๒. เหลือแต่งานศพ
เคยเปรยๆว่า พูดมาเกือบทุกงาน ไม่ว่าจะเป็นงานฉลองพระ ฉลองศาลา ฉลองวันเกิด เปิดมัสยิด
ยังไม่ได้พูด อยู่งานเดียว คือ งานศพ
ค่ำวันหนึ่ง จู่ๆก็มีโทรศัพท์ทางไกล จากต่างจังหวัด "ท่านครับ ผมอยู่เพชรบุรี จะจัดงานศพญาติ ที่วัดท่ายาง อาทิตย์หน้า อยากจะเชิญท่านไปพูด ช่วยไปให้หน่อยซีครับ" บังเอิญ ติดงานอื่น มิฉะนั้น คงมีอะไรแปลกๆ มาเล่าสู่กันฟังแน่
ไปพูดที่ไหนก็ที่นั่น ส่วนใหญ่แล้ว คนชวนกับคนพูดไม่เคยเห็นหน้ากัน แต่ก็แปลก พบกันในที่คนเยอะๆ ตามนัดหมายได้ ไม่เคยพลาดเลย บางครั้ง ขณะอยู่ในระหว่าง ทางเดิน ผู้โดยสาร ที่นั่งข้างๆ ถามด้วยความเป็นห่วงว่า เมื่อถึงที่หมายแล้ว ใครจะมารับ รูปร่างหน้าตาเป็นยังไง ตอบทันทีว่าไม่รู้ เจอแล้วถึงจะรู้
คราวก่อน ตกลงกับโรงเรียน ลำปางกัลยาณีว่า จะไปตามคำชวน กำหนดถึงสนามบินเชียงใหม่ ๒ ตุลา ใกล้วันนัด กลุ่มครูจังหวัด พะเยา ชวนไปพูดก่อน ๒ วัน พูดเสร็จ จึงต้องอยู่ต่อ จะแจ้งให้โรงเรียนลำปางทราบ ก็ติดต่อไม่ได้ โทรศัพท์เสีย ถึงวันนัด เลยต้องนั่งรถ ไปพบที่ที่นัดกันไว้เดิม
ถึงสนามบินเชียงใหม่วันนั้นคนแน่น ที่นั่งรอหรือก็เต็มหมด เลยเดินเรื่อยเปื่อยไป สุภาพสตรีสามคน กำลังก้มหน้าก้มตา ซื้อของอยู่ พอเงยหน้าขึ้นมา เห็นเข้า ก็อุทาน ด้วยความตกใจ นึกว่าผีหลอกกลางวัน เพราะเราไปถึง ก่อนเครื่องบิน
ที่พะเยา ครูหนุ่มๆสาวๆ สนใจกันมาก ฟังกันเต็มห้องประชุม ขี่มอเตอร์ไซค์ มาจากอำเภอไกลๆ ก็หลายคน พอทราบว่า เราจะค้างที่พะเยา คณะผู้จัด ดีใจ รีบติดต่อกับ สมภาร วัดศรีอุโมงค์คำ แล้วให้นอนค้าง ที่นั่นเลย
ใกล้ค่ำ รถโฆษณา ออกป่าวประกาศในเมือง มีพระและฆราวาส ไปฟังกันเต็มโบสถ์ ที่ต้องนั่งอยู่นอกโบสถ์ ก็มีไม่น้อย ท่านเจ้าคณะจังหวัด ได้กรุณาไปนั่ง เป็นประธาน จนพูดธรรมะเสร็จ
พูดในโบสถ์ นอนก็ในโบสถ์ ถึงเวลาอาหารเช้า ท่านเจ้าอาวาส จะให้กินในโบสถ์อีก เลยต้องขออนุญาต นั่งกินหน้าโบสถ์ ญาติธรรม ที่พะเยา เอาอาหารไปเลี้ยง มากมาย ใครว่า พระฉันอาหารมังสวิรัติ ไปไหนมาไหน ระวังจะอด นี่ขนาด เป็นฆราวาส ยังมีอาหาร เหลือเฟือ
ที่ภาคกลาง กลุ่มหนุ่มสาวหัวก้าวหน้า ชวนให้ไปพูด ในที่ที่ไม่ซ้ำกับใคร คือพูดในวัง (พระราชวังนารายณ์ราชนิเวศน์ ลพบุรี) กลางสนามหญ้า ใต้ต้นไม้ใหญ่ มีวังโบราณ เป็นฉากหลัง คนนั่งฟังบ้าง ยืนบ้าง เกาะรถมอเตอร์ไซค์ฟังบ้าง ลานตาไปหมด มองหาคนแก่ แทบไม่พบเลย
พบอยู่คนเดียว คุณลุงอายุ ๘๐ พูดเสร็จ ท่านถามเป็นคนแรก พูดไม่ยอมหยุด คนฟังค่อยๆ ทยอยกลับ คณะผู้จัด เห็นท่าไม่ดี จึงขอให้แกเอาไว้ถาม ตอนหลังอีกที ให้คนอื่น ถามบ้าง
หยุดไปได้สักพัก แกก็ตะโกน กล่าวคำอาฆาตต่างๆ นานา ว่าเด็กเมื่อวานซืน ไม่ให้เกียรติแก แกจะกลับ คราวนี้เลย ต้องยอมแก เพื่อรักษาน้ำ ใจ พูดไปพูดมา คนฟัง กลับเกือบหมด เหลือแกกับ คณะผู้จัด ได้ความว่า ไปฟังเขาพูด กันที่ไหน แกก็ไปทำให้คนฟัง เสียความรู้สึกแบบนั้น ทั้งสิ้น ลูกสาวเคยตามไป คุมแจทุกงาน งานนี้พลาด นึกว่าพ่อ จะไม่พูด
