หน้าแรก>สารอโศก

บันทึกจากปัจฉาสมณะ
ตอน มาช่วยมนุษยชาติด้วยกัน


มีนาคม ต้นเดือน (๒ มี.ค.) พ่อท่านไปเยือนกำแพงเพชร "เพชรผาภูมิ" ชุมชนแห่งใหม่ ที่มีท่าน ผู้ว่าราชการจังหวัด คุณกฤช อาทิตย์แก้ว ส่งเสริม ด้วยหวังจะให้เป็น ชุมชนกสิกรรมไร้สารพิษ ของกำแพงเพชร

การจากไปของสมณะกระบี่บุญ มนาโป (๖ มี.ค.) ที่ถือเป็นนักรบกองทัพธรรมในระดับแม่ทัพ ทำให้เกิด ข้อความกินใจ ของหลายๆคน จากการเขียน คำระลึกถึงสั้นๆ ของพ่อท่าน ".....มาช่วยมนุษยชาติด้วยกัน" แต่ไม่เหมาะ ที่จะเผยแพร่ กับคนทั่วไป เพราะอะไร?

"ใจพระโพธิสัตว์ทำด้วยอะไร" เป็นคำถามซื่อๆของ นักเรียน สส.ฐ.ที่จบ ม.๖ พ่อท่านให้โอกาส พูดคุย ตอบคำซักถาม อย่างกันเอง และในวัน "รับกลด" (๑๑ มี.ค.) ของนักเรียน สัมมาสิกขา ที่จบ ม.๖ จากทุก พุทธสถาน "เราน่าจะต่อบุญ เราไม่น่าจะต้องไปเกลือกกลั้วบาป" พ่อท่านให้ข้อคิดเตือนใจ อีกหลายอย่าง ที่ผู้ใหญ่ ก็ควรรับฟัง

ช่วงกลางเดือน(๑๒, ๑๘ มี.ค.) หมอจีนจากไต้หวัน มาตรวจรักษาให้พ่อท่าน ตามความรู้ ตามวิธีการที่เขามี ซึ่งก็ดูแปลกดี เป็นการแพทย์ทางเลือกอีกแนวหนึ่ง แต่พ่อท่าน ก็ยังคงมีอาการ ขาซ้ายร้อนๆ เมื่อนั่ง ทำงาน นานๆ และดูเหมือน ยังไม่มีวิธีการใด ที่จะทำให้อาการ ขาซ้ายหายร้อนได้ แต่พ่อท่าน ก็ยังคง ให้กดนวด ตามวิธีของแพทย์แผนไทย โดยฝีมือของญาติธรรมเอง ส่วน"ปัญจศาสตร์"นั้น พ่อท่านเริ่ม มีท่าทีไถ่ถอน การทดลองรักษา ด้วยการงดอาหารเสริม และ ไม่ได้ไปรักษา กับวิธีการ ของคุณสายัณห์อีก

บริษัทภูมิบุญฯ น้องใหม่ล่าสุดในระบบบุญนิยม มีนโยบายกว้างขึ้นกว่าทุกบริษัท ที่เคยมีมา เงินเดือนสูงสุด อยู่ที่ ๑๐,๐๐๐ บาท ใครที่สนใจ อยากออกจากงาน ที่ทำอยู่ แต่ก็ยังไม่กล้า ที่จะสละ รายได้ทั้งหมดเลย ติดตามรายละเอียด ได้ต่อไป ๑๖ มี.ค. เป็นการประชุมครั้งแรกในการก่อตั้งบริษัท

การร่วมเสวนากับ น.พ.ประสาน ต่างใจ โดยมีดร.เทียนชัย วงษ์ชัยสุวรรณ เป็นผู้ดำเนินรายการ ที่ตึกช้าง ๑๖ มี.ค. ทำให้พ่อท่าน กลับมาอธิบาย จิตวิญญาณ เชื่อมต่อกับวิทยาศาสตร์ จนไปถึงอนัตตา

รายการปิดภาคเรียนของ สส.สอ. และเอื้อไออุ่นกับ ชาวชุมชนสันติอโศก (๒๕ มี.ค.) ทำให้เกิดพินัยกรรม โดยธรรมชาติ ของพ่อท่าน ใครอยากรู้ ในเล่มนี้มีคำตอบ

ปลายเดือน งานอบรมที่ทักษิณอโศก พ่อท่านได้ไปร่วม ๒๖-๒๘ มี.ค. น่าประทับใจกับ ท่านผู้ว่าฯ จังหวัดตรัง นายสงวน จันทร์อักษร ในชุดผ้าขาวม้าเคียนพุง ร่วมฟังธรรม ร่วมกิน ร่วมนอน ร่วมทำงาน เช่นเดียวกับ ชาวบ้านผู้เข้าอบรม อย่างติดดิน


เพชรผาภูมิ : ชุมชนในฝัน ?
โอเอซิสของกำแพงเพชร?

