nurse

๑๓. หัวใจสีแดงในชุดขาว

หัวใจสีแดงในชุดขาว

เย็นวันหนึ่ง ขณะที่ฉันกำลังเตรียมยาฉีดให้คนไข้อยู่นั้น พี่ผู้ช่วยพยาบาลผู้ร่วมงาน ซึ่งตั้งครรภ์แก่เก้าเดือนแล้ว ก็เดินถือถาดแจกยา มาวางในที่เคาน์เตอร์พยาบาล พร้อมกับบ่นเสียงดังว่า
"ฮึ! แล้วฉันไม่ใช่คนรึไง!"
"อะไรกันจ๊ะ พี่" ฉันหันไปถาม อย่างแปลกใจ
"ก็เตียง ๗ น่ะซิ ว่าพี่ได้ เมื่อกี้เอายาไปให้ ยังอุตส่าห์เหน็บพี่ว่า `เอ๊ะ! หมอก็มีท้องได้ด้วยวุ้ย! ...ฮึ! พูดออกมาได้ ก็ฉันเป็นคนเหมือนกันนี่นา"

ฉันฟังแล้วอดขำไม่ได้ นี่คนไข้เขาคงคิดกันว่า พยาบาลทำคลอดทุกวัน คงไม่กล้าแต่งงาน มีลูกกระมัง
สิ่งใดก็ตาม แม้เราสัมผัสสัมพันธ์อยู่กับมัน แม้จะรู้ว่ามันทุกข์ทรมาน แต่ขาดการพิจารณา เห็นโทษทุกข์ของมันบ่อยๆ สักวันหนึ่ง เราก็จะเป็นอย่างที่เขาทุกข์กันนั่นแหละ อาชีพหมอหรือพยาบาล แม้จะอยู่กับความเกิดความแก่ ความเจ็บและความตาย แต่ก็ยากที่จะมีใครเห็นทุกข์เหล่านี้

นับเป็นบุญเหลือเกิน ที่ฉันมาได้พบธรรมะเสียก่อน ได้พิจารณาเห็นโทษภัย ในการมีความรัก มีครอบครัวอยู่บ่อยๆ
สามีของพี่ผู้ช่วยพยาบาลคนนี้ เป็นนายตำรวจ ขณะนี้พี่อ้อยเอง ชักจะร้องไห้เสียใจ ด้วยเรื่องสามี ชอบกินเหล้าเมา และเจ้าชู้อยู่เสมอ ทั้งที่ก่อนแต่งงาน ฝ่ายชายตามตื๊ออย่างหนัก ตามเอาอกเอาใจอยู่เป็นปี จนพี่อ้อยใจอ่อน แต่หลังแต่งงาน ก็มีผู้หญิงหลายคน เข้ามายุ่งเกี่ยวกับสามีของพี่อ้อย ฉันอดแปลกใจไม่ได้ว่า

เอ...ทำไมผู้หญิงเหล่านั้น จึงไม่นึกถึงหัวอกของผู้เป็นภรรยา(หลวง)บ้าง ว่าการทำตามอำเภอใจของพวกเขา ได้สร้างความขมขื่นชอกช้ำ ให้กับลูกผู้หญิงด้วยกันเพียงใด แต่ฉันก็ทำได้เพียงคอยปลอบใจ หรือคุยเรื่องธรรมะ ให้พี่เขาฟังเท่านั้น ซึ่งก็ทำให้พี่อ้อย สบายใจขึ้นมาบ้าง

บางครั้ง ฉันเห็นสามีของพี่อ้อย อยู่กับผู้หญิงคนอื่น ก็ไม่เคยคิดที่จะนำมาเล่า ให้พี่อ้อยฟังเลย เพราะความจริงบางอย่าง ถ้ารู้แล้วแก้ไขไม่ได้ สู้ไม่ต้องให้รู้เสียเลยจะดีกว่า

วันหนึ่ง กลับมาจากวัด พอถึงแฟลตพยาบาล ก็มีพยาบาลรุ่นน้อง มานั่งรออยู่ที่ห้อง วัณย์มาบอก เรื่องที่ฉันเองฟังแล้วต้องนิ่งอึ้งอยู่นาน ไม่คาดคิดมาก่อนว่า เรื่องนี้จะเกิดขึ้นได้

