ชีวิตนี้มีปัญหา ๒
- สมณะโพธิรักษ์ -
(ฉบับ ๑๔๘)
(ต่อจาก ฉบับที่
๑๔๗)
พุทธเรียนรู้โดยการหยั่งเข้าไปสัมผัสแตะต้องถูกตัวถูกตนสภาวะแห่ง"ความจริง"
(สัจจะ) นั้นๆ แม้จะเป็น "นามธรรม" ที่ลึกล้ำ ที่เรียกว่า
"จิตวิญญาณ" ก็เข้าไปพิสูจน์ "ความจริง" กันอย่าง ถึงที่สุด
จึงสามารถ "รู้จักรู้จริงรู้แจ้ง" ในความเป็น "จิต..เจตสิก..รูป..นิพพาน"
ตามที่ได้ อธิบายมาแล้ว มากมาย
จิตหรือวิญญาณ คืออะไร?
เป็นอย่างไร?
ผู้ที่จะรู้จักรู้แจ้งรู้จริง ก็คือ ผู้ที่มี "วิชชา
๙" อันเป็นสามัญผลของผู้ปฏิบัติ "จรณะ
๑๕" อย่างสัมมาทิฏฐิ และ บรรลุธรรมตามธรรมสมควรแก่ธรรม จนบริบูรณ์
หรือ จนถึงขั้น "ละล้างอาสวะ" สิ้น มี "วิชชา" ข้อที่
๙ คือ "อาสวักขยญาณ" (ญาณที่รู้แจ้งความสิ้นกิเลสาสวะ)
จึงสามารถ รู้จักรู้แจ้งรู้จริง "จิต..เจตสิก..รูป..นิพพาน"
อย่างถูกต้อง ถูกถ้วน ชัดแท้สัมบูรณ์
เพราะผู้มี"นิพพาน"
จึงจะเป็นผู้มี "จิตแท้ๆ" ซึ่งเป็น "จิตวิญญาณ" ที่สะอาดบริสุทธิ์
ไม่มี ธุลีละอองแห่ง กิเลสตัณหาอุปาทานใดๆ หลงเหลือผสมปนอีกแล้ว เมื่อมี
"จิตแท้" ในตน ย่อมรู้จักรู้แจ้งรู้จริง "จิตแท้" เป็นของจริง
ดังนั้น
"จิต" หรือ "วิญญาณ" ที่เป็น
"จิตแท้ๆ" ก็ต้องเป็น "จิตบริสุทธิ์"
ผู้จะมีได้เป็นได้ และ รู้จักรู้แจ้ง รู้จริงได้ ก็เฉพาะ "อรหันต์"
ขึ้นไปเท่านั้น นอกนั้นรู้ด้วย การเดาเอา ตามที่ได้ยิน ได้ฟังมา หรือได้เรียนมา
เพราะ ยังไม่สามารถ "มีของจริง" ให้ตนรู้จักรู้แจ้งรู้จริง "ของจริง"
"จิตวิญญาณ"
ธรรมดา หรือ "จิตวิญญาณ" ของคนปุถุชนสามัญทั่วไปนั้น ไม่ใช่ "จิตแท้"
ไม่ใช่ "จิตบริสุทธิ์" มาแต่อ้อนแต่ออก เพราะเป็น "จิตวิญญาณ"
ที่มีกิเลสผสมอยู่ มีกิเลสยึดครอง เป็นเจ้าเรือน มาแต่ดั้งแต่เดิม มีกิเลสยึดครอง
เป็นเจ้าอำนาจ บงการชีวิต มาแต่ไหนแต่ไร
ผู้รู้บางท่านกล่าวว่า
"จิตวิญญาณ" ของเด็กเกิดใหม่ ทุกคน เป็น "จิตแท้-จิตบริสุทธิ์"...