๒ มี.ค. ๔๕ เสร็จงานพุทธาภิเษกฯ เดินทางไปกำแพงเพชร เพื่อดูโครงการ "เพชรผาภูมิ" มีญาติธรรมร่วม ๕๐ คนมารออยู่ก่อนแล้วที่บ้านผู้ว่าฯ นายกฤช อาทิตย์แก้ว ซึ่งอยู่ไม่ห่างจาก ที่ของส่วนกลาง เดิมเป็นของ นายธีชัช ศรีพันธวานุสรณ์ ได้มอบให้กับมูลนิธิตั้งแต่ปี ๒๕๔๐ ญาติธรรม ได้นำพ่อท่าน และพวกเรา เดินดูบริเวณพื้นที่ ของส่วนกลาง และที่ข้างๆ ที่จะซื้อเพิ่มเติมให้มูลนิธิ ต้องลุยป่าหญ้า ได้เหงื่อกันโดยทั่ว พ่อท่านเอง โดนทั้งหนาม โดนทั้งใบหญ้าคาบาด หลายคนไม่เป็นอะไรเลย ไม่รู้เหมือนกันว่า พ่อท่านมีวิบาก อะไรกับหนาม หลายครั้ง ที่ไปไหนมาไหนด้วยกัน พ่อท่านมักจะเหยียบถูกหนาม หรืออะไร ที่ทำให้เกิด บาดแผล ที่เท้าอยู่บ่อยๆ แต่ก็เป็นแผลเล็กๆน้อยๆ ไม่รุนแรง หนักหนาอะไร

เดินกลับมา ถึงบ้านผู้ว่าฯ เป็นเวลา ๑๗ นาฬิกาเศษ ที่ลานหน้าบ้าน เปิดวงพูดคุยเรื่อง โครงการ "เพชรผาภูมิ" เริ่มจากท่านผู้ว่าฯ กฤช บอกเล่าความเป็นมา ของที่ดิน เดิมเป็นป่าเสื่อมโทรม ให้สหกรณ์ดูแล เป็นที่ สปก.๔- ทางนิคมสหกรณ์ แนะนำว่า หากใครจะซื้อที่ดิน ให้สมัครเป็นสมาชิก สหกรณ์นิคม เสียค่า สมาชิก และเสียค่าเช่าที่ ปีละ ๑๐ บาท/ไร่ สมาชิกแต่ละคน จะซื้อได้ไม่เกิน ๕๐ ไร่

เมื่อมีการพูดถึงความคิด เปิดกว้างกว่าชุมชนอโศกอื่นๆ โดยจะให้คนมาอยู่ มีรายได้ ตามความขยันของตน อีกทั้งคนโดยทั่วไป ที่ยังไม่ได้ปฏิบัติ อย่างญาติธรรม แต่มีศรัทธา ก็สามารถ มาร่วมโครงการ ซื้อที่ดิน อยู่ร่วม ในชุมชนได้

พ่อท่านท้วงติงว่า "มันเป็นมาตรการหลวมๆ คนที่มาอยู่ จะอาศัยเครดิตชาวอโศก แฝงเอาประโยชน์ได้"
มีเสียงติง เสริมพ่อท่านว่า อย่างที่หนองปรือ เมืองกาญจน์ พอมีรายได้มากขึ้น ก็โกงแฝง จึงถูกไล่ออกไป หลายคนแล้ว หากไม่มีมาตรการควบคุม จะเป็นปัญหาระยะยาว

ฝ่ายผู้ร่วมคิดโครงการ พยายามชี้แจง ถึงเหตุที่มา ของความคิด เปิดกว้างว่า เพื่อยืดหยุ่น อนุโลมกับคน ที่ยังไม่สามารถ เสียสละได้เต็มตัว ยังต้องการ รายได้มากๆ เพื่อใช้หนี้ และช่วยเหลือครอบครัว ทั้งนักเรียน สัมมาสิกขา ที่จบ ม.๖ แล้ว แต่ไม่สามารถ อยู่ในชุมชนอโศกอื่นๆ รวมถึงคนดีๆ ที่ยังไม่ได้เป็นญาติธรรม ก็สามารถอยู่ร่วมได้ เพราะจะอยู่อย่างญาติธรรม ตามชุมชนอโศก ต่างๆเลย ก็ยังยาก แต่ก็ไม่อยากอยู่ อย่างสังคมส่วนใหญ่ อยากจะอยู่ กับสังคมคนดีๆ เหมือนกัน

พ่อท่านกล่าว "กิเลสมันฉลาด ถ้าไม่มาลดละจริงๆแล้ว จะไม่สามารถเข้ามาได้จริงๆ ถ้าเข้ามา ก็มาแย่ง ถึงจุดหนึ่งเขาจะอาศัยเรา แล้วเสพบำเรอตนมากขึ้น แนวคิดที่ว่ามานั้น จึงไม่ใช่การสร้างคน"

เนื่องจากฝ่ายที่คิดเปิดกว้าง ได้คิดไกลไปถึงขั้น จะมีอาคารทำปุ๋ยอินทรีย์เม็ดและน้ำ พร้อมเครื่องจักร อาคารโรงงานไม้แปรรูป ทำเฟอร์นิเจอร์ พร้อมเครื่องจักร อาคารโรงเรือนทำสมุนไพร และ น้ำดื่มผลไม้ พร้อมเครื่องจักร อาคารโรงงานแปรรูปน้ำตาลทรายดิบ พร้อมเครื่องจักร ฯลฯ อาจเป็นเพราะ มองเห็น กลุ่มคน ที่อยู่ในฐานอย่างนี้ มีจำนวนมาก จึงนำเสนอโครงการ อย่างกว้างไกลเช่นนี้ ขณะที่คุณธีชัช ผู้มอบที่ให้มูลนิธิฯ ยังคิดสร้างชุมชน อย่างอนุรักษ์ จึงยังไม่ลงตัวว่า นโยบายของ โครงการ จะเป็นไป ขนาดไหนอย่างไร

