สภาปิดไปแล้ว ปิดพร้อมๆกับการตกไป ของกฎหมายสองฉบับ ที่ประชาชนให้ความสนใจ ร่วมกันต่อสู้ คัดค้าน เป็นประวัติการณ์
เดือนธันวาคม ๒๕๒๔ ประเทศไทยได้สร้างความแปลกใจแก่ชาวโลก ที่สนใจเรื่องนี้ ด้วยการที่วุฒิสมาชิก ออกเสียงยังยั้ง ด้วยคะแนนเสียง ถึง ๑๔๗ : ๑
ที่จริง ชัยชนะในครั้งนั้น ในสายตาของผู้ร่วมกันคัดค้าน ไม่แปลกประหลาดเท่าใดเลย เพราะต่างก็มุมานะ อุตสาหะ พยายามเป็นอย่างยิ่ง ที่จะยับยั้งไว้ ให้จงได้ เห็นว่าผิดชัดๆ อยู่แล้ว ทั้งทางโลก และทางธรรม ถ้ายังขืนปล่อย ให้ออก เป็นกฎหมายได้ ก็เกินไป
ระดมเขียนจดหมาย คนละสิบๆร้อยๆฉบับ ส่งไปถึง ส.ส.และวุฒิสมาชิก ทั้งๆที่พวกเรา หลายต่อหลายคน ตลอดปี ตลอดชาติ ไม่เคยคิด จะเขียนจดหมายเลย ทำถึงขนาดนั้นแล้ว ยังไม่ชนะอีก ก็เกินไป
พระสงฆ์หลายรูป หลายวัด หลายจังหวัด ทนอยู่ไม่ได้ ทั้งๆที่นักการเมืองบางคน บางพรรค ได้ตะโกนปาวๆ ตีวงกั้นว่า กฎหมายดังกล่าว เป็นเรื่องของ นักการเมือง นักกฎหมาย เท่านั้น พระไม่เกี่ยว ศาสนาอย่ามายุ่ง
ยังผลให้พระผู้ใหญ่บางรูป หลงลม นิ่งงันไปตามๆกัน แต่ก็หาได้สะกดพระทั้งหมดไว้ได้ไม่ ทั้งเทศน์ ทั้งเขียน เตือนสติ นักการเมือง และประชาชน ทั้งหลาย โดยไม่หวั่นเกรง โทษภัยใดๆเลย ลงพระอยู่เฉยๆ ไม่ได้ ต้องโดดออกมา ช่วยฆราวาส คัดค้านเป็นจำนวนมาก ถึงขนาดนั้นแล้ว ยังจะพ่ายแพ้อีก ก็เกินไป
กฎหมายทำแท้งเสรี ทำลายศีลทั้ง ๕ ข้อ ของศาสนา ที่คนค่อนประเทศนับถืออยู่ ปล่อยให้ลอยนวล ผ่านสภาไปได้ ก็เกินไป เสียชื่อสภา ของประเทศ ที่มีศาสนาใหญ่ๆ ของโลก ตั้งมั่นอยู่ และเสียชื่อสภา ของประเทศ ที่ได้รับการยกย่องว่า เป็นศูนย์กลาง พุทธศาสนาของโลก
คงจะต้องจดจำไปนานเท่านานว่า ศาสนาคริสต์และอิสลาม มีบทบาทมากมาย ในการคัดค้านครั้งนี้ ได้ออกแถลงการณ์ โต้ตอบ อย่างตรงไป ตรงมา อย่ามากันท่า เสียให้ยาก ว่าไม่เกี่ยวข้อง กับศาสนา ฟังไม่ขึ้น เป็นไรก็เป็นกัน ลงว่าทั้งพุทธ คริสต์ อิสลาม ได้ร่วมมือ ถึงขนาดนี้แล้ว ยังเอาชนะไม่ได้ ก็เกินไป