"พี่คะ แฟนหนูเขามีเมียแล้ว!"
คู่รักของวัณย์ เป็นสุภาพบุรุษ นิสัยดีมาก เอาใจวัณย์ทุกอย่าง อายุของเขาก็มากแล้ว รักกันมาแปดปีเต็ม เขาส่งวัณย์ เรียนพยาบาลด้วย พอจบมา วัณย์ก็ตั้งหน้าทำงานหาเงิน ทั้งที่โรงพยาบาลและคลินิก จนซื้อที่ดินได้แปลงหนึ่ง วัณย์แอบบอกฉันอย่างอายๆว่า เธอกับแฟน เตรียมปลูกเรือนหอ และจะแต่งงานกันในปีหน้านี้
ความรักของคู่นี้ หวานชื่นมาตลอด วัณย์เป็นผู้หญิง ที่มีรูปร่างและน้ำใจงามพร้อม แม้จะมีหมอหนุ่มๆ รูปร่างดีมาชอบ แต่เธอก็บอกไปเลยว่า
"หนูมีแฟนแล้วค่ะ"
เธอซื่อสัตย์ต่อคนรักเสมอมา

จากการที่เราสนิทกัน ทำให้วัณย์ได้ซับซาบธรรมะไปบ้าง และทราบว่า การมีความรักเป็นทุกข์ การแต่งงานเป็นทุกข์ เป็นภาระหนักของชีวิต แต่เธอมักพูดว่า
"หนูคงต้องแต่งค่ะพี่ หนูอยู่คนเดียวไม่ได้หรอก อีกอย่างแฟนหนู เขาก็รักหนูมาก หนูก็สงสารเขาด้วย"

"วัณย์ตัดสินใจเองก็แล้วกัน เพราะทุกคนมีสิทธิ์ ที่จะเลือกทางเดินชีวิตของตัวเอง... พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรซักหน่อย"

"พี่คะ แฟนหนูเขาอยากมีลูกด้วย"
"อ้าว...วัณย์ไม่กลัวเหรอ! ..." ฉันแกล้งทำหน้าตาล้อเลียน "เราทำคลอดอยู่ทุกวัน ก็เห็นอยู่ว่า มันทุกข์ทรมานขนาดไหน
"หนูคิดว่า หนูทนได้จ้ะ คนอื่นเขาก็ยังคลอดกันได้เลย"...

วันที่วัณย์มาหาที่แฟลต วัณย์นั่งชันเข่า ซบหน้าลง น้ำตาไหลพรากๆ นี่กระมังที่เขาว่า น้ำตาเช็ดหัวเข่าน่ะ!
"สามวันมานี่ หนูเหมือนตกนรกค่ะ กินยานอนหลับทุกวันเลย" วัณย์สะอื้นอย่างปวดร้าว
"เมียเขามาหาที่โรงพยาบาล กะว่าจะมาเล่นงานหนูเต็มที่ แต่หนูก็พูดดีกับเขาทุกอย่าง เขาท้องได้สองเดือนแล้วค่ะพี่"

ฉันปล่อยให้วัณย์ ระบายความทุกข์ออกมา พักหนึ่งจึงพูดขึ้นว่า
"ที่จริงแฟนของวัณย์ เขาคงไม่ได้ตั้งใจจะหลอกเราหรอก แต่เพราะเขาทนต่อกิเลสของเขา ไม่ไหวต่างหาก อีกอย่างสังคมไทย ก็เปิดโอกาสให้ผู้ชาย ในเรื่องนี้มาก เราน่าจะเห็นใจเขานะ...