พ่อท่านพยายามประสานแนวความคิดสองขั้วนี้ โดยให้มีรายได้สูงสุด ไม่เกิน ๖,๐๐๐ บาท ขณะที่ ชุมชนอโศกอื่น อย่างมาก ก็แค่ ๓,๐๐๐ บาท และอยากให้ "เพชรผาภูมิ" เป็นชุมชนกสิกรรมเท่านั้น ส่วนเรื่องกฎเกณฑ์ ระเบียบการ จะเป็นเช่นใด ฝากให้เป็นเรื่องของ คณะกรรมการ จะพูดคุยกันต่อไป

๓ มี.ค. ๔๕ ก่อนฉันพ่อท่านแสดงธรรมสั้นๆ ย้ำคนจนเป็นสุข กับคนรวยเป็นสุข คนจนมีความสุข ที่ผลาญเปลืองโลก น้อยกว่าคนรวย และกล่าวเตือนทิ้งท้ายว่า "อย่าใจร้อน ค่อยๆ ทำไป แข็งแรง ขยัน และอดทนให้ดี"

หลังฉัน ท่านผู้ว่าฯกฤช ขับรถพาพ่อท่าน ไปดูสภาพสวนส้ม ที่มีนายทุน มาจัดทำเป็น หมื่น -แสนไร่ อ่างเก็บน้ำ ที่กรมชลประทาน ได้มาจัดทำให้ชาวบ้านใช้ แห้งอย่างน่าใจหาย จากสภาพป่า ที่อุดมสมบูรณ์ กลายเป็นโล่งเตียน มีแต่สวนส้ม สุดลูกหูลูกตา ผู้ว่าฯกฤช บอก ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะไม่มีกฎหมาย ห้ามเอาน้ำไปใช้ กับสวนส้มส่วนตน จนหมดบึงหมดอ่าง ชาวบ้านไม่มีน้ำใช้ นายทุนเพียงมาเช่าที่ ชาวบ้านทำ แล้วจ้างชาวบ้านดูแล ฉีดยา ทั้งดอกทั้งผล ชาวบ้าน ก็ต้องอยู่กับสารเคมี จำนวนมากนั้น ยิ่งสวนส้ม เป็นแสนไร่เช่นนี้ สภาพนิเวศน์ ก็เสียหายหมด เพราะการปลูกพืชเชิงเดี่ยว ดินก็เสื่อม สุขภาพ ของชาวบ้านเองก็แย่ เงินที่ได้มานั้น ไม่คุ้มเลย เมื่อผลผลิตลดลง นายทุนก็เปลี่ยน ย้ายไปเช่า ที่ชาวบ้าน แห่งใหม่ สภาพนิเวศน์ก็เสื่อมเสียไปอีก

ท่านผู้ว่าฯ กฤช จึงหวังชาวอโศกอย่างมากว่า จะมาทำกสิกรรมธรรมชาติ ให้เกิดผลผลิต เป็นตัวอย่าง นำชาวบ้าน ให้หันมาใช้ชีวิต อย่างพอเพียง และพึ่งตนเองให้มาก อีกทั้งหวังที่จะให้ "เพชรผาภูมิ" เป็นดุจ โอเอซิส ของกำแพงเพชร

"ขอเพียงหางๆของชาวอโศก มาช่วยกันทำ ก็เชื่อว่า เพชรผาภูมิ จะเป็นชุมชนตัวอย่าง ในการทำ กสิกรรม ไร้สารพิษ แบบธรรมเทคได้" ท่านผู้ว่าฯกฤช กล่าวทิ้งท้าย อย่างยกย่องให้ค่า ชาวอโศกอย่างยิ่ง จนเรา ชาวอโศกเอง ออกเขิน


แนะนำศิษย์อดีตพระอิสระมุนี
๕ มี.ค. ๔๕ ที่สันติอโศก ช่วงบ่ายได้รับโทรศัพท์ จากสมุทรสาคร เป็นโยมผู้หญิงบอก ตนศรัทธา อดีตพระ อิสระมุนี อยากจะขอคำแนะนำ จากพ่อท่านว่า จะทำอย่างไรดี ด้วยทุกวันนี้ นักข่าวยังคงติดตาม คุ้ยข่าว ขณะที่โยมเห็นว่า ท่านอิสระมุนี อยากอยู่สงบๆ เหมือนท่านยันตระ เรื่องมันผ่านไปแล้ว นักข่าวก็ไม่น่า มายุ่งวุ่นวายอีก ในฐานะที่พ่อท่าน ก็เคยตกเป็นข่าว จะมีคำแนะนำอะไร

"เรามีความจริงอะไร ก็บอกความจริงของเราให้หมด ให้เขารู้แล้วก็จบ ถ้าเรามีเรื่อง ปิดบังเขาอยู่ นักข่าว เขาก็อยากจะรู้ จะไปทำอย่างไรได้

ความสงบของพุทธ ไม่ใช่อยู่ที่ การหนีปัญหา ไม่มีเสียงพูด ไม่มีเสียง ว่าอะไร สงบเงียบ จากเสียงนั้น ไม่ใช่ความสงบของพุทธ ของพุทธนั้นอยู่กับปัญหา อยู่กับเสียงพูด เสียงว่า แต่ใจเราสงบ ไม่มีกิเลส โกรธเคืองเขาต่างหาก เพราะเข้าใจความจริงว่า เขาพูดไม่ถูก ในเรื่องที่ไม่ถูก เขาพูดถูก ในเรื่องที่ถูกที่จริง ที่เขาพูดนั้นเขาพูดไม่จริง ในเรื่องที่ไม่จริง ถ้าเราสามารถ จะแก้ไข จะแย้งบ้าง ก็ทำ ถ้าไม่ทำ ก็วางใจ ก็จบเท่านั้นเอง