ระเบิดในกรุงทำให้ยุ่งไปถึงหนองคาย กลุ่มครูจัดการบรรยาย ที่ศาลากลางจังหวัด ใครเข้าใครออก มีการตรวจตรากัน อย่างเข้มงวด ชาวบ้านหลายคน ไปแล้วเข้าฟังไม่ได้ "ไม่มีบัตร ไม่มีสิทธิ์"
ต้องที่ศาลากลางจังหวัดชัยภูมิถึงจะแน่ นอกจากจะเข้าฟังสะดวกแล้ว ยังมีอาหารมังสวิรัติ เลี้ยงเสียอีก ญาติธรรม ที่นั่น เข้มแข็งมากจริงๆ ผู้ว่าฯ ก็ไปร่วมฟัง และ ร่วมรับประทาน อาหารด้วย "กินเขา ก็สนับสนุน ให้เขาถูกฆ่านั่นเอง" เป็นคนปรารภของ ท่านผู้ว่าฯ ใครๆในโต๊ะอาหาร ได้ยินกันทั่ว
เรื่องชักชวน ให้กินมังสวิรัติ ตอนนี้ง่ายมาก ไม่ต้องชวน เขาก็เห็นดีได้ด้วยตนเอง ยากตรงที่ทำยังไง จะให้มีร้านอาหาร มังสวิรัติเยอะๆ ทำยังไง จึงจะอธิบาย ให้เขาทำ อาหารมังสวิรัติ ที่อร่อยๆได้ เพราะยังติด รสชาติอยู่
ที่ชวนยากที่สุด กลับเป็นครูของตัวเอง ครูผู้หญิงที่ท่านเคยพร่ำสอนมา เมื่อสมัยเกือบ ๓๐ ปีก่อนโน้น เป็นครูที่สอน คณิตศาสตร์ ได้เข้าใจ แจ่มแจ้งที่สุด เจอที่ไหน ยังมีความห่วงใยศิษย์ เหมือนเดิม ท่านลา ออกจากราชการ หลายปีแล้ว เพื่อปฏิบัติธรรม ไปไหนๆ ก็นุ่งผ้าถุงสีดำ ใส่เสื้อสีขาว ผมเผ้าหน้าตา ปล่อยธรรมดาๆ
พบท่านบนรถไฟสายอีสาน ยังไม่ทันเอ่ย ท่านก็ขอร้องเสียแล้ว ด้วยได้ยินกิตติศัพท์ อยู่ตลอดเวลา ขอร้องให้เลิกพูด เรื่องมังสวิรัติ เพราะกระทบกระเทือน คนอื่น ท่านพูดแข่ง กับรถไฟ จนเสียงแหบ ใกล้ถึงสถานี ก็ช่วยท่านลำเลียงของ เตรียมลง ท่านขนอาหารแห้ง ไปถวายพระหลายกล่อง ยังกับจะไปเปิดร้าน ขายอาหาร พบปลาแห้ง อยู่กล่องหนึ่ง อดทักท้วงท่านไม่ได้ ผลก็คือ ท่านทนไม่ได้ เอื้อมมือมาตีที่แขนเบาๆ หนึ่งที เหมือนตีนักเรียนเล็กๆ
ท่านลงจากรถไปแล้ว ด้วยความเป็นห่วง ลูกศิษย์คนโปรด ท่านอุตส่าห์เดินมากระซิบ ตรงช่องหน้าต่าง เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนรถไฟ จะเคลื่อน จากสถานีไป
"จำไว้นะจำลอง
(ท่านเอ่ยชื่ออย่างเมตตา) อย่าไปพูดเรื่อง การกินเนื้อสัตว์ การกินหมาก การสูบบุหรี่ ซึ่งพระบางองค์ ท่านยังทำอยู่ ครูเป็นห่วงเธอจัง เชื่อครูเหอะ"
พูดไปแล้ว เขียนก็แล้ว อัดเท็ป ทำสไลด์ธรรมะก็แล้ว ทีนี้มีอาชีพใหม่ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ มีหนังสือ เชิญไป ให้วิจารณ์ตำรา "การบริหารเชิงพุทธ" ซึ่งแต่งโดย อาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ เนื่องในงานฉลอง ๒๐๐ ปี รัตนโกสินทร์ ที่ห้องประชุม ของสถาบันฯ เนื่องจากเป็นอาชีพใหม่ จึงต้องเตรียมเต็มที่ โดยมีพระท่านช่วย
ที่เคยเห็นมา เวลาวิจารณ์ หนังสือ มีคนเข้าร่วมฟังเพียงสิบ ยี่สิบ แต่วันนั้นผิดคาด มีถึงแปดสิบกว่าคน ร่าเริงกันดี ทั้งคนวิจารณ์ คนถูกวิจารณ์ และคนฟัง เราก็ย่อยเสียเมื่อไหร่ จุกจิกจู้จี้ วิจารณ์ดะไปหมด ก่อนะจบคำวิจารณ์ ก็ติ แม้กระทั่งปก
"อาจารย์ครับ ภาพหน้าปกนี่ ผมไม่เข้าใจ มีภาพพระพุทธรูปอยู่ที่มุมบนซ้าย เปล่งรัศมี ฉายลงมาที่นักธุรกิจคนหนึ่ง ใส่เสื้อนอก หิ้วกระเป๋าใบหรู มีบุหรี่คาบอยู่ที่ปาก ถ้าเป็นนักบริหารชาวพุทธจริง บุหรี่ที่ปาก ต้องเอาออกครับ"
ตุลาคม 2525
อ่านต่อ ตอน ๓ |