ประโยชน์ หรือคุณค่าแก่ตน บทต้น ที่คนพึงก่อ หรือสำรวจเพื่อรังสรรค์ แต่ตน ก็คือ ตนควรสละ "กาม" ลด "กาม" ที่เกิดกับ อบายมุข "กาม" คือ อาการที่ยังติด ยังอยาก ยังใคร่ ยังเสพ ตั้งแต่ ยังหลงเป็น "สุข" (อามิสสุข) เพราะได้เสพสมใจ ในเกฒ พนันขันแข่ง แก้แค้น ต่าง ๆ หลงเป็น "สุข" อยู่ เพราะได้ เสพสมใจในสิ่งที่ยังหลงเสพ หลงติด ที่ควรรู้ทันทุกขั้นตอนแต่ภูมิปัญญาตนว่า ควรละควรเลิก จะต้องไม่แก้ตัวด้วยเหตุผลว่า ตนมีกำลังทรัพย์ มีทั้งเวบา มีทั้งเรี่ยวแรง ความสามารถ เพียงพอ . ที่ตนจะเสพรส แห่งความได้สมใจตน เพราะเราชนะการแข่งขันได้ ลาภ - ยศ - สรรเสริญ - โลกียสุข มาให้ตนโดยไม่คำนึงว่า ผลแห่งการกระทำของตน จะทำให้ผู้อื่นต้องตกเป็น "ทาส" หนักหนาปานใด ต้องถูกมอมเมาด้วยลักษณะใด ๆ หรือต้องทุกข์ร้อน - ยากจน ไม่แก้ตัวด้วยเหตุผลว่า ตนมีกำลังทรัพย์ มีทั้งเวลามีทั้งเรี่ยวแรงความสามารถ เพียงพอ ที่ตนจะเสพรส ของการแข่งขันเป็นเกมพนัน แม้จะเสียลาภ - เสียยศ - เสียสรรเสริญ ที่ตนจะเสพรส ของสิ่งที่ตนหลงติด หลงเสพ แม้มันหยาบมันต่ำ ที่ตนจะเสพรส มหรสพ ที่เขาผู้สร้างต่างก็พยายามใช้เล่ห์ให้คนเชื่อว่า ไม่ใช่ความเลว - ไม่ใช่ความมอมเมา ที่ตนจะเสพรส การเล่น ที่ผู้สร้างเกมการเล่นต่างพยายามใช้เล่ห์ให้คนเชื่อว่า ไม่ใช่ความเลว - ไม่ใช่ความฉิบหายต่ำประโยชน์ ที่ตนจะเสพรส ในเรื่อง "นักเลงสมสู่" ให้ได้มากหรือยิ่ง "สมสู่" ได้ผิด สมมติสามัญ ทั้งเพศ ทั้งแบบ ยิ่งให้หลากท่าหลายวิตถาร ซึ่งยิ่งเลง ยิ่งต่ำช้าหยาบจัดจ้านยิ่งขึ้น ก็ยิ่งไม่รู้ตัวรู้ตน ที่ตนจะ เสพรส ในการแสวงหาสุขกาลางคืน ในที่มืด มีปกปิด ที่ไม่น่าไปเสียเวลา ไม่ควาเป็นไปให้เสียหายพลาญพร่าทั้งทางวัตถุ และนามธรรม ซึ่งผู้มีภูมิปัญญาพอประมาณ ก็จะรู้ทันแล้ว ที่ตนจะเสพรส ในการคบมิตรผู้ไม่มีภูมิธรรม เพราะไม่ทำปัญญาให้รู้ว่า มิตรดี - สหายดี - สังคมสิ่งแวดล้อมดี นั้นคืออย่างไรแท้ที่ตนจะเสพรส ในสภาพขี้เกียจ เพราะหลงผิดว่า การได้ทำตนไม่ขยัน ไม่ขวนขวายสร้างสรรสาระ เอาแต่อยู่เฉย ๆ ลอยชายดายเปล่า หรือ เอาแต่ระเริงสนุกสนานไปวัน ๆ นั้นเป็นความสุข เป็นความเสพ เป็นความติดชอบให้กับชีวิต ที่ตนจะเสพรส อำมหิต เมื่อได้ฆ่าคนอื่น สัตว์อื่นเอง ก็สมสุข หรือเพียงได้ทำทารุณคนเอื่นบ้าง ทำทารุณเอากับตนเอง บ้างก็สมสุข หรือแม้ไม่ได้ฆ่าเอง ไม่ได้ทำรุนแรงเอง เพียงได้ดูภาพการฆ่า ภาพยนต์ความโหดร้ายรุนแรง ก็สุขสมเสพสม ที่ตนจะเสพรสได้สุขสมใจ แม้สิ่งที่อยากได้นั้น จะไม่ใช่ของเรา หากได้มาก็สุขสมเสพสม แม้จะได้ด้วยการเอาเปรียบ ได้ด้วยการโกง ได้ด้วยการขโมย ได้ด้วยการแย่งชิงอย่างโหดร้าย ได้ด้วยการแย่งชิงที่ต้องอาศัยผู้อื่นได้ร่วมทุกข์ร้อนบางทีถึงล้มตายกันเป็นเบือ เพื่อได้ได้มาให้ตนสมใจ ที่ตนจะเสพรสในเรื่อง การสมสู่กับผู้ไม่ใช่คู่ผัวตัวเมียของตน กับผู้ที่พ่อแม่เขาไม่อนุญาต กับผู้ที่เจ้านายเขาไม่อนุญาตกับผู้ที่เจ้าของเขาไม่อนุญาต กับผู้ที่คู่รัก - คนจองไว้เขาไม่อนุญาต ที่ตนจะเสพรส ปลดทุกข์ง่าย ๆ เพียงด้วยคำโกหกให้สมโลภ สมโกรธของตน ที่จะเสพรสเพียงได้ส่อเสียด ได้กล่าวคำหยาบ ได้กล่าวเพ้อเจ้อ เอร็ดอร่อย สะใจ ที่ตนจะได้ สุขสม เพียงทำให้ตนหรี่หลับ ทำให้คนเกิดความมึน - เกิดความเมา ทำให้เกิดสภาพจิตวิญญาณสติสัมปขัญญะไม่ตื่นเต็ม ทำให้เกิดสภพา ตกอยู่ในภวังค์ แล้วเสพ หรือปั้นรูปสำเร็จด้วยจิต (มโนมยอัตตา) แล้วหลงผิดว่าเป็นรส น่าได้ น่าเสพ เป็นอาการน่าทำ ที่ตนจะเสพรสในเรื่อง "การศึกษา" ซึ่งผู้สร้างเกมการศึกษาต่างพยายามใช้ "ความฉลาด" ทุกชั้นเชิงให้คนเชื่ออย่างง่าย ๆ ว่า การศึกษา นั้น เป็นความจริญ เป็นความสร้างสรรค์เป็นประโยชน์คุณค่าแห่งมนุษย์เพื่อสังคม ประตูเดียวเท่านั้น ไม่มีทางให้เป็นอื่น ให้คนเชื่ออย่างง่าย ๆ จนถึงอย่างลึกซึ้ง ว่า การศึกษานั้น ไม่ใช่ความเลวเลย ไม่ความเลวร้ายใด ๆ สักนินด ขึ้นชื่อว่า การศึกษา จะมีทางพาเลยสักอย่าง เป็นต้น <(ซึ่งยังมีขั้นลึกซึ้งสูงขึ้นไปกว่าขั้นหยาบ ๆ นี่อีก ในเรื่องการศึกษานี้ ที่ผู้สร้างเกมการศึกษา ต่างพยายามใช้ " ความฉลาด" ทุกชั้นเชิง ให้คนเชื่ออย่างง่าย ๆ จนถึงอย่างลึกซึ้ง ว่า การศึกษานั้น ไม่ใช่การเสพความรู้เป็นรสภาคภูมิ หรือเป็นรสหลงว่า วิเศษอะไรดอก ไม่ใช่เพื่อสูงส่งข่มใครเหรือใครอื่น เมื่อจบออกมา ยิ่งสูงก็ยิ่งจะได้ไม่ไปข่มใคร ๆ ไม่ไปเอาเปรียบใคร ๆ ยิ่งจะไปเสียสละไปเป็นผู้ลดตัว เป็ยผู้เล็กผู้น้อยยิ่ง ๆ จริง ๆ ไม่ใช่เพื่อไปเอาเปรียบ ดูดลาภ - ยศ - สรรเสริญ - โลกียสุข มาให้แก่ตน จนคนอื่นอีกหลากหลายขาดพร่อง เดือดร้อน แย่งชิง ฆ่าฟันกัน ไม่ใช่เพื่อมาเกื้อกูลตนให้เหนือใคร แต่เพื่อนำไปรับใช้ผู้อื่นเสียสละเพื่อผู้อื่นให้ได้มาก ๆ เป็นผู้รับใช้ผู้อื่น โดยไม่ได้เปรียบใคร มาจริง ๆ จนตนอยู่ด้วยความดีบริสุทธิ์ ก็ได้ ไม่ต้องสะสมทรัพย์สินเลยได้ได้ ไร้ทรัพย์สมบัติเงินทองจริง ๆ ได้ตลอดชีวิต ไม่ใช่เพื่อจะได้ไปแล้ว แต่ยังมีส่วนเบียดเบียนใคร ๆ อยู่แม้เท่าธุลี ผู้ศึกษาได้สูง ๆ จะได้เป็นผู้สงบ จนไม่ต้องพูดให้ใครกระทบกระเทือน จนไม่ต้องเอาของใคร ๆ ของใด ๆ ในโลก มาเป็นของตน ใส้สังคมต้องพร่อง ต้องกระเบียดกระเสียร จนไม่ต้องยุ่งอะไรกับสังคมสัตว์เมือง - คนเมือง ไม่ต้องรู้อะไรในเรื่องของคนของสังคมคนเลย) ที่ยกตัวอย่างมาข้างต้นนั้น ล้วนคือ ความติด ความอยาก ความใคร่ ความเสพ ที่ผู้ยังมีอยู่ ต้องเสียเรี่ยวแรง เสียทุนรอน เสียเวลา สังเวยมัน ให้แก่มัน มากบ้าง น้อยบ้างอยู่ เรียกว่า ยังไม่ลด "กาม" ละ "กาม" แม้เพียงเบื้องต้น พื้นฐานแห่งความเสพสมสุขสมใน "กาม" หยาบ ๆ ต่ำ ๆ แค่นี้ แล้วคนผู้นั้น ก็สูญเสีย เรี่ยวแรง ทุนรอน เวลาให้แก่สิ่งเหล่านี้ เพื่อเสพ "อามิสสุข" ที่เรียกว่า ต่ำสุด ขั้นพื้นฐาน เป็นความเสียหาย - ฉิบหาย ในระดับที่ปราชญ์ขั้น พระบรมศาสดาของศาสนาพุทธ ทรงเรียกว่า "อบายมุข" หรือ ระดับหยาบที่จะ "พ้นความเป็นปุถุชน" ขึ้นสูความเป็น "อารยชนแท้ " ระดับแรก |
|