พระบรมราโชวาท แถลง ชนะใจ - ชนะภัย (ไฟ)
น้ำท่วมบ้านราช สิบห้านาทีกับพ่อท่าน
พระพุทธเจ้ากับการอนุรักษ์ธรรมชาติ
จดหมายจากญาติธรรม รายงานจากพุทธสถาน
สรุปรายงานการประชุมองค์กรต่างๆ ของชาวอโศก ใต้ร่มอโศก
เก็บเล็กผสมน้อย น้ำฉี่ดีจริงหรือ? ไร้บุญนิยมสังคมอันตราย
กรรมตามสนอง ดวงตามที่สาม หอมดอกพุทธา

สืบสานภูมิปัญญาของพระพุทธเจ้าแก้ปัญหาสังคม
กรกฎาคม ๒๕๔๕
ต้นเดือนกรกฎาคม (๓ ก.ค.) นักศึกษาปริญญาโท จาก Northwestern University แวะชมชุมชน สันติอโศก มีคำถามแปลก ท่านรู้สึก ขาดอะไรหรือเปล่า ที่มาเป็นพระ? ท่านใช้เวลานานแค่ไหน ในการตัดสินใจ มาเป็นพระ? ที่นี่เหมือน Utopia แต่ทำไม คนจำนวนมาก จึงเข้ามาอยู่ไม่ได้? และ คำถาม ที่ชมว่า พ่อท่าน มีปัญญาเยอะเหลือเกิน อยากให้ท่านให้ปัญญา เพื่อใช้ในชีวิต พ่อท่านให้ปัญญาอะไร?

นักข่าว itv ที่ตามข่าวเรื่องวิทยุชุมชน ขอมาถ่ายทำการจัดรายการ ทำไมพ่อท่านจึงปฏิเสธ ไม่อนุญาต ให้ถ่ายทำ ในตอนแรก ต่อมา จึงอนุญาต? มีวัตถุประสงค์อะไร ในการจัดตั้งวิทยุชุมชน? ค่าใช้จ่าย ในการจัดตั้ง วิทยุชุมชนมากไหม?

สุขภาพพ่อท่านเดือนนี้ ผลการตรวจ ตา ล่าสุด(๖ก.ค.) จาก พ.ญ.สุขุมา วรศักดิ์ เป็นอย่างไร? พ่อท่าน พูดถึง ผลการทำดีท็อกซ์ ของพ่อท่าน ว่าอย่างไร? พ่อท่านเปิดเผยถึงอายุขัยของพ่อท่าน ที่เคยรู้มา ว่าเป็นเท่าใด? เหตุผลอะไร ที่พ่อท่านอยากมีอายุยืน? ผลเลือด หลังการทำดีท็อกซ์ หนึ่งเดือนเป็นอย่างไร? หมอพจน์ และหมออารีย์ พูดถึงผลเลือดว่าอย่างไร? ผลไม้ปั่นชนิดใด ที่ทำให้พ่อท่าน มีอาการคลื่นเหียน อาเจียน ทำไมจึงเกิดอาการนั้นได้?

นักศึกษาอเมริกันมาศึกษาปัญหาการพัฒนาของไทย พบพ่อท่าน(๙ ก.ค.) ถามว่า ชาวอเมริกัน จะช่วย เผยแพร่ ปรัชญา บุญนิยมได้อย่างไร? ท่านมั่นใจอย่างไรว่า ชุมชนอโศก จะอยู่อย่างมั่นคง โดยไม่มี ทุนนิยมเข้ามา? พ่อท่านตอบอย่างไร?

วิทยุ BBC มาสัมภาษณ์พ่อท่าน(๑๒ ก.ค.) คนมาที่สันติอโศกเขามาเปลี่ยนอะไร? เราช่วยคนจน อย่างไรบ้าง? ท่านเริ่มคิดแบบนี้ เมื่อไหร่? เมื่อนักข่าวให้พ่อท่านพูดอะไร กับคนทั้งโลก พ่อท่านฝากข้อคิด สะกิดใจอะไรกับคนทั้งโลก?

งานตุ้มโฮมมูนมังไทอีสานสืบสานภูมิปัญญา แก้ปัญหาคนจน ที่ศีรษะอโศก พบอ.สุลักษณ์ ศิวรักษ์ บนเครื่องบิน อ.สุลักษณ์ ใช้ถ้อยคำ ทักทายอย่างคุ้นเคย เป็นกันเองอย่างยิ่ง อ.สุลักษณ์พูดว่าอย่างไร? ในงาน ตุ้มโฮมมูนมังไทอีสานฯ ทั้งพ่อท่าน และ อ.สุลักษณ์ พูดในแบบที่แปลกไปจาก ที่เคยได้ฟัง การพูดเป็นแบบไหน? เชิญพลิกไปอ่านได้

คุณเอนก นาคะบุตร ผอ.กองทุนเพื่อสังคม(SIF) ได้ไปร่วมเป็นวิทยากรในงานตุ้มโฮมมูนมังไทอีสานฯ (๑๘ ก.ค.) และ ได้สนทนา กับพ่อท่าน ถาม จากนี้ไป พ่อท่านมีนโยบายอย่างไร? ชมพ่อท่านคิดทางออกได้ลึกซึ้ง

สูงกว่า คาร์ล มาร์กซ์ ? เศรษฐศาสตร์แบบเก่าทุนนิยมกำลังตก ต้องเอาบุญนิยม มาต่อยอดใช่ไหม?

คุณเอนกได้ใช้ทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์วิเคราะห์คาร์ล มาร์กซ์ เปรียบเทียบกับพ่อท่านได้อย่างน่าสนใจ..! คุณเอนกวิเคราะห์อย่างไร? คุณเอนก รู้สึกเหนื่อย กับการงาน และการต้องสู้กับ ฝ่ายการเมือง แต่ก็มีปีติ ที่เห็นศาสนา กำลังเกิดใหม่ในสังคม อย่างที่พ่อท่านทำ พระออกมาปฏิบัติศาสนา ท่ามกลางวิกฤต ด้วยการเข้าร่วมกับชุมชน? ทั้งหมดนี้ พ่อท่านคิดอย่างไร? ตอบคุณเอนกว่าอย่างไร? เชิญติดตามได้

งานคอนเสิร์ต "ธารน้ำใจสู่วัชราภรณ์ สุขสวัสดิ์"(๒๐ ก.ค.) พ่อท่านเปิดเผยเหตุผล ในการจัดงาน นี้ว่าอย่างไร? นักร้องส่วนใหญ่ เป็นนักร้องรุ่นเก่าๆ มีอายุ ๕๐-๖๐ ปีขึ้นแล้ว มีใครมาร่วมงานบ้าง คุณฉันทนา กิตติยพันธ์ และ คุณโฉมฉาย อรุณฉาน กล่าวถึงชาวอโศก และ สถานที่สันติอโศก ว่าอย่างไร นักร้องวัยรุ่น "สายใจ วลี" พูดถึงตนเอง ที่ได้มาสัมพันธ์กับ สันติอโศกว่าอย่างไร? คุณวัชราภรณ์ ร้องเพลงอะไร? ในงานนี้ที่ทำให้หลายคน มีอารมณ์ร่วม พล.ต.จำลอง ทำหน้าที่พิธีกรกิตติมศักดิ์ ยอดบริจาควันนั้น ขึ้นถึง ๘๖๒,๙๒๗ บาท อย่างคาดไม่ถึง

