม่นก บินเข้าไปกกไข่ได้ อย่างสบาย

ทุกเช้าเย็นเราแอบไปดู พอฟักเป็นตัว ลูกนกก็อ้าปากขอส่วนบุญ ผมหากล้วยสุกๆ ไปไว้ในกรง แม่นกจิกป้อนลูกอิ่มหนำ สำราญ ไม่ต้องบินไปหาอาหารที่ไหน ไม่นานก็ฝึกบินจนปีกกล้าขาแข็ง โผเข้าป่าไป ทั้งแม่และลูก

ลูกใครใครก็รัก คนจำนวนไม่น้อยลืมนึกไป ลูกของตัว มดไม่ยอมให้ไต่ไรไม่ให้ตอม แต่ลูกคนอื่นเคี้ยวกร้วมๆ เอร็ดอร่อย

เขียนเล่าเรื่องบ้านป่ามาถึงตรงนี้ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น "วันนี้ว่างไหมครับ ผมกฤษณะ จากเนชั่น กำลังไปบุกลิเจีย จะขอแวะมาคุยเพื่อไปออกโทรทัศน์ยูบีซี" "วันนี้ไม่ว่างครับ ต้องรีบส่งต้นฉบับ เราคิดอะไร" "ถ้าอย่างนั้นผมและคณะ ขอค้างที่โรงเรียนผู้นำ แล้วสัมภาษณ์ตอนเช้า" "เอาสิครับ แต่ต้องตามผมขึ้นไปบนเขานะ ผมต้องพานักเรียนปีนเขา ไปคุยกันบนโน้น นักเรียนรุ่นนี้ เป็นพนักงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ซึ่งมีกฎว่าจะเลื่อนขึ้นเป็นผู้บริหารได้ ทุกคนต้องผ่านโรงเรียนผู้นำ"

การติดต่อทางโทรศัพท์ได้สะดวก บางครั้ง ก็ไม่ดี ทำให้ขาดความเป็นป่าไป คิดเอาไว้ว่าอีกสักระยะหนึ่ง ผมและคุณศิริ ลักษณ์จะอยู่อย่างชาวบ้านป่าจริงๆ เสียทีไม่สัญจรไปไหน

ดร. วทัญญู ณ ถลาง อดีตประธานที่ปรึกษานายกฯ เปรม และเคยเป็นผู้ว่าการ การเคหะคนแรกของเมืองไทย พูดไว้นาน แล้วว่า" ถ้าผมเลือกเกิดเองได้ ผมอยากไปเกิดอยู่ใกล้ธรรมชาติ บนที่สูงๆ มีน้ำพอเพียง ปลูกผักและไม้ผลกินเอง มีเครื่องใช้ไม้สอยน้อยๆ และ ไม่ต้องติดต่อกับใครให้ยุ่งยาก"

ผมดีใจ ไม่ต้องไปเกิดใหม่ ตอนนี้ก็มีความเป็นอยู่ใกล้เคียงกับที่ ดร.วทัญญูฝันไว้ แต่ยังตัดจากกรุงไม่ขาด ยังต้องติดต่อ ยุ่งยาก

อยู่บ้านป่าก็จริง หลายต่อหลายครั้งต้องเดินทางไปๆ มาๆ ระหว่างป่ากับกรุง เมื่อปีที่แล้วธนาคาร ธกส. สำนักงานใหญ่ที่ นางเลิ้งเป็นเจ้าภาพ เชิญประชุมใหญ่ มีนักวิชาการจากกระทรวงเกษตร และมีปราชญ์ชาวบ้านจากทั่วประเทศไปประชุมพร้อม พรั่ง คุณบรรจง รองผู้จัดการใหญ่ เป็นรองประธาน ให้ผมเป็นประธานการประชุม (คงเป็นเพราะผมแก่ที่สุด)

ลงมติเป็นเอกฉันท์ว่า เพื่อช่วยเกษตรกร ได้ทันท่วงที ต้องรีบตั้ง ศูนย์ฝึกอบรมเกษตรธรรมชาติ เอาโรงเรียนผู้นำเป็นศูนย์ กลางมหาวิทยาลัย และเอาชุมชนในภาคต่างๆ เป็น วิทยาเขต (ผู้เข้าประชุมทั้งหมด ยังไม่เคยไปเห็น โรงเรียนผู้นำเลย และผมก็ไม่ได้โฆษณา ประชาสัมพันธ์แต่อย่างใด)