เรื่องของอาตมาตอนเป็นข่าว นักข่าวเขาก็มากินมานอนเต็มไปหมด เราเองก็ไม่มีปัญหา อะไร เขาก็ทำ หน้าที่ของเขา เราก็เข้าใจเขาว่า มันเป็นอาชีพของเขา"


แด่...สมณะกระบี่บุญ มนาโป
๖ มี.ค.๔๕ ที่สันติอโศก ทราบข่าวว่าสมณะกระบี่บุญ มนาโป มรณภาพแล้วที่ปฐมอโศก

๗ มี.ค.๔๕ เช้านี้พ่อท่านเดินทางจากสันติอโศก ไปปฐมอโศก เมื่อเดินทางไปถึง สมณะ และ ชาวปฐมอโศก ได้มาพูดคุย เพื่อตกลงวันเผาศพ ที่ลงตัว

๑๒ มี.ค.๔๕ หลังเสร็จงานอบรมเกษตรกรที่พักหนี้ ธ.ก.ส. ชุมชนอื่น ที่จัดอบรมเช่นกัน จะได้มา ร่วมงาน เผาศพ อย่างสะดวกใจ

ฝ่ายจัดบอร์ดสำหรับเขียนคำไว้อาลัย ได้มาเรียนถามพ่อท่านว่า พ่อท่านจะเขียนอะไร ติดบอร์ดบ้างไหม ข้าพเจ้าคาดเดา ไปก่อนว่า พ่อท่านคงปฏิเสธ เหมือนที่เคยปฏิเสธ ใครต่อใคร ที่มาขอ ให้พ่อท่าน เซ็นชื่อ หลังภาพบ้าง หรือขอให้เซ็น ให้เขียนอะไรๆ ให้ส่วนตัว ซึ่งก็มักจะได้รับ การปฏิเสธว่า "อาตมาไม่เซ็น ไม่เขียนให้ใครหรอก ขืนเขียนให้ เดี๋ยวใครต่อใคร ก็จะเอาอย่าง เอามาให้เซ็น ให้เขียนกันอีก อาตมาก็เลย ไม่ได้ทำอะไรกันพอดี"

ครั้งนี้ผิดคาดแฮะ พ่อท่านหยุดคิดนิดหนึ่ง แล้วบอกให้ฝ่ายจัดบอร์ด จดข้อความ ตามคำบอกว่า "ไปก่อน แล้วกลับมาใหม่ชาติหน้า มาช่วยมนุษยชาติด้วยกัน" ฟังแล้วรู้สึกกินใจมาก น้ำตาเอ่อคลอเบ้า ขึ้นมาทันที เหมือนพ่อท่าน พูดกับจิตวิญญาณ ของลูกๆทุกคน ไม่เฉพาะ แต่จิตวิญญาณ ของสมณะกระบี่บุญ มนาโปเท่านั้น แม้จะเป็นข้อความสั้นๆ แต่ความหมาย ยิ่งใหญ่มาก

ข้าพเจ้าเรียนเสนอให้พ่อท่าน เขียนด้วยลายมือของพ่อท่านเอง จะดูดี ดูขลัง และศักดิ์สิทธิ์ ได้อารมณ์ ความรู้สึกมากกว่า ลายมือของผู้อื่น พ่อท่านก็รับมาเขียนให้ทันที พร้อมลายเซ็น กำกับวันที่ปิดท้าย

ต่อมา มีคนเสนอ ให้เอาลายมือ ที่พ่อท่านเขียนนี้ ถ่ายเป็นบัตรเล็กๆ แจกกับทุกคนที่มา ร่วมงานเผาศพ
พ่อท่านไม่เห็นด้วย "ไม่ดีหรอก ขืนทำแจกไปอย่างนั้น มันไม่มีเรื่อง ไม่มีเหตุ ไม่เหมาะ ที่จะทำแจก กับคนทั่วไป"

สมณะเพาะพุทธ จันทเสฏโฐ และคณะถ่ายทำรายการโทรทัศน์ ได้มาถ่ายทำเกี่ยวกับ การมรณภาพ ของสมณะ กระบี่บุญ มนาโป เพื่อนำเสนอใน itv วันอังคารที่จะถึง (๑๒ มี.ค.) และขอโอกาส พ่อท่าน ให้ข้อคิดเตือนใจ เกี่ยวกับงานศพ ประมาณ ๑๐ นาที

๑๐ มี.ค. ๔๕ ที่ปฐมอโศก พ.ต.อ.พิสิษฐ์ จีนะวิจารณะ ผู้กำกับ สภ.อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ และ ครอบครัว มากราบนมัสการพ่อท่าน ว่าเพิ่งออกมาจาก ร.ร.ผู้นำ กาญจนบุรี แวะมากราบ คารวะศพ สมณะกระบี่บุญ มนาโป ได้อ่านข้อความ ที่พ่อท่านเขียนติดไว้ที่บอร์ด รู้สึกซาบซึ้งใจมาก น้ำตาไหล