น.พ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล ผู้มีชื่อเสียงเกี่ยวกับการดูแลรักษาสุขภาพทางเลือก อย่างมีหลักการ ได้บอกเล่า ปัญหาการใช้คำว่า "จิตวิญญาณ" ที่องค์กรสุขภาพของรัฐ และผู้มีชื่อเสียงหลายท่าน นำไปใช้กับ พุทธศาสนาอย่างผิดๆ หมอบรรจบเห็นว่า เป็นวิกฤติทางพุทธศาสนา อย่างหนัก จึงมาบอกเล่า ให้พ่อท่านทราบว่า จะทำอย่างไรดี รายละเอียดของการสนทนา พ่อท่านคิดอย่างไร? เชิญเปิดไปอ่านได้

คุณภูฟ้า แพงค่าอโศก อดีตพระอยุทธโย ปัจฉาสมณะก่อนข้าพเจ้า ๑ ปี เสียชีวิตจากโรคฉี่หนู แม้ใกล้ เข้าพรรษา พ่อท่านต้องเปลี่ยนแปลง การเดินทางอย่างกะทันหัน เพื่อไปร่วมเผาศพ (๒๓ก.ค.) หลายคน ก็เดินทางอย่างกะทันหัน เพื่อมาร่วมงานเผาศพนี้ ทั้งชาวบ้าน และชาวเขา ก็อาลัยรักคุณภูฟ้า ความมีน้ำใจ เอาภาระงาน ช่วยเหลือใครต่อใคร เมื่อตายจาก อย่างกะทันหัน ใครต่อใคร ก็เดินทางมา แม้จะลำบาก ก็เพื่อตอบแทน คุณความดีของเขา

วันเข้าพรรษา (๒๕ ก.ค.) พ่อท่านให้โอวาทอะไร? กับหมู่สมณะที่อยู่ร่วมจำพรรษา

สุดท้ายคุณอรพิน จำปาเนตร สมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศส.) โทร.มาบอกเล่าว่า สภาที่ปรึกษาฯ พูดคุยกันว่า จะเอาแนวทาง ของชุมชนอโศก เป็นหลัก ในการทำแผนพัฒนาฯ เพียงแต่ ยังไม่ชัดเจนว่า เป็นความเห็น ของสมาชิกสภา ที่ปรึกษาฯ ทั้งหมด หรือ วงสนทนาบางส่วน


นักศึกษา Canadian ถาม
๓ ก.ค. ๔๕ ที่สันติอโศก คณะอาสาสมัคร นักศึกษาปริญญาโทจาก Northwestern University Kelloggs Institue ด้านบริหารธุรกิจ ศึกษา และช่วยงาน ด้านการให้คำปรึกษา ด้านธุรกิจชุมชน จาก Canada ได้มาเยี่ยมชม ชุมชนสันติอโศก หลังจากที่ คุณดาบบุญ ดีรัตนา นำชมสถานที่ และบอกเล่าสิ่งต่างๆ ไปบ้างแล้ว จึงได้นิมนต์พ่อท่าน มาสนทนา ซึ่งพ่อท่านได้กล่าวนำ ด้วยการบอกถึง วิถีชีวิต ชุมชนอโศก คร่าวๆว่า กินใช้ร่วมกัน มีกองกลาง ทุกๆอย่าง เอามาร่วมกัน เหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน แล้วจึงตอบ ข้อซักถาม จากบางส่วน ที่น่าสนใจดังนี้

ถาม : สังคมของที่นี่แปลกมาก ดูเหมือนว่าเป็น Utopia และสงสัยว่า ทำไมคนจำนวนมาก ถึงเข้ามาอยู่ ในนี้ไม่ได้
พ่อท่าน : ก็เขายังไม่เป็นอย่างคนที่นี่ เพราะว่าที่นี่จะต้องเรียนรู้ความจริงของชีวิตจริงๆ และก็เป็นชีวิต ที่มีทัศนคติ อีกด้านหนึ่ง ต่างจาก ที่โลกธรรมดา หรือโลกีย์เขาเป็น มันทวนกระแสตรงข้ามกัน เช่น คนทางโลก เขาจะต้องมีชีวิตอยู่ไป เพื่อความร่ำรวย แต่คนที่นี่ จะต้องตั้งใจ มามีชีวิตอยู่ อย่างจนๆ ให้ที่สุด คนข้างนอกเขามีชีวิตอยู่ เพื่อกินอยู่ สุขสำราญมาก กินได้ทั่ว ที่นี่มากิน ให้น้อยลงๆ แต่ไม่ได้ทำลาย สุขภาพนะ

ถาม : รู้สึกว่าท่านมีปัญญาเยอะเหลือเกิน อยากให้ท่านให้ปัญญาอะไรก็ได้ ที่จะเก็บไว้ สำหรับไปใช้ ในชีวิต
พ่อท่าน : โอ๋! จะเอาปัญญา จะเอาตัวอะไรไปล่ะ..ก็เรียนรู้สิ่งที่ไม่จำเป็น ตรวจสอบสิ่งที่ไม่จำเป็นของชีวิต แล้วเลิกๆๆ มาเรื่อยๆ แล้วเราจะเป็น คนสบาย เบา ไม่ลำบาก อย่าไปเอาตัวอย่าง ค่านิยมของสังคม

ถาม : ท่านรู้สึกขาดอะไรไปหรือเปล่าที่มาเป็นพระ เมื่อก่อนนี้มีอะไรมากมาย มีบ้าน รถ เกียรติยศ ทุกอย่าง แล้วละทิ้งหมด อยากกลับไป อยู่อย่างนั้นหรือเปล่า
พ่อท่าน : ไม่ขาด..เต็ม เออ! ต้องมาเรียนรู้ แหม! จะบอกอย่างไรล่ะ กิเลสของเราเนี่ยมันต้องการ มันไม่มีความจบ แล้วเราจะรู้สึกขาด พอเรามา ล้างกิเลสหมดแล้ว ความขาดก็หายไป เหลือแต่ความเต็ม เกิดขึ้นมาแทน

ถาม : ท่านใช้เวลานานแค่ไหนในการตัดสินใจมาเป็นพระ เพราะทราบว่า ท่านประสบความสำเร็จ ในหน้าที่การงาน เกียรติยศ ชื่อเสียง และอะไรๆ อีกหลายอย่าง คิดอยู่นานไหม ที่จะมาเป็นพระ
พ่อท่าน : ตอบยากนะ เพราะอาตมาไม่อยู่ในกฎตายตัวของสามัญ ถ้าจะว่าจริงๆแล้วเนี่ย อาตมามันมี สิ่งที่พิเศษส่วนตัว อาตมาเป็น โพธิสัตว์ มันจึงไม่ยาก อาตมาใช้เวลาปฏิบัติอยู่แค่ ๒-๓ ปี อาตมา ก็ออกมาเลย ทิ้งทุกอย่างมา มันเป็นกรณีพิเศษ คนทั่วไป ทำไม่ได้หรอก ในชาตินี้จะได้ไหม ยังไม่รู้เลย

หญิงไทยที่นำคณะนักศึกษามาถาม : "พ่อท่านคะ มีบ้างไหมที่จะเสียกำลังใจ เห็นพ่อท่านมีเรื่องมาเยอะ เหมือนกันนะคะ แล้วก็การเติมกำลังใจขึ้นมาอีก พ่อท่านทำอย่างไร?"
พ่อท่าน : ตอบตรงๆ อาตมาไม่เคยเสียใจ ไม่เคยท้อใจ เพราะฉะนั้น มันก็เลยไม่ต้องเติม ไม่เคยเติมกำลังใจ นี่ตอบ ตามความจริงก่อน ถึงเจออุปสรรคอะไรๆ ก็ไม่เคยท้อ ไม่เคยรู้สึกว่า เราต้องเสียใจ มันก็เลยไม่ต้องเติม