เมื่อกฎหมายถูกวุฒิสมาชิกยับยั้ง ต้องทิ้งไว้ ๖ เดือน แล้วกลับไปให้สภาผู้แทนฯ ไตร่ตรองด้วยความ รอบคอบ อีกครั้ง ถ้ายืนยัน ความเห็นเดิมว่า จะออกมาเป็นกฎหมาย ให้ได้ จะต้องมีคะแนน ไม่ต่ำว่าครึ่ง ของส.ส.ทั้งหมด คือ ๑๕๑ เสียงขึ้นไป จะเอาชนะ โดยเสียงข้างมากอย่างเดียว เหมือนครั้งก่อน ไม่ได้แล้ว
หลังจากวุฒิสมาชิกยับยั้งได้สองเดือน ก็มีประจักษ์พยานยืนยันว่า เราคิดถูก ทำถูกแล้ว ที่อเมริกา มีการเดินขบวน ขอให้ประธานาธิบดียกเลิก หันมาเดินตามหลังไทย ปัจจุบันของไทย เป็นอนาคตของอเมริกา ได้เหมือนกัน
ขบวนการที่เสนอกฎหมายทำแท้งเสรีของไทย ก็เหมือนๆกับขบวนการ ในประเทศอื่นๆ คือ สู้ยิบตา ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ได้เสนอกฎหมาย เข้าสภาผู้แทนทันที เมื่อครบ ๖ เดือน ตามกำหนด เข้าบรรจุวาระ ต่อจากกฎหมายอื่นๆ ที่คั่งค้างอยู่ คราวนี้ฝ่ายผู้เสนอ ใช้ความรอบคอบ ยิ่งกว่าเดิม คอยจ้องจังหวะ อยู่ทุกขณะ ที่จะขอเลื่อน กฎหมายทำแท้งเสรี ขึ้นมาพิจารณา ก่อนกฎหมายอื่น เพราะถ้าทิ้งไว้เฉยๆ หมดอายุของสภาแล้ว ก็ยังพิจารณาไม่ถึง จะตกไปโดยปริยาย
แต่เมื่อนับคะแนนเสียงแล้ว ก็ไม่ได้เสียงสนับสนุน ๑๕๑ เสียงแน่ เพราะประชาชน ระดมเขียนจดหมาย ไปคัดค้านกัน มากมายเหลือเกิน ชนิดที่ ไม่เคยปรากฏมาก่อน เลยไม่กล้าขอเลื่อน ขึ้นมาพิารณา ปล่อยเอาไว้ ให้แพ้ไป อย่างเงียบๆ เราฝ่ายคัดค้าน ก็นึกกันว่า จบเรื่องกันเสียที สภาปิดสมัยประชุม สามัญไปแล้ว
และแล้วโดยไม่มีใครคาดมาก่อน มีการเปิดสภาสมัยพิเศษขึ้นมา ใกล้ๆกับที่จะหมดอายุสภา กฎหมาย ทำแท้งเสรี จึงฟื้นคืนชีพขึ้นมา อีกครั้งหนึ่ง ฝ่ายเสนอ เห็นเสียงของพวกตน กำลังขึ้น ใช้วิธีพวกมาก ลากไป เอาชนะการแก้ไข รัฐธรรมนูญ ในตอนต้นๆ ได้อย่างสบาย เลยรีบเสนอกฎหมาย ทำแท้งเสรี เข้าสภาอีก แล้วก็คอยจ้อง จะขอเลื่อน ขึ้นมาพิจารณา ก่อนกฎหมายอื่นๆอีก
แต่วันแล้ววันเล่า เสียงสนับสนุนก็ไม่พออยู่ดี เลยปล่อยให้ตกไปอย่างเงียบๆ และอย่างสุดแสนเสียดาย เป็นการแพ้ อย่างราบคาบ เพราะสภา ปิดไปแล้ว คราวนี้ปิดโดย ไม่เปิดจริงๆ เมื่อเลือกตั้งเข้ามาใหม่ จะรื้อฟื้นเรื่องนี้ ต้องเริ่มต้นใหม่หมด ยากมาก ส.ส.เก่า คงจะเข้าสภาอีกหลายคน แต่ละคน ได้รับฟัง ความคิดเห็น จากประชาชน โดยถ้วนทั่วแล้ว