ตราบใดที่กิเลสเขายังไม่หมด ความรักจะหยุดอยู่ที่เราได้อย่างไร เขาอาจชอบเราจริงๆ แต่ในบางเรื่องบางอย่างที่เขาชอบ มันก็มีอยู่ในผู้หญิงคนอื่น ด้วยเหมือนกัน
พี่กลับคิดว่า มันเป็นบุญอย่างมากของวัณย์นะ ที่จะได้โอกาสเสียสละ สิ่งอันเป็นที่รักออกไป จะมีอานิสงส์สูงทีเดียวแหละ
พี่เองก็ตั้งปณิธานเอาไว้ว่า ชั่วชีวิตนี้ จะไม่ขอแย่ง สิ่งอันเป็นที่รักของใครมา อย่างเด็ดขาด สิ่งใดแม้เราจะมีสิทธิเต็มที่ แต่ถ้ามันเป็นที่รักที่ต้องการ สำหรับผู้อื่นแล้ว พี่จะขอสละให้ทันที แม้บางครั้งเราจะเจ็บปวด แต่ก็ยังดีกว่า เป็นต้นเหตุให้คนอื่น เขามีทุกข์เพราะเรา...
นี่ล่ะ เป็นบุญของวัณย์แล้ว ที่จะได้สั่งสมบารมี..."

เราคุยกันอยู่นาน วัณย์จากไปด้วยความสบายใจขึ้น ก่อนจะปิดประตูห้อง ฉันก็พูดเปรยๆว่า
"รู้ว่ามีรักแล้ว มันทุกข์อย่างนี้ ต่อไปถ้าเราไม่มีเลย ก็จะดีนะ จะได้ไม่ต้องเสียใจอย่างนี้อีก"
วัณย์หันมายิ้มให้
"หนูยังรับปากไม่ได้หรอกจ้ะพี่ หนูจิตใจไม่เข้มแข็งพอ..."/p>

วัณย์จากไปแล้ว แต่ฉันยังยืนเหม่อ ดูผีเสื้อตัวหนึ่งในสวนดอกไม้ มันบินดูดน้ำหวานจากดอกไม้ ดอกโน้น แล้วก็มาดอกนี้ ดอกไหนมีน้ำหวานมาก ก็อยู่นานหน่อย แต่ไม่เคยที่จะดูดอยู่ดอกเดียว ไปจนตาย

จิตมนุษย์ก็เช่นกัน เดี๋ยวรักคนโน้น ชอบคนนี้ ในสังสารวัฏฏ์ บางชีวิตก็เวียนมาอยู่กับเรา ชั่วระยะหนึ่ง แล้วก็เวียนจากไปอยู่กับคนอื่น ตามเส้นชีวิตที่เขาขีดไว้แล้ว ด้วยบุพกรรมของเขา ประโยชน์ที่จะไปยึดถือ ผูกพันใครไว้ แม้ตอนนี้ เขาจะชอบเราและดีกับเรา ปานใดก็ตาม

พยาบาลรุ่นพี่คนหนึ่ง เพิ่งแต่งงานมาได้ ๑ ปี ก่อนแต่ง แฟนมารับมาส่ง เวลาขึ้นเวรลงเวร บางทีก็มานั่งเฝ้า มานั่งคุยด้วยนานๆ รักกันหวานชื่นมาก

คราวหนึ่ง ฉันเปิดเท็ปธรรมะฟังที่โรงพยาบาล พอพระเทศน์ถึง ทุกข์ของการแต่งงานมีคู่
"โอ๊ย...ยายอ้อ! ไม่ใช่คู่ของฉัน อย่างแน่นอน"
พี่แอ๊ดมาอยู่ข้างหลัง ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้!
"ครอบครัวฉันน่ะ จะต้องมีบ้าน มีลูกเล็กๆน่ารัก ไปไหนก็ไปพร้อมๆกัน พ่อแม่ลูก คงมีความสุขมากเลยแหละ..." พี่แอ๊ดฝันหวานต่อไป

ฉันนึกสนุก เลยพูดต่อว่า
"แต่หนูว่าผู้หญิงเรา จริงจังกับเรื่องความรัก มากกว่าผู้ชายนะคะ ผู้หญิงจะเห็นว่า ความรักเป็นทั้งหมดของชีวิต แต่สำหรับผู้ชายแล้ว ความรักเป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น ผู้ชายส่วนใหญ่ เขามักจะมองว่า ความรักเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่การประสบความสำเร็จ ในหน้าที่การงาน นี่เป็นเรื่องใหญ่...