แต่ถ้าจะให้ตอบโดยหลักการสามัญทั่วไป คนที่ได้กระทบอุปสรรค แล้วก็เกิดอ่อนแรงท้อใจ เสียกำลังใจ คนที่ยังไม่แข็งแรงจริง มันก็จะเกิดภาวะ ที่อ่อนแรง ท้อแท้บ้าง เป็นบางคราว แน่นอน ก็ให้อ่านความจริงให้ได้ว่า เหตุการณ์ที่เกิด สิ่งที่ทำให้เกิด ความอ่อน ใจท้อใจเนี่ย คืออะไร เมื่อรู้แล้ว ก็ต้องทบทวนว่า มันดีหรือมันไม่ดี

ทำไมเราจะต้องถอย ทำไมเราจะต้องไม่เอา ทำไมเราจะต้องไม่สู้ต่อไป เห็นให้ได้ เห็นความจริงแล้วมันก็จบ

ถ้าเราพบอุปสรรค หรือพบอะไรที่เป็นตัวต้าน เขาต้านถูกนะ เขาต้องการให้เราหยุด เขาต้องการให้เราเลิก เขาถูกเราก็ต้องหยุด

แต่ถ้าเราตรวจความจริง แล้วเขาต้านเรา เขาจะทำลายเรา มันไม่ถูกนี่ มันไม่ถูก เราก็ต้องหาทาง ที่จะทำต่อไป มันไม่ควร จะมาหยุดยั้งเราได้"


วิทยุชุมชน กับ นักข่าว itv
๓ ก.ค.๔๕ ที่สันติอโศก ขณะพ่อท่านกำลังตอบข้อซักถามของนักศึกษา Northwestern University ได้รับบันทึกข้อความ แทรกเข้ามา แจ้งข่าวว่า คณะนักข่าว itv มาขอถ่ายทำ การจัดทำรายการ วิทยุชุมชน ที่ทางเรากำลัง ทดลองออกอากาศอยู่ พ่อท่านรีบปฏิเสธว่า ให้แจ้งกับนักข่าวว่า ทางเรายังไม่พร้อม

หลังจากพ่อท่านจบการตอบข้อซักถามของนักศึกษา Northwestern University ได้รับแจ้งว่า นักข่าว itv ยังคง ต่อรอง ขอพูดคุย กับพ่อท่าน เพื่อไม่ให้เขา เกิดความรู้สึกว่า รังเกียจ หรือกลัว พ่อท่านจึงละจากงาน มาพบนักข่าว

นักข่าวหญิงพยายามชี้แจงทำความเข้าใจเป็นเบื้องต้นว่า "ตอนนี้กำลังติดตามเรื่องของ การจัดสรร คลื่นความถี่ ตามมาตรา ๔๐ อยู่นะคะ หนูเป็นคนติดตามเรื่องนี้นะคะ วิทยุชุมชนในกรุงเทพฯ ก็มีหลายที่อยู่ ส่วนมาก ก็เป็นของวัด ที่นี่ก็เป็นที่หนึ่ง หนูก็เลย อยากเรียนถาม ถึงแนวคิด และก็ดูรูปแบบ ของการนำเสนอ วิทยุชุมชนที่นี่ แล้วก็รวมถึงประเด็น ของการจัดตั้ง สถานีวิทยุด้วย ในสิ่งที่กำลัง เป็นสิ่งที่ ถกเถียงกันอยู่ ในขณะนี้ว่า วิทยุชุมชนก่อตั้งขึ้นมา แต่มันยังผิดในเรื่องของ ข้อบังคับ กฎระเบียบ ของทาง ราชการอยู่ ว่ามันเป็นอย่างไรคะท่าน

พอดีได้ไปคุยกับทางกรมไปรษณีย์โทรเลขแล้วนะคะว่า วิทยุชุมชนนี่ เป็นแนวคิดที่ดี แต่ว่ามันยังมี ข้อจำกัดอยู่ ในเรื่องของกฎหมาย มันยังจัดตั้งไม่ได้ ใช่ไหมคะ แต่ก็มีสถานีที่เกิดขึ้นแล้ว ถ้าเกิดว่า เจตนาของเรา ที่ทำเนี่ยเพื่ออะไร แล้วก็จะไปวิเคราะห์ว่า ความจริง ที่จะก่อตั้ง วิทยุชุมชนเนี่ย ยังมีปัญหา อะไรติดขัด ในเรื่องไหน เพื่อที่จะให้สถานีอย่างนี้ เป็นจริงขึ้นมาได้นะคะ คือไม่ได้ มีเจตนาว่า จะมาโจมตี"

พ่อท่าน : ไม่ได้ไปนึกถึงเรื่องโจมตีอะไรหรอก เรานึกถึงผลกระทบต่อสังคม ถ้าคุณเอาไปออกข่าว บอกว่า วิทยุชุมชนของ สันติอโศก จัดตั้งเนี่ยนะ ชื่อของสันติอโศก คุณก็รู้อยู่ในสังคม มันเป็นชื่อที่ ยังไม่เป็น ที่ยอมรับ มันเป็นที่ลำบาก มันเป็นผลลบทันที ในค่าของผู้ที่ จะตั้งวิทยุชุมชน ถ้าเอาวิทยุชุมชน ของพระพยอม ของพระพยอม เป็นที่ยอมรับอยู่แล้วว่า ถ้าท่านทำ วิทยุชุมชนนี่ดี โอ๋ นี่คนสนับสนุน คนไม่เกิด สะดุดอะไรเลย คนบอกว่าดีๆๆ แต่ถ้าบอกว่าสันติอโศก ไอ้นี่ มันจะมาสร้าง ขุมอำนาจอะไร อีกหรือเปล่า ไม่ต้องพูดถึงรายละเอียด แม้เราไม่เจตนา จะให้เกิดอย่างนั้น ด้วยซ้ำไป แต่เขาจะยัง ไม่ฟังหรอก เขาฟังว่า สันติอโศก มันมีข้อลบอยู่แล้วในจิตใจ

นักข่าว : ได้นัดกับทางวัดพระพยอมไว้แล้วตอนเย็นนี้เช่นกัน ก็จะไปดู แต่ก็อยากจะได้ของทางนี้ด้วยค่ะ อยากจะให้มี ของกลุ่ม ชุมชนอื่นๆ เป็นตัวอย่างอีก จึงอยากขออนุญาต เก็บภาพรูปแบบ ของรายการ แต่ไม่เอ่ยชื่อ สันติอโศก จะใช้ชื่อ ของวัด พระพยอม เป็นหลัก เพื่อกระตุ้นให้เกิดการก่อตั้ง วิทยุชุมชน ในอีกหลายพื้นที่
พ่อท่าน : ถ้าไม่เอ่ยชื่อก็พอได้ เพราะอาตมาเกรงว่า ถ้าเอ่ยชื่อ จะเป็นผลกระทบ ต่อสังคม เรารู้ตัวอยู่ว่า สังคมเขาไม่ได้ยอมรับเรา เอาเนื้อหาไปได้ แต่อย่าเอาชื่อไปเลย มีค่าลบแน่ๆ ไม่เกิดประโยชน์ ไม่เกิดผลดี แต่ถ้าเอาเนื้อหาไป ไม่มีปัญหาหรอก