๑๑ มี.ค. ๔๕ ที่ปฐมอโศก สมณะบินบน ถิรจิตโต โทร.มาสอบถามข้อความ ที่พ่อท่านเขียนไว้ ที่บอร์ด เนื่องจากได้ยิน พวกเราพูดถึง ด้วยความประทับใจ จึงคิดจะนำลงพิมพ์ ในข่าวอโศก รายปักษ์ หรืออาจ จะนำลง หน้าปก "สารอโศก" ข้าพเจ้าจึงบอกเล่าเรื่องราว ที่พ่อท่านปฏิเสธ ก่อนหน้า นี้มาแล้ว สมณะบินบน ถิรจิตโต เสริมรับทันทีว่า "ใช่ เดี๋ยวพวกเรา จะถูกมองว่าเป็น สัสสตทิฏฐิ"

ค่ำวันนี้ สมณะร่มเมือง ยุทธวโร ฝากเรียนถามพ่อท่าน ถึงธรรมเนียมปฏิบัติว่า กรณีศพ สมณะ กระบี่บุญ มนาโป สมณะที่เป็นอาวุโส หรือเป็นภันเต จะคารวะศพกันอย่างไร เพราะสมณะหลายรูป ก็ไม่รู้ จะปฏิบัติกัน อย่างไร

"ผู้เป็นสมณะภันเต ก็ให้ยืนนมัสการ สำหรับอาวุโส ก็ก้มลงกราบ ครั้งเดียวก็พอ" พ่อท่านตอบ

๑๒ มี.ค.๔๕ ที่ปฐมอโศก ทำวัตรเช้า สมณะ สิกขมาตุ และญาติโยม กล่าวธรรมระลึกถึง คุณความดี ของสมณะกระบี่บุญ มนาโป

ก่อนฉัน สมณะมหาเถระ กล่าวธรรม รำลึกถึง สมณะกระบี่บุญ มนาโป จากประสบการณ์ ที่ได้รู้เห็น อยู่ร่วมกันมา กว่า ๒๐ ปี ช่วงประเคนถวายอาหารสมณะ พอมีเวลา กว่าครึ่งชั่วโมง พ่อท่าน จึงใช้ช่วงเวลานี้ กล่าวถึงสภาวะจิต สภาวะธรรม ที่ลึกละเอียด ของอุเบกขา และได้พูดถึง สมณะกระบี่บุญ มนาโป จากบางส่วนดังนี้
"...คำสอนของท่านมนาโป ตามที่ท่านบินบน ได้อ่านไปแล้วนั้น เป็นการยืนยันได้ว่า ท่านมนาโป เป็นผู้มี สัมมาทิฏฐิ และนี่ท่านมนาโป ก็สิ้นไปแล้ว ก็พอกล่าวประกาศได้ว่า ท่านเป็น พระอาริยะ ไม่ใช่คนธรรมดา ท่านเคยบอกว่า ท่านบรรลุพระอรหันต์ด้วยซ้ำไป แต่ตอนหลัง ท่านก็มารู้ตัว แล้วอาตมา ก็ชี้ก็ยืนยันว่า นั่นน่ะ ยังมีเศษส่วนอาสวะ ที่เหลืออยู่ แต่ความเป็นอาริยะ ได้ระดับไหน ท่านก็ได้ของตน เป็นของตน ซึ่งท่านจะได้ ในระดับนั้น ระดับนี้ขึ้นไป ซึ่งเราก็พอจะประเมินได้ว่า ในระดับโสดา สกิทา หรือ อนาคามีภูมินี่ ก็ถึงแน่ๆ เพราะฉะนั้น ส่วนสุดท้าย ท่านจะบรรลุ อรหันต์หรือไม่ ในร่างก่อนท่านจะตาย ลงไปนี่ คนอยากรู้ ก็ต้องปฏิบัติธรรม ของตนเองขึ้นไป เพื่อที่จะได้รู้ได้ เห็นได้เข้าใจ พวกเราก็ปฏิบัต ิธรรมกันมา พิสูจน์ธรรมะ ของพระพุทธเจ้า โดยการรู้ รู้ด้วยตน ซึ่งท่านได้ปฏิญญา ท่านได้กล่าวกับ เพื่อนสหธรรมิก เมื่อกี้ก็มี ผู้มาบอกว่า ท่านเองเคยบอกว่า ท่านก็บรรลุอรหันต์ ท่านจบกิจแล้ว มันก็ต้อง รู้ตัวเองว่า ตัวเองบรรลุใช่ไหม คนเราอยู่ๆ บอกว่าตนเอง บรรลุขึ้นมา ก็คือคนสติไม่ดี หรือคนหลง เลอะๆ แต่นี่ท่านก็ไม่ได้ เป็นคนเลอะๆ อะไร สติสัมปชัญญะก็ไม่ได้เลอะอะไร เพียงแต่ท่านมั่นใจ ด้วยญาณปัญญา ของท่านว่า ท่านหมดแล้วนะ แต่การหมดกิเลส ของพระพุทธเจ้านี่ ละเอียดลออมาก

อย่างพุทธาภิเษกฯ คราวที่แล้ว อาตมาเทศน์ ถึงระดับ อรูปฌานของพุทธ ๔ ขั้น ซึ่งเป็นภูมิจิต ใช้ตรวจสอบ ความละเอียด หมดจด ของเศษกิเลสที่เหลือ เทศน์ถึง สัญญาเวทยิตนิโรธ ซึ่งเป็นการตรวจสอบ ความสะอาด ความบริสุทธิ์ บริบูรณ์ทั้งหมด ต้องใช้ภูมิระดับ อรูปฌาน และจะต้องถึง ขั้นญาณ สัญญาเวทยิตนิโรธ เป็นขั้นสุดท้าย เป็นอายตนะสุดท้าย ที่พระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ อาตมาก็โค๊ตคำตรัส ของพระพุทธเจ้า เอามาขยายความ ฟังก็เรียกว่า ปีนบันไดฟังกันน่าดู ซึ่งก็จำเป็น ที่จะต้องเอามา อธิบายไว้ เพื่อให้ครบครัน ไม่ใช่มาตู่ๆ เอามานั่งหลงใหลเลอะๆ จะต้องมี ความละเอียดลออ สะอาด หมดจดจริงๆ ธรรมดาของ พระพุทธเจ้า สะอาดหมดจด อาตมาเห็นว่า จุดนี้คนรู้ได้ยาก...