ปราชญ์ชาวบ้านคนหนึ่งจากภาคกลาง ลุกขึ้นถามหน้าตาขึงขัง "คราวนี้ ธกส.เอาแน่จริงๆ หรือครับ" หลายคนคิดตาม จริงสินะ ประชุมกันเป็นตุเป็นตะใช้เวลาตั้งครึ่งวัน ยังไม่รู้เลยว่า ธกส.จะเอาจริงหรือเปล่า

"เอาจริงครับ" รองบรรจงรีบตอบด้วยความมั่นใจ หลังจากการประชุมใหญ่ ธกส. พบอุปสรรคหลายอย่าง เรื่องค่อยๆ เงียบหายไป ผมก็ไม่ได้ติดตามทวงถาม แต่เล่ายืนยัน กับนักเรียนผู้นำทุกรุ่นว่า ปีที่แล้วชี้ชัดว่า เกษตรกร มีแต่ตายกับตาย พืชผลการเกษตรทุกชนิด ราคาต่ำสุด ถ้าไม่รีบแก้ไขพังแน่ๆ พัง ทั้งประเทศ เพราะชาวไร่ชาวนา มีมากที่สุด

ผมยืนยันเพิ่มเติมว่า ราคาพืชผลนั้น อยู่นอกเหนือการควบคุมของเกษตรกร ขึ้นอยู่ กับฝีมือรัฐบาล ขึ้นอยู่กับโชคดีโชค ร้าย รวมทั้งตลาดต่างประเทศด้วย แต่สิ่งที่แก้ได้แน่นอนคือ การปรับวิถีชีวิตของชาวไร่ชาวนา ถึงจะเปลี่ยนการเพาะปลูก มาเป็นแบบเกษตรธรรมชาติ ประหยัดค่าปุ๋ยเคมีได้มากเท่าไหร่ ก็ไปไม่รอด ถ้ายังมีรสนิยมสูงกว่ารายได้อยู่

ธกส.ตกเป็นจำเลยมาตลอด เกษตรกรแปลอักษรย่อ ธกส.ว่า "ทำกูแสบ" แท้ที่จริงเกษตรกรหลายคน ทำตัวให้แสบเองต่างหาก

เมื่อมีรัฐบาลใหม่ นโยบายใหม่ ให้พักการชำระหนี้เกษตรกร ๓ ปี ธกส. ต้องหันกลับมา ทำความคิดเดิมให้เป็นจริง ครั้งนี้ ธกส. ต้องเอาจริงแน่ๆ ไม่มีทางเลือก

ขืนปล่อยให้เวลาผ่านไป ๓ ปีโดยไม่ทำอะไร เมื่อครบกำหนดการพักชำระหนี้ เกษตรกร ก็ยังเหมือนเดิม ช่วยตัวเองไม่ได้ จะต้องเลื่อนกำหนด การพักชำระหนี้ต่อไปเรื่อยๆ จึงจำเป็นต้องมีการฝึกอบรม จำนวนเกษตรกรมีเป็นแสน ธกส. กำลังคิดจะให้ชุมชน กลุ่มต่างๆ ช่วยฝึกอบรม โดยจะให้ชุมชนชาวอโศก (ผู้ปฏิบัติธรรมชาวสันติอโศก) รับหน้าที่ฝึกอบรม มากกว่าชุมชนกลุ่มอื่นๆ

ทุกคนทราบข่าวนี้ ต่างหวังจะให้ ธกส.ทำสำเร็จ "กสิกรแข็งขลัง เป็นกระดูกสันหลัง ของชาติ" จะได้ดังกระหึ่มเสียที