นักข่าว : เมื่อมีแนวคิดที่จะจัดตั้งวิทยุชุมชนขึ้นมา ที่นี่มีวัตถุประสงค์หลักๆ อะไรคะ
พ่อท่าน : เพื่อประชาชน ให้กับประชาชน ไม่ใช่มาสร้างอำนาจ ไม่ใช่มาขายสินค้า ไม่ใช่มาหาทาง เอาเปรียบ เอารัด เพื่อที่จะมา promote นั่นๆ นี่ๆ อะไรต่างๆ นานา หรือไม่ก็ไปมอมเมา บันเทิง เริงรมย์ กันเลอะเทอะเกินไป

นักข่าว : คุณพ่อมองยังไงที่ตัวบทกฎหมายยังไม่เอื้อต่อการให้มีวิทยุชุมชน เพราะว่ายังไม่มีการแก้ไขว่า วิทยุชุมชน เป็นแบบทดลองได้ มีการติดขัด เรื่องนี้อยู่
พ่อท่าน : องค์ประกอบมันยังไม่พร้อม กฎหมายลูกยังไม่มี กสช.ก็ยังไม่ตั้ง คือมันขัดด้วยหลักการทั้งนั้นเลย หลักการไม่สมบูรณ์ มันก็เท่านั้น มันก็จบ ก็ทำไงได้ ทางด้านนู้นเราก็บอกไปแล้วว่ามีหลักการกันสักทีซี่ ครม.ก็ตั้งซักที ไอ้องค์กร ที่จะเป็นองค์กรหลัก ที่จะไปขออนุญาตได้ คุณก็ไม่ตั้งซักที เมื่อไม่ตั้งซักที คุณก็เปิดมาตรา ๔๐ ขึ้นมา เพื่อจะให้เกิดอันนี้ แล้วมันจะเกิดได้ยังไง มันก็คาราคาซังอยู่ อย่างนั้นเอง

นักข่าว : คุณพ่อคะ รูปแบบของรายการที่มีอยู่ในวิทยุชุมชนของคลื่นนี้ รายการหลักๆ เป็นอะไรบ้างคะ ที่เห็นว่า มีจัดรายการสดด้วย
พ่อท่าน : ที่นี่เราจะเน้นรายการธรรมะมากหน่อย เพราะเราเห็นว่า ตอนนี้เนี่ย สิ่งที่ขาดแคลน อุปทาน ของมนุษยชาติ ในสังคมขณะนี้ สิ่งที่ขาดแคลน มากที่สุด คือธรรมะ คุณธรรม ขาดแคลนจริงๆ อย่าปฏิเสธเลย อันนี้สำคัญ เราก็เลยป้อนสิ่งนี้ เพราะว่าเราพร้อม เรามีธรรมะ ของพระพุทธเจ้านี่มากพอ เราเน้นอันนี้ นอกนั้นก็เนื้อหาอย่างที่อาตมาพูดแล้ว เรามีอะไร ที่จะให้ผู้ที่อยู่ ในชุมชนย่านนี้ ในแวดวงนี้ มันแพร่กระจายเสียง ได้รัศมีเท่านี้ มันก็คงอยู่ในรอบจุดนี้แหละ

นักข่าว : มี feedback มาจากคนที่เขาฟังอยู่บ้างไหมคะ เข้ามาในรายการ และส่วนมากเป็นเรื่องอะไร
พ่อท่าน : มี บางคนเขาบอกว่าดีนี่ ออกอากาศอย่างนี้ไม่มีโฆษณา ไม่มีเรื่องมอมเมา ไร้สาระอะไร เขาสนใจ มีการตอบรับ เรื่องนี้ บางคนก็บอกว่า รายการมีสาระดีมาก แต่คลื่นสัญญาณเสียง ไม่ดีเลย

นักข่าว : นักจัดรายการหามาอย่างไรคะ
พ่อท่าน : พวกเราก็เป็นนักจัดรายการกลายๆ อยู่แล้วมั่ง เพราะว่า เราก็ซักซ้อมกันอยู่แล้ว เขาก็ฝึกซ้อม ก็ทำของเขาอยู่แล้ว คือมันเกิดขึ้นมา โดยตัวของมันเอง พอไปได้

นักข่าว : ส่วนมากจะเป็นในเรื่องของการสนทนาเผยแพร่ในเรื่องธรรมะใช่ไหมคะ
พ่อท่าน : ธรรมะก็มี ในเรื่องของอาชีพก็มี ในเรื่องของสังคมก็มี ในเรื่องบันเทิงก็มี ก็ต้อง Variety ละนะ มันก็มีหลากหลาย

นักข่าว : ทีนี้ ในเรื่องค่าใช้จ่ายในการตั้งสถานีวิทยุนี่ล่ะคะ ต้องใช้เงินจำนวนมากไหมคะ
พ่อท่าน : ก็พอสมควร มันก็ต้องใช้จ่าย เพราะเราทำเสาอากาศเองไม่ได้ เครื่องส่งก็ทำเองไม่ได้ ไฟฟ้า ก็ต้องเสีย ต้องใช้ค่าใช้จ่ายอยู่ แต่เราเห็นว่า ค่าใช้จ่าย มันก็เป็นค่าใช้จ่าย ที่จะไปเกิดประโยชน์ แก่ประชาชน เราก็ไม่มีปัญหา เพราะว่า เราทำงาน เพื่อประชาชน อยู่แล้ว เราก็เห็นว่ามันสำคัญด้วย อาตมาว่า มีความสำคัญ ก็เราลงทุนอะไรก็แล้วแต่ ก็ลงทุนไป เพื่อเกิดประโยชน์ คุณค่าต่อ มนุษยชาติ ศาสนา ทำให้ประชาชนได้ เราก็ยินดีให้


อายุขัยและเหตุผล ที่อยากมีอายุยืน
๓ ก.ค. ๔๕ ที่สันติอโศก โยมป้าของพ่อท่าน คือคุณยายส้มจีน พรหมพิทักษ์ และลูกๆ หลานๆ พากันมา ทำบุญ ครบรอบวันเกิด อายุ ๘๖ ปี ของโยมป้า จากบางส่วน ของการแสดงธรรม พ่อท่านได้ บอกเล่า เรื่องสุขภาพดังนี้

"..ตอนนี้ดีท็อกซ์ มีคนว่า สเลนเดอร์ขึ้น เพรียวลง น้ำหนักเหลือ ๕๙ แล้วตอนนี้ หมอเขาบอกอยู่ว่า น่าจะได้ซัก ๕๖ บางคนก็บอกว่า พ่อท่าน ขนาดนี้ดีแล้ว ถ้าเผื่อว่า ๕๖ มันจะน้อยไปนะ จาก ๕๙ เป็น ๕๖ มันจะเซียวไปนะ

อาตมาเชื่อนะว่า ทุกอย่างเหตุปัจจัยสิ่งที่จะไปสังเคราะห์เป็นอาหารเป็นธาตุอยู่ในร่างกายเรา ถ้ามันได้ สัดส่วน ที่ดีจริง มันจะได้ ยาวนานไปจริงๆ