ก็ขอ ขอบคุณ ท่านสมณะกระบี่บุญ มนาโป ที่ได้ช่วยสร้างสรรกันขึ้นมา ด้วยเรี่ยวแรง ด้วยสมรรถนะ ภูมิปัญญา อะไร ก็แล้วแต่ ทุกคนก็เห็นกันจริงๆ ไม่ใช่มานั่งยกยอกันเล่น เหมือน โลกย์ที่ป้อยอกัน ถ้าไม่จริง ก็กระดากนะ"

ช่วงระหว่างฉัน มีการขับร้องเพลงสรรเสริญ คุณความดี ของสมณะกระบี่บุญ มนาโป นับเป็นอีกรูป ลักษณ์หนึ่ง ของงานศพ ชาวอโศก นับจากพรพิชัย โยมเหมือนคำ จนมาถึงสมณะ กระบี่บุญ มีผู้ซาบซึ้ง ประทับใจ กับคุณความดี ถึงขั้นแต่งเนื้อร้องเป็นเพลง ร้องกันตามประสา พวกเราเอง นอกจากนี้ ยังมีวิดีโอ เรียบเรียง ภาพประวัติ และงานของ สมณะกระบี่บุญ แพร่ภาพให้ได้ดูด้วย

๑๓.๒๐ น. พ่อท่านเดินนำเคลื่อนขบวนศพไปที่เมรุ มีผู้นับจำนวน ผู้มาร่วมงานเผาศพ ประมาณ ๑,๔๐๐ คนขึ้น พระอาคันตุกะที่รู้จักมักจี่ ก็มากันหลายรูป ญาติธรรมรุ่นเก่าๆ ที่หายหน้าไปนาน ทราบข่าว จากรายการ โทรทัศน์ ของท่านจันทร์ ที่แพร่ภาพออกอากาศ ทางไอทีวีเช้าวันนี้ ก็อุตส่าห์ มาร่วมงาน ด้วยหลายคน


ใจพระโพธิสัตว์ทำด้วยอะไร? ทำไมไม่ท้อ?
๘ มี.ค. ๔๕ ที่ปฐมอโศก นักเรียน สส.ฐ. ที่จบ ม.๖ เป็นรุ่นที่ ๕ รวมตัวกันมาพบพ่อท่าน เพื่อขอรับฟัง โอวาท และ ซักถามปัญหา จากบางส่วนที่น่าสนใจดังนี้

".....อาตมาไม่ได้กล่อมหรอก แต่จะบอกความจริงว่า อยากให้อยู่วัดต่อไป ใครจะอยู่ หรือไม่อยู่ จะไปกล่อม ทำไมล่ะ จะกล่อมได้ แล้วอยู่เพราะคนกล่อม มันได้เรื่องอะไร เหมือนคนกินยา ติดยากล่อม ไม่ใช่ความจริง มันก็ไม่ได้เรื่อง

ดังนั้น คนจะอยู่หรือไม่อยู่ ก็แล้วแต่คน ใจของใครก็แล้วแต่ใจใคร จริงๆอาตมาเชื่อนะ เชื่อว่าพวกเราเนี่ยรู้ รู้ว่าอะไรดี อะไรไม่ดี รู้ว่าสมควรยังไง ไม่สมควรยังไง รู้ อยู่มาตั้ง ๕-๖ ปี จะว่ายัดเยียดให้รู้ก็ใช่ เพราะมันเป็น สนามแม่เหล็ก ของที่นี่ ทั้งหมดเองอยู่แล้ว แต่เราก็ไม่ได้ปิดกั้นทางโน้นอาตมาไม่ได้ทำอย่างปิด ไม่ใช่อยู่ ในม่านไม้ไผ่ ม่านเหล็ก เข้ามาแล้วก็ปิด ไม่รับรู้ และข้างนอกเขาเป็นยังไง ครอบงำทางความคิด อยู่ที่นี่ แห่งเดียว ไม่ได้ทำอย่างนั้นนี่นา ก็ให้รู้หมดแล้ว เป็นอิสรเสรีภาพ

อาตมามั่นใจในตัวเอง กับสิ่งที่ อาตมาทำอยู่ กับคนหมู่นี้ ว่าเราได้ทำสิ่งที่ดี อาตมามั่นใจอย่างนี้ ว่าเรา ได้พากเพียร ทำตามหลักธรรม ที่พระพุทธเจ้า พาเป็น ทำมาได้ขนาดนี้ ก็ได้มาเรื่อยๆ คนข้างนอก ก็เข้าใจ กันขึ้นมา เขาก็เห็นว่าดี ก็เห็นตามๆ กันมาเยอะแล้ว แต่พวกเรา ยังไม่เต็มใจ อยากจะไปลองทางโน้น ก็ได้แต่พูดกันตรงๆว่า อยากจะให้อยู่ แต่ถ้าไม่อยู่ เราก็ไม่ได้บังคับใคร ไม่ได้กล่อมอะไร"