หนูเคยเห็นค่ะพี่ นี่หนูพูดทั่วๆไปนะคะ ก่อนแต่งน่ะ เดินเคียงแทบจะประคองกัน พอแต่งงานกันไปแล้ว บางทีเดินห่างกันหลายเสาไฟฟ้าเลย พอเพื่อนทักว่า `เฮ้ย! เมียแกไม่ได้มาด้วยกันเหรอ? ก็ตอบว่า `อ๋อ...ยายแก่นั่นรึ โน่นแน่ะ! ยังงุ่มง่ามอยู่คุ้งน้ำนู้น! พูดจบ ฉันก็หัวเราะอย่างขบขัน

"ของชั้นน่ะ ไม่เป็นอย่างนั้นแน่นอน ! พี่ว่าเธอหัดมองโลก ในแง่ดีบ้างซิ"

"อ้าว...หนูมองในแง่ที่เป็นจริง ต่างหากล่ะ"
"อาจจะใช่สำหรับคู่อื่น แต่ไม่ใช่คู่ของพี่อย่างแน่นอน!" พี่แอ๊ดสรุป

ในที่สุด พี่เขาก็แต่งงานกัน ตอนนี้พี่แอ๊ด ก็ตั้งท้องได้ ๕ เดือนกว่าแล้ว บางวันลงเวรเที่ยงคืน แต่สามีมารับตีสี่ บางทีก็มารับเช้าเลยก็มี บางทีก็โกรธกันเถียงกัน บางทีก็มีเรื่อง กับญาติฝ่ายสามี เพราะยังอาศัยอยู่กับครอบครัวของสามี บ่อยครั้งที่สามีพี่แอ๊ด กินเหล้าเมามา (เป็นนักธุรกิจ อ้างว่าต้องมีงานเลี้ยง สังสรรค์กับเพื่อนเป็นประจำ)

พี่แอ๊ดช้ำใจมาก หวานอมขมกลืน (แต่ก็มีบางเวลา ที่เขาเอาอกเอาใจกัน)

ใครนะผูกกลอนไว้ น่าฟังทีเดียว
"น้อมคำปราชญ์ ฝากทุกคน บนโลกหล้า
อย่าอวดกล้า ลองเล่น กับไฟหวาน
เมื่อถึงวัน ดอกรัก หยุดผลิบาน
จะเหลือรอย ร้าวฉาน ตอกตรึงใจ"

ฉันก็ช่วยได้เพียง รับขึ้นเวรหนักๆให้ เพื่อพี่แอ๊ดจะได้พักผ่อนเต็มที่ ในขณะมีครรภ์อย่างนี้
บางทีพี่แอ๊ดก็มาหาที่แฟลต พอฉันเปิดเท็ปธรรมะ พี่แอ๊ดก็นั่งฟังอย่างตั้งใจ ใครจะรู้ได้ว่า ในใจของพี่แอ๊ด อาจจะกำลังคิดว่า
"เวรกรรมของฉัน!... มาไตร่ตรองคิดได้ ก็สายเกินเสียแล้ว!" ก็อาจเป็นได้

แรกๆความที่เป็นเด็กกว่า ฉันจึงไม่กล้าพูดอะไร แต่ต่อมา พี่เขาศรัทธาและไว้ใจ ก็ได้ใช้ธรรมะปลอบใจ และให้กำลังใจพี่เขาบ้าง
ชีวิตที่ปฏิบัติธรรม จะยังประโยชน์ตน และประโยชน์ท่าน ได้เสมออย่างนี้เอง
แต่ใครจะคาดคิดว่า วันหนึ่ง หมองูก็อาจเจ็บหรือตาย เพราะพิษงูได้!

"ขาวเอย ขาวดังสำลีคลุมกาย
เพริศพราว พรรณราย เครื่องแบบสวมกายพยาบาล
งามหมดจดสดใส งามทั้งน้ำใจนงคราญ
โรคภัยทรมาน ไหนจะต้านทาน หยาดปรานี..."