เมื่ออาตมาได้ทำอิทธิบาทดังกล่าวแล้วนี้ มาถึงวันนี้ อายุเกือบจะถึงอายุขัยแล้ว นี่ ๖๙ พอ ๗๒ เท่ากับ อายุขัยอาตมา อาตมาก็ยัง ไม่แน่ใจว่า ๗๒ นี่ มันจะสิ้นอายุขัย ตามที่รู้ จะจริงหรือ ไม่จริงก็ไม่รู้สินะ ตอนนี้ก็เปิดเผย ให้พวกเราทราบไว้ ส่วนวิบากอื่น ที่มันจะแรงกว่า จนกระทั่ง เหมือนกับ พระโมคคัลลานะ ท่านไม่ตายไม่ได้ ต้องตาย ท่านก็พยายาม ที่จะไม่ยอมตาย เขาจะฆ่ายังไง ก็พยายาม ทำตัวเอง ฟื้นขึ้นมาได้ ท่านมีฤทธิ์ จนสุดท้าย ก็ต้องตรวจสอบ โอ้ เรา วาระอายุขันธ์ มันไปไม่รอดแล้ว มันต้องตาย อาตมาเอง อาตมาไม่ได้ตรวจ ไม่ได้รู้ถึงขนาดนี้ ถ้ารอด ๗๒ นี่ คงไปได้อีกหลายปี ไม่มีวิบากหนัก ก็ดูกันไป..."

๖ ก.ค. ๔๕ ที่คลินิกตาโฟเวีย สุขุมวิท พบ พญ. สุขุมา วรศักดิ์ เพื่อตรวจสภาพตาของพ่อท่าน ก่อนจะเข้าพรรษา ที่บ้านราชฯ เนื่องจาก หลังการเลเซอร์ รักษาโรค จอรับภาพเสื่อมที่ตาข้างขวา เมื่อปีที่แล้ว พ่อท่านยังไม่ได้มาพบหมอสุขุมา ที่เป็นเจ้าของไข้อีกเลย

ผลการตรวจตาของพ่อท่านพบว่า ตาข้างขวาที่เคยทำเลเซอร์นั้น เรียบร้อย แห้งดีกว่าที่หมอคิด ไม่มีเลือด ออกอีก "มันเหี่ยวเล็กลง แต่เดิมคิดว่า มันจะก้อนโตกว่านี้ คล้ายๆไข่ดาว ตรงกลางตา เป็นก้อนดำเล็กๆ" หมอสุขุมากล่าว พร้อมกับทำมือให้ดูประกอบ ส่วนตาซ้าย วุ้นลูกตาเสื่อมตามวัย จอรับภาพ ยังไม่มี ปัญหาอะไร และพบมีต้อกระจก ที่ตาทั้งสองข้างไม่ขุ่น อีกทั้งแนะนำ ให้พ่อท่าน เฝ้าสังเกต อาการผิดปกติ ของตาข้างซ้าย "ถ้าหลวงพ่อเริ่มรู้สึกว่าเห็นภาพเฉๆ ก็นิมนต์ให้รีบ มาตรวจรักษา เพราะมีโอกาส ที่จะเกิดขึ้น ได้มาก แต่ตอนนี้ วุ้นในตาเสื่อมมากขึ้น จะทำให้มองเห็นภาพ มีอะไรลอยไปลอยมาอยู่" หมอสุขุมากล่าว และนัดอีก ๔ เดือนข้างหน้า ให้มาตรวจใหม่

๘ ก.ค. ๔๕ ที่ราชธานีอโศก มีพิธีไหว้ครูทั้งสัมมาสิกขาลัยวังชีวิต (ม.วช.) และ สัมมาสิกขา ราชธานีอโศก (สส.ธ.) หลังเสร็จพิธีกรรมต่างๆแล้ว พ่อท่านให้โอวาท จากบางส่วน ที่พ่อท่านพูดถึง เหตุที่อยากมี อายุยืนยาว

...เหตุที่อาตมาอยากมีอายุยืน
๑. เพื่อดูความจริงของโลกของสังคมแบบโลกีย์ ที่จัดจ้านขึ้นๆ ที่มันจะเข้ากลียุค
๒. เพื่อทดแทนบุญคุณกตัญญูกตเวทีต่อศาสนา อาตมาต้องชดใช้หนี้บุญคุณพระพุทธเจ้า ต้องใช้เวลา หลายล้านชาติ
๓. ดูความจริงของสิ่งที่เกิดตามเป็นจริง ตามทฤษฎีของพระพุทธเจ้า ที่อาตมาเอามาใช้ ช่วยเหลือโลกีย์ ว่าจะเป็นไปอย่างไร จะได้แค่ไหน

สรุปก็คือ... ติดตามความจริง ให้ได้มากได้นานที่สุด ทั้งความจริงสมมุติสัจจะ และ ปรมัตถสัจจะ

๑๒ ก.ค. ๔๕ ที่สันติอโศก เช้านี้ คุณเพ็ญเพียรธรรมขอเลือดพ่อท่านไปตรวจ เพื่อดูผลหลังจากพ่อท่าน ทำดีท็อกซ์ มาถึงวันนี้ เป็นเวลา ๑ เดือนพอดี (เริ่มทำ๑๑มิ.ย.) จะได้เปรียบเทียบ ผลการเปลี่ยนแปลงต่างๆ

ช่วงบ่ายทราบผลเลือดทั้งหมดแล้ว แต่ข้าพเจ้าทราบคร่าวๆว่า ค่าอัลคาไลน์ฟอสฟาเตส ของพ่อท่าน จากเดิมที่สูง ๑๒๖ หน่วย ลดลงมา เหลือ ๙๔ หน่วย (ค่าปกติ ๗๐-๑๑๗ หน่วย)

๑๓ ก.ค. ๔๕ ที่สันติอโศก หมอพจน์โทร.มาแจ้งเรื่องผลเลือด ที่ตรวจล่าสุด เป็นที่น่าพอใจ โคเลสเตอรอล ลด อื่นๆดีหมด ส่วนตะกั่ว ในเลือด เพิ่มจาก ๔ เป็น ๖ หน่วย ส่วนค่าที่อยู่ในระดับอันตรายนั้น ๒๔-๒๕ หน่วย ซึ่งหมออารีย์ อธิบายว่า การทำดีท็อกซ์ ทำให้เกิด การดึงตะกั่ว ที่จับอยู่ตามกระดูก เข้ามาใน กระแสเลือด เพื่อที่ร่างกายจะได้ขับออก นอกจากนี้ ยังได้ถามหมออารีย์ เกี่ยวกับ การทำดีท็อกซ์ ของพ่อท่านว่า ควรจะทำต่อไปแค่ไหนอย่างไร หมออารีย์บอกถึงตัวเองว่า ได้ทำติดต่อกันมา ๓ ปีแล้ว ยังไม่เห็น ผลเสียใดๆ มีแต่ผลดี จึงอยู่ที่พ่อท่าน จะตัดสินใจอย่างไร ส่วนเรื่องน้ำตาลในเลือด ของพ่อท่าน ลดลงมาก เกรงจะเกิดอาการหน้ามืด ด้วยพ่อท่าน ฉันอาหาร ตามคำแนะนำ ของหมออารีย์นั้น ผักเยอะมาก ทำให้คาร์โบไฮเดรตน้อย จึงขออนุญาต ถวายน้ำผลไม้เสริม ในช่วงเย็น