นักเรียน : เมื่อพ่อท่านได้รับปัญหาของเด็กนักเรียน หรือว่าเด็กนักเรียน ที่จบไปนี่ ไม่ได้อยู่วัด ความรู้สึก ของพ่อท่านเสียใจ หรือว่าอกหักบ้างไหมครับ

พ่อท่าน : เออ มันมีแต่รู้นะ ไม่ใช่ว่ามีอาการ มันมีรู้ รู้เข้าใจว่าอันนี้มันไม่สมควร แต่ใจมันจะเป็นอาการ ที่ว่าเสียใจ หรือแม้แต่อาการเสียดาย มันไม่มีอาการหรอก แต่มันรู้ มันไม่สมควร

นักเรียน : อยากจะทราบว่า หัวใจพระโพธิสัตว์ทำด้วยอะไร มันเป็นภาษาที่สื่อไม่ออก แต่อยากจะรู้ สักนิดหนึ่งครับ

พ่อท่าน : เอ้า ก็พยายามจะตอบให้พวกคุณเข้าใจนะ หัวใจโพธิสัตว์ทำด้วยคุณธรรม ที่ถูกทิศทาง มาจริงๆ คุณธรรม ที่พระพุทธเจ้า ท่านให้ทฤษฎี ให้หลักการมาแล้ว ก็สร้างใส่ใจตัวเองจริงๆ ต้องฝึกฝน ให้ใจเราเนี่ย มีคุณค่า ที่ดีขึ้นมาเรื่อยๆ แล้วก็ทนทาน ต่อโลกีย์ ทนจนไม่ต้องทนหรอก มันทน ก็คือกิเลสเราไม่ได้ออก ทนคือฝืน แต่ถ้าล้างกิเลส ออกไปได้แล้ว มันไม่ต้องทน มันมีแต่รู้ หนักก็รู้ว่าหนัก เหนื่อยก็รู้ว่าเหนื่อย มากก็รู้ว่ามาก ยากก็รู้ว่ายาก ก็เท่านั้นเอง ไม่ท้อ อาตมายังไม่เคยท้อ

นักเรียน : ทำไมไม่ท้อครับ

พ่อท่าน : ไม่รู้จะตอบยังไง ทำไมไม่ท้อ เอ้า ลองหาคำตอบดู เพราะว่า ๑.กำลังของใจ มันยังแข็งแรงพอ ๒.ปัญญามันก็รู้ รู้เลยว่า เอ๊ะ! เราจะไปท้อทำไม ไปถอยทำไม เราจะไปหนี ทำไม มันก็... มันดีที่สุดแล้ว มันชัดเจน ปัญหามันเห็นชัดเจน และใจเรา ก็แข็งแรงแล้ว เราไม่เห็น จะต้องไปอ่อนไปแอไป..... ใจมัน เป็นจริงไง


 

อาตมาเหนื่อย แต่ก็เต็มใจ
เพราะไม่มีงานอะไรที่ดีกว่านี้

๑๑ มี.ค.๔๕ ที่ปฐมอโศก เป็นวัน "รับกลด" ของนักเรียนสัมมาสิกขาที่ จบ ม.๖ จากทุกพุทธสถาน ทั้งหมด ประมาณ ๔๘ คน หมู่สมณะ และสิกขมาตุร่วมกัน ให้โอวาทข้อคิดต่างๆ ตั้งแต่ทำวัตรเช้า ก่อนพิธีกรรม "รับกลด" ในช่วงก่อนฉัน คณะคุรุ และผู้ปกครองนักเรียน เปิดใจสดๆ ต่อด้วยพ่อท่าน แสดงธรรม ก่อน "มอบกลด" ให้นักเรียน จากบางส่วน ที่พ่อท่านได้กล่าวดังนี้

".....อาตมาเป็นโพธิสัตว์ เป็นผู้ที่จะมารื้อขนสัตว์ มาทำงานให้คนพัฒนา ให้คนพ้นทุกข์ ให้มีคุณค่า ประโยชน์ขึ้นจริงๆ ซึ่งมันเป็นงานยากมาก ยิ่งยุคกาลนี้ จะเรียกว่า เป็นกลียุคแล้วก็ได้ แต่มันยังไม่จัดแรง ถึงขึ้นแตกหัก ต่างประเทศทุกวันนี้ วุ่นวายยิ่งกว่าเรา ฆ่าแกงกัน ปฏิวัติ คือทะเลาะวิวาทกันรุนแรง แม้ทุกวันนี้ อเมริกาก็ยังส่งลูกระเบิด ไปทิ้งประเทศนั้น ประเทศนี้ ไม่ได้หยุด เขาใช้อำนาจ บาตรใหญ่รุกราน ซึ่งคนมันเสื่อมต่ำ ลงมากแล้ว......