ขณะใช้ใบมีด เลื่อยหลอดยาฉีดอยู่นั้น จิตของฉันไม่ได้อยู่ที่หลอดยา คงจะบีบแรงไปหน่อย หลอดยาจึงแหลกคามือ ฉันสะดุ้งด้วยความเจ็บปวด สติกลับมาอีกครั้งหนึ่ง เศษแก้วบาดลึกหลายแผล เลือดสีแดงสดไหลออกมาไม่หยุด ฉันรีบจัดการห้ามเลือด ด้วยความละอายใจเหลือเกิน เป็นนักปฏิบัติธรรม แต่ยังทำขณะ ให้ตกล่วงได้ปานนี้

ฉันนึกไปถึง พระพุทธพจน์ที่ว่า การประพฤติพรหมจรรย์ที่ย่อหย่อน ก็เหมือนการกำหญ้าคาหลวมๆ แล้วกระชาก (แต่ฉันว่า หลอดยาแหลกคามือนี่ คงเจ็บกว่าถูกหญ้าคาบาดนะ!)

พยายามตั้งสติใหม่ ยังจำได้ดีถึง สารีปุตตสูตร ตอนหนึ่ง กล่าวไว้
"ผู้คุ้มครองทวารอินทรีย์ได้ ก็ประพฤติพรหมจรรย์ได้ จนตลอดชีวิต"

ทันใดนั้น ก็มีเสียงเอะอะขึ้น ภายในหอผู้ป่วย ที่เตียง ๒๗ คนไข้เพิ่งผ่าตัดคลอด ทางหน้าท้องได้ ๑ วัน กำลังยกมือ ซึ่งมีสายน้ำเกลือติดอยู่ ขึ้นปัดป้องกำปั้นของผู้เป็นสามี ผู้คนตกใจกันใหญ่ ฉันรีบสาวเท้าเข้าไป เพื่อระงับเหตุการณ์ทันที

"นี่! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!"
"ใครวะ! อย่ามาเสือก เรื่องของผัวเมียเขานะโว้ย!" เสียงพูดลิ้นพันกัน กลิ่นเหล้าคลุ้งไปทั่ว พลางก็ตรงเข้าทุบตี คนไข้ต่อ
"ฉันบอกให้หยุดเดี๋ยวนี้!" นึกปลงสังเวชตัวเองในใจ เมื่อไรกันนะ ที่ฉันจะได้ไม่ต้องมีกายกรรม วจีกรรม ที่หยาบอย่างนี้

"ที่นี่ไม่ใช่ที่บ้านนะ และตอนนี้ คนไข้เขาอยู่ในความรับผิดชอบของชั้น ถ้าเมาละก็ กลับไปนอนซะ อะไรนี่...คนไข้เขาเพิ่งผ่าตัด มาทุบตีได้ลงคอ..."

ได้ผล ชายร่างใหญ่นั่น หยุดซ้อมคนไข้ผู้เป็นภรรยา แต่เดินกำหมัด ตรงรี่เข้ามาหาฉัน ฉันยืนตะลึงอยู่กับที่ ตาจ้องเขม็ง จับอยู่ที่ใบหน้าของชายผู้นั้น

"ว่าไง...อยากมีเรื่องนักเหรอ!"

ไม่รู้ว่าตอนนั้น ฉันยังหายใจอยู่หรือเปล่า! ก่อนจะเกิดอะไรขึ้น ญาติคนไข้เตียงอื่น ก็มาช่วยกันล็อคคอ เอาสามีตัวอย่างนั้น ลงไปชั้นล่าง
ฉันเดินมาที่เตียง ๒๗ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น (แต่ชีพจรเต้นเร็วกว่าปกติ)

"เมื่อกี้นี้ เจ็บมากไหม"
"เจ็บตัวน่ะ ไม่เท่าไหร่หรอกหมอ แต่มันเจ็บใจนี่ซิ!" ฉันคิดว่า คนไข้เขาคงทั้งเจ็บ และอายคนอื่นๆ ในหอผู้ป่วยด้วยนั่นแหละ
"แล้วตอนเลือกน่ะ ทำไมไม่ดูให้ดีๆก่อน"
"ก็ตอนนั้น เขาดีทุกอย่าง แต่ตอนนี้ เปลี่ยนเป็นคนละคนเลย"