๑๔ ก.ค. ๔๕ ที่สันติอโศก ค่ำหลังฉันน้ำผลไม้ปั่นแล้ว พ่อท่านมีอาการคลื่นเหียนจะอาเจียนแต่ไม่ออก พ่อท่านรีบพักนอน ทราบจาก ผู้ทำถวายว่า เป็นผลเงาะปั่นทั้งเมล็ด ใช้เงาะ ๒ กก. ได้น้ำเงาะ ๑ แก้วใหญ่ ที่ปั่นทั้งเมล็ด ก็จะได้เอนไซม์ด้วย ครู่ต่อมา จึงทราบว่า ความรู้ของคนโบราณ บอกว่าเมล็ดเงาะ มีฤทธิ์ เบื่อเมา จึงทำให้พ่อท่าน มีอาการคลื่นเหียน อย่างนั้น ให้ใช้รางจืด ต้มให้พ่อท่านดื่มน้ำ เพื่อแก้ฤทธิ์เบื่อเมา


การพัฒนาประเทศกับนักศึกษาอเมริกัน
๙ ก.ค. ๔๕ ที่ราชธานีอโศก นักศึกษาอเมริกันประมาณ ๓๐ คน มาศึกษาปัญหาในทิศทางการพัฒนา ของประเทศไทย ได้ไปดู ชุมชนทางเลือก คือ เกษตรผสมผสาน และกลุ่มสหกรณ์ ที่ใช้เทคโนโลยีเก่า ของไทยมาแล้ว วัตถุประสงค์ ของกลุ่มกว้างๆ คือ เรียนรู้ว่า บทบาทของ คนอเมริกัน ในสมัยนี้ น่าจะมีอะไรต่อโลกต่อไป

พ่อท่านบอกเล่าชุมชนที่นี่เป็นชุมชนแบบใหม่ เป็น innovation อยู่กันอย่างพี่น้อง ทำงานร่วมกัน ใช้เงินกองกลางร่วมกัน และพูดถึง หลักแนวคิดบุญนิยม ทำให้มีคำถาม ตามมามากมาย เช่น ถ้าขาดทุน ไปเรื่อยๆ จะอยู่รอดได้อย่างไร? ถ้าขาดทุนทุกครั้ง แล้วสร้างอาคารแบบนี้ได้อย่างไร? นอกจาก ขายขาดทุนแล้ว ชุมชนนี้ ช่วยสังคมอย่างไรอีก? ถ้าอินเดียเอาหลักการ ของอโศกไปใช้ที่นั่น จะใช้ได้ หรือไม่ได้อย่างไร ฯลฯ ข้าพเจ้าไม่สามารถ ถ่ายทอดได้หมด ในบันทึกนี้ ขอนำบางส่วน ของคำถาม คำตอบ ที่น่าสนใจ ดังนี้

นักศึกษา : แล้วเงินสำคัญมากแค่ไหนต่อชุมชนนี้
พ่อท่าน : ที่นี่จะไม่เห็นความสำคัญของเงิน เราเห็นความสำคัญของอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่พักอาศัย ยารักษาโรค นอกนั้นเรื่องเล็กน้อย แม้แต่เพชร แม้แต่ทองคำ เรื่องเล็กน้อย ไม่มีเลยได้ ไม่สำคัญเลยที่นี่

นักศึกษา : คิดว่าชาวอเมริกัน จะช่วยเผยแพร่ ระบบหรือปรัชญาแบบนี้ได้อย่างไร จะมีบทบาทช่วย ในแง่ไหน?
พ่อท่าน : ไม่ ไม่ต้อง ไม่ต้องช่วยเผยแพร่ เราไม่ต้องการโฆษณา ความจริงจะค่อยๆ กระจายตัวไปเอง ถ้าไปโฆษณาแล้ว มีมามาก เราไม่ต้องการ เรากลัวนะ กลัวจะแพร่หลายเร็ว เร็วเกินไป

นักศึกษา : ท่านมีอะไรอีกไหมที่อยากจะฝากกับนักศึกษาอเมริกัน
พ่อท่าน : ไม่มีหรอก เพราะว่ายังยากนะ อเมริกันนี่ มีวัฒนธรรมอย่างหนึ่ง มีความเข้าใจอย่างหนึ่ง อย่างอโศกนี่อีกอย่างหนึ่ง แม้แต่จะให้ คนไทยด้วยกัน เข้าใจอย่างนี้ ยังยากแล้ว ยิ่งต่างประเทศนี่ยิ่งยาก ยิ่งกว่า เลยไม่รู้จะฝากอะไร

นักศึกษา : ท่านมั่นใจได้อย่างไรว่า ชุมชนจะอยู่ได้อย่างมั่นคง โดยไม่มีทุนนิยมเข้ามา
พ่อท่าน : เพราะความจริงของจิตวิญญาณของคนที่ไม่ได้หลง ไม่ได้ luxury (หรูหรา,สุขสบาย) เหมือนกับคน ทุนนิยม เขาน้อยจริงๆ แล้วเขาก็พอจริงๆ แต่สมรรถนะของเขา มากกว่าที่เขากินเขาใช้ เพราะฉะนั้น สิ่งนี้จึงเป็นความจริง ที่ยืนยันได้ว่า ข้างนอก จะมาทำลาย อันนี้ไม่ได้ อันนี้จะมั่นคงจะยั่งยืน ทุนนิยม ไม่แน่นอน ไม่ยั่งยืน โลกนี่มีความทุกข์ม ากขึ้นทุกวัน แย่งชิงกันมากขึ้น แล้วใช้ทรัพยากร ของโลก หมดไปเรื่อยๆ ทุกวัน แต่พวกเรานี่ มากินน้อยใช้น้อย แล้วก็สบายแล้ว ใจของคน กิเลสลดจริง มันมีความพอจริงๆ เราจึงมีแต่สร้างธรรมชาติ สร้างทรัพยากร ให้แก่โลกเพิ่มขึ้นๆ อันนี้เป็นความจริง เป็นความดีงาม เราจะไม่ต้อง เปลี่ยนแปลง ไปหาทุนนิยมอะไรอีก

เพราะฉะนั้น คนทางทุนนิยมเขาก็จะไม่มาทำร้ายเรา เพราะเราทำประโยชน์ให้เขา นี่คือ ความยั่งยืน


วิทยุ BBC ให้พ่อท่านส่งข่าวสารให้ชาวโลกได้รู้
๑๒ ก.ค. ๔๕ ที่สันติอโศก สำนักข่าว BBC เป็นชาวอังกฤษ ๒ คน คนไทย ๑ คน ได้มาขอสัมภาษณ์ พ่อท่าน

นักข่าวเริ่มการสัมภาษณ์ ด้วยการให้พ่อท่าน กล่าวแนะนำตัว
พ่อท่าน : อาตมา สมณะโพธิรักษ์ เจริญธรรม ท่านผู้ฟังทุกๆ คน

นักข่าว : ขอบคุณ ขณะนี้เราให้สัมภาษณ์กันอยู่ที่ไหน เพื่อให้โลกภายนอกรับรู้
พ่อท่าน : ขณะนี้คณะที่มาสัมภาษณ์อาตมาเนี่ย ก็อยู่ที่พุทธสถานสันติอโศก อยู่ในกรุงเทพฯเนี่ยแหละ ถนนนวมินทร์ เขตบึงกุ่ม Bangkok Thailand