ผมเหมือนผู้อ่านบางท่านยังเห็นแก่ตัว คิดอะไร คิดไปคิดมา ก็อดคิดถึงตัวเองไม่ได้ วันสงกรานต์เป็นวันผู้สูงอายุได้อ่าน บทความ เส้นทางสูงอายุ ในวารสารชมรมอยู่ร้อยปี ชีวีเป็นสุข ซึ่งคุณหมอจิรพรรณ อดีตผู้อำนวยการ โรงพยาบาลรามาธิบดี ๘ ปีเต็ม เป็นผู้เขียนสรุป ได้ความว่า ชีวิตของผู้สูงอายุ มีทั้งให้ประโยชน์แก่ผู้อื่น ทั้งรบกวนผู้อื่น

ผมเข้าข้างตัวเองว่าเป็นประเภทแรก รีบอ่านรายละเอียดต่อ "ฝ่ายผู้สูงอายุที่ให้ประโยชน์ก็มี เช่น
-เล่านิทานให้หลานฟัง
-สอนศิลปะย้อนยุคให้ลูกๆ หลานๆ
-เป็นที่ปรึกษาปัญหาต่างๆ ของลูกหลาน
-เป็นพระพรหมของลูกให้ได้กราบไหว้

ผมและคุณศิริลักษณ์ไม่เข้าข่ายเลยสักข้อ อุ่นใจเมื่อได้อ่านข้อสุดท้าย ซึ่งมีบางส่วน ตรงกับที่คุณหมอเขียนไว้
-"ช่วยเฝ้าบ้าน ช่วยดูแลหลานๆ เมื่อพ่อบ้านแม่บ้านออกไปทำงานกันหมด"

วันสงกรานต์ ทั้งคุณศิริลักษณ์และผม ต้องเฝ้าบ้าน เพราะเราทำงานหลายที่หลายแห่ง การเฝ้าอาคารสถานที่ให้ครบต้อง ใช้คนมากและต่างคนต่างจะกลับไปเยี่ยมบ้าน เราเลยต้องเฝ้าแทน

พ่อค้าคนหนึ่งเจอปัญหาเดียวกัน สรุปให้ผมฟังว่า "สมัยก่อน เมื่อถึงวันสงกรานต์ เถ้าแก่พาเมียไปเที่ยว คนงานอยู่เฝ้าร้าน สมัยนี้กลับกัน"

เมืองกาญจน์ที่ผมและคณะอาศัยอยู่ เป็น ข่าวใหญ่อีกครั้ง คราวนี้ดังไปทั่วโลก ค้นพบถ้ำมหาสมบัติมีมูลค่าเหลือจะ คณานับ ได้กู้ชาติ สำเร็จกันคราวนี้ พอข่าวนี้แพร่สะพัดไปในช่วงแรก หลายๆ คนรวมทั้งผมด้วย เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ในใจลึกๆ อยากให้เป็นจริง ประเทศเรา จะได้พ้นความเป็นทาสเศรษฐกิจเสียที

ข่าวต่อมา ท่านนายกฯ ทักษิณ บุกถ้ำลิเจีย ดูจากโทรทัศน์สี หน้าท่านไม่ค่อยสบายเลย และพูดอย่างถนอมถ้อยถนอมคำว่า ถ้าไม่พบอะไร จะดัดแปลงเป็นแหล่งท่องเที่ยวก็ได้ เป็นการถนอมน้ำใจคุณเชาวริน หัวหน้าหน่วยกู้ชาติด้วย ผมชักลดความเชื่อลงไป พอมีข่าวเพิ่มเติมว่า พบพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ใบละเป็นร้อยๆ ล้านเหรียญ ผมก็สรุปในใจว่าผิดหวังแน่

คุณศิริลักษณ์เตือนว่า "อย่าอิจฉาคุณเชาวรินนะ" ไม่รู้ว่าจะอิจฉาไปทำไม อยากให้พบจริงๆ จะบันทึกวีรกรรมไว้ในประวัติศาสตร์ หรือสร้างอนุสาวรีย์ให้ หลายคนยินดีทั้งนั้น

ขณะรอการสำรวจจากดาวเทียม คนจำนวนไม่น้อย ยังติดตามเอาใจช่วย แม้ความหวัง จะริบหรี่ลงเยอะก็ตาม ถ้าไม่พบอะไรเลย ก็เห็นด้วยกับคำชมของนายกฯ ทักษิณว่า คุณเชาวรินมีความอุตสาหะ ยอมเหนื่อย ยอมเสียเงินส่วนตัว บุกหาสมบัติ ติดต่อกันมา ตั้ง ๕ ปี

