>เราคิดอะไร

ชีวิตนี้มีปัญหา ๒ - สมณะโพธิรักษ์ -

(ต่อจากฉบับที่ ๑๕๙)


นั่นคือ "กุศลโลกุตระ"

"โลกุตระ" เป็นสัจธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้เอง รู้แจ้งด้วยพระองค์เอง ไม่เหมือนใคร ซ้ำ "ทวนกระแสสามัญหรือทวนกระแสโลกียะ" (ปฏิโสตัง) อีกด้วย นี่แหละคือ "เนื้อแท้เนื้อธรรม" ของศาสนาพุทธ โดยเฉพาะ ไม่มีในศาสนาอื่นใด มี "ความพิเศษ" ที่ต่างจากศาสนาอื่นๆ มากมายหลากหลายนัย ซึ่งเป็นความลึกซึ้งซับซ้อนพิเศษยิ่งจริงๆ

เช่น แค่เรื่อง"ประโยชน์" ที่เป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตอย่างยิ่ง แม้คนสมัยนี้จะยอดรู้ยอดฉลาด มีศาสตร์สารพัด มีวิชาเรียนรู้กันจนถึงขั้นปริญญาเอก บ้างก็จบพุทธศาสนศีกษา ระดับปริญญาเอก ก็มี เลยปริญญาเอกก็มี แต่ยังตกเป็นทาสของ"ประโยชน์"ของ"ผลประโยชน์" อันได้แก่ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข อย่างโงหัวไม่ขึ้นกันอยู่นิรันดรกาล ก็ออกถมถืด

เพราะไม่เรียนรู้และปฏิบัติให้เกิด "โลกุตรธรรม" ของพระพุทธเจ้าให้สำเร็จเป็นจริงนี่เอง

"ประโยชน์" หรือภาษาที่รู้กันดี ชอบพูดกันทั่วไปว่า "ผลประโยชน์" ภาษาศัพท์ก็คือ "อัตถะ"นี้ ใน"โลกียะ"เขาก็มี เขาก็เรียน เขาก็สร้าง เขาก็สั่งสม และใน"โลกุตระ"ก็มี ก็เรียน ก็สร้าง ก็สั่งสม เช่นกัน แต่ใน "โลกุตรสัจจะ" นั้น ยังมีลึกซึ้งซับซ้อนขึ้นไปอีก

ในความเป็น"โลกุตรภูมิ" จะมี "อธิปัญญา" หรือ "วิชชา ๙" ที่สามารถเข้าใจในความเป็น"ประโยชน์" (อัตถะ) ต่างๆ อย่างละเอียดประณีตซับซ้อนซ่อนเชิง ไม่ว่าจะเป็น"ทิฏฐธัมมิกัตถะ" หรือ "สัมปรายิกัตถะ" ไม่ว่า "ประโยชน์ตน"ที่เรียกว่า"อัตตัตถะ"

[มีต่อฉบับหน้า]