นักข่าว : ท่านก่อตั้งสถานที่นี้ขึ้นมาได้อย่างไร
พ่อท่าน : ตั้งสถานที่นี้ขึ้นมา ก็ด้วยแรงของศาสนา ด้วยแรงของผู้ที่มาปฏิบัติธรรม เมื่อปฏิบัติธรรมแล้วก็เห็นควรว่า ที่นี้จะเป็น สถานที่ปฏิบัติธรรม เป็นพุทธสถาน ก็มีสมณะมาอยู่ มาใช้สถานที่อยู่ ที่เป็นพุทธสถานนี้

นักข่าว : คนที่มาที่นี่ต้องการมาเปลี่ยนชีวิตของเขา เขามาเปลี่ยนอะไรกันบ้าง เขามาจากที่เขาเป็นอยู่ เขามาเปลี่ยนอะไรกันบ้าง
พ่อท่าน : โอ้! อันนี้เป็นคำถามดีมาก เขามาเปลี่ยนชีวิตจากคนรวยมาเป็นคนจน จากคนที่วุ่นวายไปแย่งชิง เอาเปรียบเอารัดโลก มาเป็นคนเสียสละ มาปฏิบัติมาทำตัวเองให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม มวลมนุษยชาติ เพราะไม่โลภให้แก่ตัว มีแต่จะมาสร้างสรร และ ก็ให้แก่มวลมนุษยโลก

นักข่าว : ที่นี่เราช่วยคนจนอย่างไรบ้าง
พ่อท่าน : เราช่วยคนจน ให้จนอย่างดี จนอย่างมีความสุข อย่างเป็นผู้สร้างสรร และก็จน อย่างที่เป็น ผู้เสียสละ ให้กับมนุษยโลก

นักข่าว : วิธีที่จะทำสิ่งนี้ ให้สำเร็จจะทำอย่างไร?
พ่อท่าน : ก็ต้องมาสอนความจริงให้คนรู้ว่า คนเราเนี่ย มันมีกิเลสเห็นแก่ได้ เห็นแก่ตัว ขี้โลภ แล้วก็เลย คิดแย่งชิง แล้วก็ต้อง มาเรียนรู้ ความจริงว่า ในตัวตนเนี่ย มีกิเลส เห็นแก่ได้อย่างนี้จริงๆ แล้วมันก็หลงโลก ที่หลอกว่า อย่างนี้อร่อยอย่างนี้สุข อย่างนี้น่าชอบอก ชอบใจ ที่แท้มันไม่จริงเลย

นักข่าว : ท่านเริ่มคิดแบบนี้เมื่อไหร่
พ่อท่าน : เมื่อปฏิบัติธรรมะของพระพุทธเจ้าแล้ว แล้วเราก็เกิด Enlightenment (บรรลุธรรม)

นักข่าว : ที่ท่านบอกว่า Enlightenment มันเป็นอย่างไร แล้วมันมายังไง พ่อท่านรู้ได้ยังไง ว่ามันเกิด Enlightenment
พ่อท่าน : ก็มาปฏิบัติถูกตามทฤษฎีของพระพุทธเจ้า แล้วมันก็จะเกิดสิ่งที่เป็นความรู้ยิ่งอันนี้เอง เกิด Enlightenment อย่างจริง เพราะว่า เรียนรู้ กิเลสจริง ลดกิเลสจริง เกิดปัญญาเห็นจริง จะมีความสงบ สว่างอะไรจริง ข้อสำคัญ ต้องปฏิบัติให้ถูกต้อง ถูกทฤษฎี ของพระพุทธเจ้าจริงๆ ข้อสำคัญ อยู่ตรงนี้ ส่วนมาก ปฏิบัติไม่ถูก ไปปฏิบัติอย่างฤาษี

นักข่าว : อยากให้ท่านส่งข่าวสารข้อความ ส่งไปให้ชาวโลกได้รับรู้
พ่อท่าน : อยากจะบอกให้คนทั่วโลก ได้รู้ว่า คนทั่วโลกเนี่ย ที่อยู่ภายใต้ระบบทุนนิยมเนี่ย เป็นคนที่ไม่มี คุณค่าเลย เพราะว่า ระบบทุนนิยมเนี่ย ทำงานแล้ว เอาค่าตัวกันมาหมด เขาจึงไม่เหลือคุณค่าอะไร ให้ใครเลย เพราะฉะนั้น มาสนใจ ระบบบุญนิยมเถอะ ซึ่งเป็นด้าน ตรงกันข้ามกับ ระบบทุนนิยม

นักข่าว : ระบบบุญนิยมหมายถึงอะไร
พ่อท่าน : หมายความว่า เป็นคนจิตใจดี จิตใจไม่เห็นแก่ตัว เป็นคนจิตใจเบิกบาน แจ่มใส ไม่เอามาให้ตัว


งานตุ้มโฮมมูนมังไทอีสานสืบสานภูมิปัญญาแก้ปัญหาคนจน
๑๗ ก.ค. ๔๕ บนเครื่องบินจากกรุงเทพฯ ไปอุบลราชธานี พ่อท่านและข้าพเจ้าได้ขึ้นเครื่องนั่งก่อน อ.สุลักษณ์ ศิวรักษ์ ขึ้นเครื่อง ภายหลัง พอดีมองมาที่พ่อท่านและข้าพเจ้า พนมมือนมัสการทักทาย พ่อท่านกำลังอ่านข่าวน.ส.พ. จึงไม่เห็น ข้าพเจ้าสะกิด บอกพ่อท่าน อ.สุลักษณ์ ขยับเข้ามาใกล้อีก แล้วพนมมือ นมัสการพ่อท่าน พ่อท่านยิ้มตอบรับ การทักทาย ข้าพเจ้าคาดไม่ถึงว่า อ.สุลักษณ์ จะใช้ถ้อยคำ คุ้นเคยกันเองว่า "มาตามคำสั่งของพ่อท่านครับ พรุ่งนี้ผมจะต้องไปพูด ๙ โมง ใช่ไหมครับ" ทั้งพ่อท่าน และ ข้าพเจ้า ต่างไม่ทราบ ตารางรายการของงาน ที่ศีรษะอโศก และเพิ่งจะรู้จาก อ.สุลักษณ์ นี่แหละ ว่างานนี้ ได้เชิญ อ.สุลักษณ์ มาพูดด้วย เดิมทราบแต่ว่าจะมี หมอประเวศ มีคุณคำเดื่อง จึงตอบ อ.สุลักษณ์ไปว่า ไม่รู้เหมือนกัน รายการต่างๆ ทางศีรษะอโศก เขาจัดทำเอง

ก่อนลงจากเครื่องบิน อ.สุลักษณ์หันมาทักทายอีกเล็กน้อย ข้าพเจ้าพยายามจะชวนคุย ทักถามว่า วันนี้อาจารย์ จะไปที่ไหน แต่ อ.สุลักษณ์ ไม่ได้ยิน เนื่องจากคนที่อยู่ด้านหน้า ยกมือไหว้ ส่งเสียงทักทาย มาพอดี "อาจารย์จะไปไหน"

"วันนี้ผมจะไป ม.อุบลฯ พรุ่งนี้จะไปที่ท่าน" อ.สุลักษณ์ตอบ พร้อมกับยกมือ กึ่งชี้กึ่งผายมือ มาที่พ่อท่าน ซึ่งหมายถึง ศีรษะอโศก