คนไข้ยังคงนอนมองขวดน้ำเกลือ น้ำตาไหลพราก ไหลรินๆ ไปทางกกหู พลางยกมือข้างที่ ไม่ได้ให้น้ำเกลือ ขึ้นปาดน้ำตาทิ้ง แล้วมันก็พรั่งพรู ออกมาอีกเป็นสาย
ฉันถอนหายใจ อย่างปลงสังเวช ในชีวิตคู่ของคนไข้รายนี้

ต่อมา มีญาติธรรมชาวอโศก มาหาที่โรงพยาบาล พี่เขาแต่งงานมาหลายปีแล้ว พี่เขาเล่าถึงสามี ให้ฉันฟังว่า
"ก่อนแต่งน่ะ เขาพูดกับพี่ ไม่เคยให้ช้ำเลย พูดคุณ,ผมทุกคำ แต่เดี๋ยวนี้ยังไงรู้มั้ย วันก่อน พอพี่พูดว่า "ไม่หรอก... ว่าจะตั้งใจกินมื้อเดียว" เขาเลยบอกว่า "มึงอย่าบ้า ให้มันมากนักเลย! มีให้แดก ก็ยัดๆเข้าไปเถอะ!"

ฉันฟังแล้ว เห็นความเป็นอนิจจัง ชัดแจ่ม
แม้จะปฏิบัติธรรมแล้ว แต่ก็ยังผ่านโลกมาไม่มาก บางครั้งก็ฉลาดน้อยเกินไป ที่จะตามรู้เล่ห์เหลี่ยมของโลกได้ทัน แต่ฉันก็ยังโชคดีกว่าทุกชีวิต ที่เห็นมา เพราะยังไม่สายเกินไป ที่จะพรากไม้ที่ชุ่มด้วยยาง ขึ้นจากน้ำ

เสียงพ่อท่าน ผู้เปี่ยมไปด้วยความกรุณา ยังคงดังเตือนสติฉัน ในใจอยู่เสมอ
"ทุกสิ่งล้วนมีประโยชน์ทั้งนั้น แล้วแต่ว่าเราจะเอาไว้เสพย์ หรือเอาไว้เสกจิต ให้รู้เท่าทัน และอยู่เหนือให้ได้เท่านั้น"
ด้วยพลังจิต ที่เต็มไปด้วยศรัทธา และสำนึกในพระคุณ ของพระศาสนา และหมู่มิตรดีสหายดี สภาวะจิตขณะนี้ ตั้งมั่นดี ยินดีแล้วอย่างยิ่ง ที่จะตามรู้เท่าทัน อาการของจิต พยายามทำทุกขณะ ให้มีผลต่อการละหน่าย คลายจากกิเลส

ถึงแม้ขณะนี้ จะยังข้ามกามโอฆะไม่ได้ แต่ก็จะระวังกายกรรม วจีกรรม ให้เป็นกุศลอยู่เสมอ จะไม่ทำร้ายใคร ด้วยเกสรดอกไม้ และหยาดน้ำผึ้ง จะไม่เป็นมาร ขวางทางพระนิพพาน ของตนเองและใครๆเลย เพราะนั่นคือ การสร้างบาปอย่างหนัก

เมื่อยิ่งสำรวจพบอิตถีภาวะ ที่ทำให้จิตอ่อนแอ ฉันก็จะพยายามใช้ธรรมะ หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณ ให้เติบกล้าขึ้น
จะใช้ศีลเป็นเกราะแก้ว คอยปกป้องคุ้มครองทวารอินทรีย์ มีธรรมะ เป็นเครื่องคุ้มครองชีวิตตลอดไป เพราะมั่นใจว่า แม้ฉันจะฉลาดน้อยในเรื่องอื่นๆ แต่สำหรับเรื่องนี้ ทางนี้เป็นทางเดียว ที่จะทำให้ฉันรอดพ้น และตัดวัฏฏะแห่งรักได้

ลูกไกลพ่อ
๙ พฤศจิกายน ๒๕๓๑
(จาก สารอโศก อันดับ๑๔๙ ปีที่๑๑(๑๔) ฉบับที่ ๑๑–๑๒ มิ.ย.- ก.ค. ๒๕๓๔)

 

อ่านต่อ ๑๔.
พบรักเข้าแล้ว