ผมพบคุณเชาวรินครั้งแรก เมื่อตอนที่ ผมออกจากเลขาธิการท่านนายกฯ เปรม มาต่อต้านกฎหมายทำแท้งเสรี เสาร์ อาทิตย์มีเวลาว่าง ก็ไปช่วยขายอาหารมังสวิรัติ ในตลาดนัดจตุจักร ตอนนั้นคุณเชาวรินเป็น ส.ส.ชื่อดัง พาภรรยาไปอุดหนุนที่ร้าน มังสวิรัติ ผมกับคุณเชาวรินคุยกันถูกคอ

เวลาผ่านมาหลายปี คุณเชาวรินไม่พอใจ ผมเรื่องอะไรก็ไม่รู้ ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ ว่าผมสาดเสียเทเสีย จนผมต้องฟ้องหมิ่นประมาท และชนะคดีไปเรียบร้อยนานแล้ว ตอนผมเป็นรองนายกฯ คุณเชาวริน จะเอาผิดผมให้ได้ พูดในที่ประชุมสภา ขอให้ประธานสภา ไล่ผมออกนอกห้องประชุม ในข้อหาว่าผมไม่เคารพสภา ซึ่งเป็นสถาบันอันทรงเกียรติ ด้วยการใส่เสื้อม่อฮ่อมเข้าประชุม ผมต้องชี้แจงต่อสภาว่า มีระเบียบสำนักนายก ตั้งแต่สมัยที่ผมเป็นเลขาธิการ กำหนดว่าเสื้อชุดไทยนั้น ใส่แทนชุดใดๆ ได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องแบบ หรือชุดสากล

แม้เคยมีเรื่องกันมาแต่เก่าก่อน ผมก็ไม่ได้นึกโกรธคุณเชาวริน มีแต่เอาใจช่วย เช่นเดียวกับอีกหลายๆ คน คุณเชาวริน พลาดไปนิด ตรงที่อ้างจะเข้าเฝ้า ถวายรายงานในหลวง

จนถึงวันนี้ จะพบหรือไม่พบมหาสมบัติ ก็ต้องขอบคุณคุณเชาวริน ที่ทำให้คนไทย มีความสุขจากความหวัง ติดต่อกันหลายวัน

ช่วงวันสงกรานต์ มีวันหยุดติดต่อกันยาวนาน ทั้งวันหยุดและวันชดเชย ข้าราชการ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ เที่ยวเตร่พักผ่อน สำราญบานใจ เดือนพฤษภามีวันหยุดวิสาขะ พืชมงคล และฉัตรมงคลเมื่อรวมวันชดเชยแล้ว จะหยุดติดต่อกันยาวนาน เหมือนกัน ทำให้คณะรัฐมนตรีต้องขบคิด และรีบหาทางแก้ไข

เดิมข้าราชการโวย ว่าทำไม พนักงานรัฐวิสาหกิจ ต้องมีวันหยุดชดเชยด้วย ปรกติวันหยุดมีมากอยู่แล้ว ต่อมารัฐบาลเอาใจ ให้ข้าราชการมีวันหยุดชดเชย เท่าเทียมกัน แถมกำหนดเพิ่มวันหยุดประจำปี เรื่องนั้นเรื่องนี้เข้าไปอีก มองปฏิทินทั้งปี มีแต่วันหยุด เปรอะไปหมด นี่ถ้าให้เอาอย่างทหารด้วย ก็จะมีวันหยุด พักผ่อนเพิ่มขึ้น ทุกสัปดาห์ (วันพุธเป็นวัน เล่นกีฬาของทหาร)

มีวันหยุดมากๆ ส่งเสริมให้คนเกียจคร้าน กันไปทั้งบ้านทั้งเมือง อย่าไปคิดกู้ชาติเลย ไม่มีวันสำเร็จ

อ่านฉบับ 129   อ่านฉบับ 131

บ้านป่านาดอย โดยจำลอง (เราคิดอะไร ฉบับ ๑๓๐ พ.ค. ๔๔ หน้า ๗ )