๑๘ ก.ค. ๔๕ ที่ศีรษะอโศก งาน"ตุ้มโฮมมูนมังไทอีสานสืบสานภูมิปัญญาแก้ปัญหาคนจน" มีชาวบ้าน จากชุมชนต่างๆ ที่ได้รับการช่วยเหลือ จากกองทุน ชุมชนเพื่อสังคม SIF มาร่วมงานกว่า ๓๐๐ คน โดยมีผู้นำชุมชนจากที่ต่างๆ นำชาวบ้าน ในชุมชนของตน มาร่วมงาน คณะจัดงานของ SIF มุ่งหมาย ให้ชุมชนต่างๆ เหล่านั้น ที่มีการรวมตัวกัน ในระดับหนึ่ง ได้มาสัมผัส เรียนรู้ กิจกรรม และการรวมตัว ของชุมชน ศีรษะอโศก ซึ่งเข้มแข็งกว่า

ทำวัตรเช้าวันนี้ พ่อท่านได้รับนิมนต์ให้แสดงธรรม พ่อท่านอธิบายถึงสิ่งที่ดีที่สุด ที่คนควรจะได้ ๗ ส.
๑. สุข
๒. สูง(จิตใจ)
๓. สร้างสรร
๔. เสียสละ
๕. สมบัติ
๖. สูญ(ปล่อยวาง)
๗. สัมบูรณ์

เปิดโอกาสให้ถามปัญหา "ทำอย่างไรจึงจะละลายพฤติกรรมของคนโกงกิน" เป็นคำถาม ที่คนส่วนใหญ่ มักคิด และ มองเช่นนี้ ซึ่งเป็น การมองออกนอกตัว

"เลิกคิดที่จะไปละลายพฤติกรรมของคนโกงกินดีกว่า ควรคิดละลายพฤติกรรมตนเอง แล้วช่วยสอน พฤติกรรม ให้คนที่ศรัทธาเราก่อน อย่าเพิ่งไปอ้าขา ผวาปีก ไปละลายพฤติกรรม ของคนที่ยังไม่ศรัทธา พระพุทธเจ้า ไม่ให้เสียเวลา ไปสอนกับคน ที่ยังไม่ศรัทธา..." พ่อท่านตอบ

๘.๓๐ น. รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ มาเปิดงานแทนท่านผู้ว่าฯ ต่อด้วยพ่อท่านเทศน์ ในหัวข้อ "ศีรษะอโศก ชุมชนพึ่งตนเอง" "...ชุมชนศีรษะอโศกเกิดโดยธรรมชาติ เราไม่ได้ตั้งใจสร้างชุมชน เริ่มจาก อาตมาปฏิบัติธรรม ตั้งแต่เป็นฆราวาส ขณะที่ยังอยู่ ในดงมายา แต่อาตมาก็เห็นมรรคผล ของพระพุทธเจ้า อาตมาไม่ได้พ่ายแพ้ชีวิต แต่เห็นว่า การมาเป็นคนมักน้อยสันโดษ เป็นคนประเสริฐ..." พ่อท่านกล่าว

และต่อมาก็ได้อธิบายการปฏิบัติสมาธิของพระพุทธเจ้าจากมหาจัตตารีสกสูตร ต่อจากนี้ พ่อท่านนำเอา หลักการต่างๆ จากหนังสือ "สรรค่าสร้างคน" มาอ่าน ไม่ว่าจะเป็นหลัก ๑๙ ข้อ ของการทำงาน หลักสู่ความสำเร็จ ของบุญนิยม ๗ ข้อ หรือ การเกิดวัฒนธรรม ๖ ประการ ฯลฯ แปลกจัง! ทำไมพ่อท่าน นำเอาหลักการต่างๆ มาอ่าน ราวกับนักวิชาการ ขณะที่คนฟัง เป็นชาวบ้าน น่าจะไม่ถนัด กับการฟัง หลักการมากๆ อย่างนี้

ผิดคาดแฮะ! การประเมินผลหลังงานเลิก ชาวบ้านผู้มาร่วมงานส่วนใหญ่ให้คะแนน รายการนี้ มากที่สุด และ หลายคน สั่งจองเท็ป มากกว่า รายการอื่นๆ

รายการต่อจากพ่อท่านเป็นของอ.สุลักษณ์ ศิวรักษ์ ผิดคาดอีก ลีลาการพูดดุเด็ด เผ็ดมัน แรงๆ กร้าวๆ ที่เคยเห็น เคยฟัง หายไป อ.สุลักษณ์ นำเอาข้อเขียนของตน ที่เตรียมมา อ่านไปเรื่อยๆ จนจบ ไม่เสริมแทรก อะไรเพิ่มเติมเลย เริ่มจากการท้าวความ ประวัติศาสตร์ อินเดีย ความรุ่งเรือง ของอินเดีย และ ความล่มสลาย มาจากการรับเอาค่านิยม และ วิถีชีวิตแบบตะวันตก เช่นเดียวกับไทยขณะนี้ ที่ล่มสลาย นอกจากนี้ อ.สุลักษณ์ได้พูด ชมศีรษะอโศก ร่วมกับที่อื่นๆ รวมทั้งพูดผ่านๆ มาถึงพ่อท่านด้วย

หลายคนสงสัยว่า ทำไมลีลาการพูดจึงเปลี่ยนไป ข้าพเจ้าเข้าใจว่า อ.สุลักษณ์คงแยกประเภท ถ้าพูดคนเดียว ในเชิงปาฐกถา ก็จะเป็นเนื้อๆ อย่างนี้ ให้ความรู้ล้วนๆ แต่ถ้าร่วมอภิปราย จะขัดแย้ง เพื่อแก้ทิฏฐิอื่นที่ อ.สุลักษณ์ไม่เห็นด้วย ในปัจจุบัน ขณะนั้นทันที โดยไม่เกรงกลัวว่า จะมีศักดิ์ ฐานะอะไร

มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า ขณะที่อ.สุลักษณ์อ่าน อ.สุลักษณ์จะเงยหน้ามองมาที่พ่อท่านบ่อยมาก ทำให้พ่อท่าน ต้องอยู่ เพื่อฟังการพูด ของ อ.สุลักษณ์จนจบ เป็นการให้เกียรติ เป็นเรื่องของมารยาทสังคม เพื่อรักษา น้ำใจไมตรี ที่มีต่อกัน เพราะเดิม ตกลงกันว่า พ่อท่านเทศน์เสร็จ ก็จะไปฉันอาหารกัน ที่ศาลาปลุกเสกฯ ซึ่งอยู่ห่างจาก ศาลาบุญถ่วม ที่อ.สุลักษณ์กำลังพูดอยู่


พ่อท่านกล่าวถึงการพูดของอ.สุลักษณ์ว่า ไม่ได้ขัดแย้งอะไรประสานสอดคล้อง ไปด้วยกัน แต่อ.สุลักษณ์ จะออกไป ในทาง ความรู้กว้างๆ แล้วกลับมาเน้น ที่ความมักน้อยสันโดษ เน้นความจน


เอนก นาคะบุตร เปรียบเทียบ คาร์ล มาร์กซ์ กับ พ่อท่าน
๑๘ ก.ค. ๔๕ ที่ศีรษะอโศก คุณเอนก นาคะบุตร มาร่วมรายการภาคบ่าย ที่ถ่ายทอด ออกอากาศ ทางโทรทัศน์ ช่อง ๑๑ หลังจบรายการ คุณอเนกได้มา กราบนมัสการ และสนทนา กับพ่อท่านที่กุฏิ จากบางส่วน ของการสนทนา ที่น่าสนใจดังนี้

(อ่านต่อหน้าถัดไป)

 

 

   Asoke Network Thailand