นั่นกล่าวผิด เพราะ จิตวิญญาณของ "ปุถุชน"
ทุกคน ไม่ว่าของเด็กเกิดใหม่ หรือ ของผู้ใหญ่ เกิดเก่า ล้วนยังไม่ใช่อรหันต์
ยังมีกิเลส โดยเฉพาะกิเลส ที่นอนเนื่องกบดานเป็น "อนุสัย"
อยู่ในจิตลึกๆ ที่ยังไม่แสดงบทบาท คนผู้ไม่ได้เรียนรู้ "กิเลส"
จนรู้แจ้งกิเลสหยาบ (วีติกกมกิเลส) กิเลสกลาง
(ปริยุฏฐานกิเลส) และกิเลสละเอียด (อนุสัยกิเลส) หรือ
แม้จะได้เรียน แต่ยัง "สัมมาทิฏฐิ" ไม่พอ และปฏิบัติยังไม่ถึงขั้น
"หมดสิ้นกิเลสาสวะ" ด้วยตนเอง ก็จะไม่สามารถ
"รู้แจ้งของจริง" เหล่านี้ เพราะยังไม่รู้แจ้งเห็นจริง
ตามความเป็น ความมีจริง การกล่าวว่า "จิตวิญญาณ" ของเด็กเกิดใหม่
เป็น "จิตแท้-จิตบริสุทธิ์" จึงเป็น การคาดเดาเอา ตามอาการ ไม่เดียงสา
ของเด็กนั่นเอง จิตของเด็ก แม้จะเกิดใหม่ ก็เป็นปุถุชน ยังไม่ใช่อรหันต์
จึงมีกิเลส อยู่แน่ๆ
กิเลสเป็นตัวปลอมที่สิงสู่อยู่ในจิต
เป็นพลังงานแฝงอยู่ในจิตวิญญาณ ทำตัวราวกับเป็น "จิตวิญญาณ" เสียเอง
ซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสว่า กิเลสเป็น "แขก" (อาคันตุกะ)
ไม่ใช่ "เจ้าของบ้าน" จริง มันทำตัวเป็น "แขกประจำ"
ด้วย ประจำมาแต่ไหนแต่ไร ไม่ใช่ "แขกจร" แต่จะมี "แขกจร"
ใหม่สมัคร เข้าไปยึดครอง เป็นแขกประจำ เสริมเติมเพิ่มขึ้นอยู่เรื่อยๆเสมอ
สำหรับปุถุชน แม้จะเป็น กัลยาณชนก็เถอะ หากยังไม่สามารถ "รู้จัก"
เจ้าตัว "แขก" ที่ชื่อว่า "กิเลส" และ ป้องกัน หรือละลดมัน
อย่างสัมมาทิฏฐิ จนสามารถ กำจัดมันหมดสิ้นเกลี้ยง จากจิตวิญญาณ ของตนได้จริง
"จิตวิญญาณ" ของปุถุชน และ ของกัลยาณชน ก็ยังไม่ใช่ "จิตแท้"
ไม่ใช่ "จิตบริสุทธิ์"
"จิตวิญญาณ"ของผู้ได้ปฏิบัติจนบรรลุ"อรหัตผล"
เป็น"อรหันต์"เท่านั้น ที่เป็น "จิตวิญญาณ" ที่สะอาดบริสุทธิ์"
หรือเป็น "จิตแท้ๆ" เพราะแม้แต่ในส่วนลึกสุด ที่เป็นอนุสัย ก็ไม่มี
เศษละอองธุลี ของกิเลส หลงเหลือปนแฝงอยู่เลย
ศาสนาพุทธได้พิสูจน์ "ความจริง"
นี้ ด้วยทฤษฎีเอกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้แก่ "โพธิปักขิยธรรม ๓๗"
เป็นต้น ชนิดสามารถมี "ญาณ" ขั้น "วิชชา ๙" หยั่งรู้เข้าไปถึง
"กายในกาย.. เวทนาในเวทนา.. จิตในจิต.. ธรรมในธรรม" ดังที่ได้สาธยาย
มายาวนานนั้นแล้ว
ซึ่ง"ของจริง"
(สัจจภาวะ) ต่างๆ อันปรากฏให้ผู้ปฏิบัติ ได้แตะต้องสัมผัสอย่าง "รู้จริง
ตามความเป็น ความมีจริง" ล้วนเกิดล้วนเป็น "อยู่ในภายใน"
ของผู้ปฏิบัติเอง ไม่ว่าจะเป็น "จิตวิญญาณ" หรือ "นามธรรม"
ที่เป็นรูป หรือ อรูปละเอียดลออสุด ขั้น "นิพพาน" หรือ "จิตแท้"
ก็มี "ของจริง" นั้นๆปรากฏให้"รู้" (ชานาติ)
ให้"เห็น" (ปัสสติ) จึงจะเป็น "ผู้เข้าถึงญาณ"
(ญาณูปปันนะ) และเป็น "ผู้รู้แจ้งเห็นจริง"
(ญาณทัสสี) "ของจริง" (สัจจภาวะ) แท้ๆ
[มีต่อฉบับหน้า]
(เราคิดอะไร
ฉบับที่ ๑๔๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๕)
|