เหมือนกับจะเป็นการย้ำอีกเป็นครั้งที่สองว่า สิ่งที่เรารู้คัดค้านนั้น ถูกต้องแล้ว เมื่อประมาณเดือนกว่าๆนี้เอง ที่อเมริกามีการเดินขบวนครั้งใหญ่ อีกครั้งหนึ่ง ขอให้รัฐบาล เลิกกฎหมายทำแท้งเสรี ตัวตั้งตัวตี ในการเดินขบวนเป็นหมอ หมอคนเดียวกับที่เป็น หัวหน้าเสนอกฎหมาย ทำแท้งเสรี เข้าสภาสหรัฐ เมื่อหลายปี ก่อนนั่นเอง หากกฎหมายผ่านสภาเมืองไทย คุณหมอที่หนุนกฎหมายทำแท้งเสรี อาจจะกลายเป็น โจรกลับใจเหมือนกันก็ได้
นักต่อสู้ผู้ยิ่งใหญ่ของโลกคนหนึ่ง กล่าวไว้ว่า เราจะประสพผลสำเร็จ อย่างใหญ่หลวง เมื่อมีศัตรูที่ร้ายกาจ และมีมิตรที่ซื่อสัตย์
ฝ่ายเสนอกฎหมายดังกล่าวร้ายกาจมาก พยายามฉกฉวยโอกาส ใช้ความได้เปรียบทุกวิถีทาง ที่จะผลักดัน กฎหมายทำแท้ง ออกมาให้ได้ ส่วนพี่น้อง ประชาชน ทุกเพศ ทุกวัย ทุกศาสนา ทั่วทุกภาค ของประเทศ ก็เป็นน้ำหนึ่ง ใจเดียวกัน ไม่ทิ้งกัน ไม่หนีกัน ร่วมคัดค้าน จนถึงที่สุด ทั้งสองประการ จึงก่อให้เกิด ความสำเร็จ ที่ยิ่งใหญ่
ประวัติศาสตร์จะต้องจารึกไว้ชั่วลูกชั่วหลานว่า เราได้ร่วมกันต่อต้านกฎหมายวิตถารไว้ได้ อย่างน่าชื่นชม ซึ่งฝ่ายเสนอเอง ก็ใฝ่ฝัน จะให้จารึก เป็นประวัติศาสตร์ เช่นกัน ได้กฎหมายนั้น มาเป็นของขวัญ แก่ปวงชน ชาวไทย เนื่องในโอกาส ครบรอบ ๒๐๐ ปี ของกรุงรัตนโกสินทร์ ถึงขนาดได้กล่าว ความภาคภูมิใจ นี้ไว้ล่วงหน้า ในต่างประเทศ ด้วยความมั่นใจว่า กฎหมายนั้น ต้องผ่านแน่ๆ
กฎหมายอีกฉบับหนึ่ง คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นเผด็จการยิ่งขึ้น เกี่ยวข้องกับการเมืองโดยตรง เราก็ได้เอาชนะมาแล้ว อย่างน่าดู เช่นกัน ทำลายสถิติ การรณรงค์ ต่อต้านกฎหมายทำแท้ง มีคนเขียน จดหมายคัดค้าน หลายหมื่นฉบับ
ชัยชนะในการพิจารณากฎหมายทั้งสองฉบับนั้น เป็นเครื่องยืนยันว่า ชีวิตนี้ยังมีหวัง ธรรมะสามารถ ชนะอธรรมได้ อย่างน่าพิศวง หรือใครไม่เชื่อ จะหาเรื่องดีๆ อย่างนี้มาลองอีก ก็ยังได้
มีนาคม ๒๕๒๖
อ่านต่อ ตอน ๑๔