.....ท่านดินทองพูดยกตัวอย่าง เมื่อเช้านี้ โอ้โฮ! อุทาหรณ์นี้เจ๋งมาก โดยเฉพาะพวกเรา เพราะรู้กันอยู่ว่า เป็นของจริง ปลาในบุ่งอยู่เหมือนถูกกักขัง เหมือนอยู่ในที่แคบ แต่มันก็อยู่สบาย มีคนเมตตาเกื้อกูล กินอยู่ดูแล ระมัดระวัง ไล่คนที่มาจับ คนจะมาตกเบ็ด คนจะมาหว่านแห คนจะมาคอยงาบ เอาท้ายบุ่ง นี่โอ้โฮ ไล่กัน คอยช่วยเหลือดูแล แต่ปลาที่คุณจะเป็นปลาออกไปนอกบุ่ง เป็นอิสระในที่กว้าง จะออกไปอยู่ แม่น้ำมูล หรือ ออกไปอยู่แม่น้ำไหนๆ ใหญ่ๆนะซี โอ้โฮ ทั้งเบ็ด ทั้งไฟฟ้าช้อต ทั้งแห ทั้งอวนขนาดมหึมา เสร็จแล้วเป็นไง ท่านก็เลยสรุปกันว่า พวกคุณออกไปแล้ว ไม่รู้จะไปเป็นปลาตากแห้ง หรือเปล่า อาตมาว่า ไม่ใช่เท่านั้น จะไปเป็น 'ปลาแดก' หรือเปล่า มันจะไปเน่า เหมือนปลาแดก หนอนเจาะ มันจะไปเป็นยังงั้น หรือเปล่าด้วยซ้ำ

อาตมาบอกได้เลยว่า ทุกคนที่มานั่งในที่นี้ เป็นคนเกิดมาแล้ว ไม่รู้กี่ชาติ แล้วก็ผ่านบาป ผ่านบุญ มามาก ต่อมากแล้ว จนกระทั่ง มานั่งอยู่ในที่นี้ ได้มีบุญส่วนหนึ่ง ประเทศไทยมี ๖๐ ล้านคน ยังมีอีกกี่สิบล้านคน ที่ไม่ได้ยิน ไม่ได้เข้ามา ไม่ได้มีโอกาส หรือแม้โอกาสมี แต่ก็ไม่มีปัญญาจะเข้ามา ไม่นึกจะมา ไม่อยากจะมา รังเกียจด้วยซ้ำ เห็นผิดว่า ไอ้นี่คือความไม่ดี เห็นว่าเรานี่ เป็นพวกเลว พวกต่ำ เป็นพวกผิด เพราะฉะนั้น ผู้ที่มานั่งอยู่ที่นี่ ได้ฟัง ได้สัมผัส ได้เรียนรู้ ได้รับการขอร้อง ด้วยซ้ำว่า ให้อยู่ มีบุญแล้ว

เราน่าจะต่อบุญ เราไม่น่าจะต้องไป เกลือกกลั้วบาป ที่เรามีมาแล้วมากมาย เรามาที่นี่ ก็พยายามลดละล้าง สิ่งไม่ดีไม่งาม ออกใช่ไหม มันก็ยังได้แค่นี้ แล้วทำไม ยังวิ่งกลับไปคลุก วิ่งกลับไปหา สิ่งที่มันจะเลอะเทอะอีก ถ้าเราสามารถ ที่จะปฏิบัติตน ให้มีหลักประกัน คือมีการบรรลุธรรม ทางพุทธนี่ยืนยัน ได้แล้วมันก็ จะมั่นคง ไปเรื่อยๆ เป็นนิยตขึ้นไป หรือเป็นตถตา เป็นอวิตถตา อนัญญถตา เป็นเช่นนั้นเอง ไม่แปรเปลี่ยน ไม่เป็นอื่น นิจจัง เป็นความเที่ยง ธุวัง เป็นความยั่งยืน สัสสตัง เป็นความมั่นคง อวิปริณามธัมมัง เป็นความ ไม่แปรเปลี่ยน อสังหิรัง ไม่มีอะไรลบล้างได้ แต่ในขณะที่ เรายังไม่แข็งแรง ถึงขนาดนั้น เราจะหนี ออกไป ทำไม ควรสร้างหลักประกัน นี่เสียก่อน เราควรจะทำให้ได้ ในขณะที่อาตมา ยังมีชีวิตอยู่ นี่ก็จะครบ ๖๘ ปีเต็ม ๕ มิถุนานี้แล้ว อีก ๑๐ ปีก็ ๗๙-๘๐ จะอยู่ถึงป่านนั้นหรือไม่ ก็ยังไม่รู้ ถ้าเชื่อว่าอาตมา มีประโยชน์ กับพวกเรา ให้อาตมาได้ช่วย ก็น่าจะอยู่ แต่ถ้าใครเห็นว่าไม่อยาก ให้อาตมาช่วยหรอก ไปดีกว่า อันนั้น ก็ไม่ว่ากัน

อาตมาเอง อาตมาเหนื่อย เหนื่อยที่ทำงานมันยาก แต่ก็เต็มใจ ที่จะเหนื่อย เพราะไม่มีงาน อะไรที่ดีกว่านี้ ขอยืนยันว่า ไม่มีอะไรดีกว่างานนี้ งานที่จะช่วยมนุษยชาติ ให้พ้นทุกข์ ให้เป็นทรัพยากร ของโลกที่ดี เป็นคนที่ เป็นประโยชน์ ต่อมนุษยชาติ"

 

ขาซ้ายยังร้อน - กดนวดแผนไทย อบสมุนไพร
ทดลองศาสตร์หมอจีน - ปฏิเสธปัญจศาสตร์

๕ มี.ค.๔๕ ที่สันติอโศก คุณแก่นฟ้า โทร.มาแจ้งว่า พระสมณลักขโณ จะพาหมอจีนจากไต้หวัน มาตรวจรักษา พ่อท่าน ในช่วง ๑๑-๑๓ มี.ค.นี้ พ่อท่านจะเห็นเป็นอย่างไร พ่อท่าน ไม่ขัดข้อง

(อ่านต่อหน้า ถัดไป)

(สารอโศก อันดับที่ ๒๔๘ พฤษภาคม๒๕๔๕)