ทุเรียนกำลังชุก ไปที่ไหนเจอแต่ทุเรียน แม้ปีนี้จะไม่ดกมากเหมือนบางปีก็ตาม ทุเรียนยังคงครอง ความเป็นหนึ่ง อยู่เสมอ
วันก่อน เห็นคนจนๆ ยืนออกันรอบรถขายทุเรียน หยิบใบละสิบ ใบละยี่สิบ ขึ้นมานับแล้วนับอีก เพื่อรวบรวมซื้อกิน ให้จงได้ แม้มันจะแพงกว่า ผลไม้อื่นๆมาก
เห็นแล้วสงสาร เราก็เคยเป็นอย่างนั้นเหมือนกัน ชอบกินทุเรียนเป็นชีวิตจิตใจ อย่างน้อยให้ได้ลิ้ม เศษของทุเรียน โดยกินข้าวเหนียว น้ำกะทิทุเรียนบ้าง ไอติมทุเรียนบ้าง ก็ยังดี
"หัดยังไง ได้ยังงั้น" เป็นคำที่แม่เทศน์เราเสมอๆ โดยเฉพาะ ตอนไหน ชักจะเริ่มมีนิสัยไม่ดี ขี้เกียจทำงาน หรือชอบหนีไปเล่น หมากรุก หามรุ่งหามค่ำ อยู่ที่ร้านตัดผม
"หัดยังไง ได้ยังงั้น" ถ้าเราเองไม่หัดกินทุเรียนมาก่อน คงไม่ยุ่ง
คิดไปคิดมา เราโง่เอง อร่อยอะไรกันนักเชียว ผ่านปากผ่านท้องเข้าไป ออกมาก็กลายเป็นของเสีย ของเหม็น เหมือนกันหมด ยิ่งทุเรียนด้วยแล้ว เหม็นยิ่งนัก
แล้วเราก็นั่งกิน นั่งหลง นั่งติดอยู่ได้ ปีแล้วปีเล่า ถ้าไม่ใช่หน้าทุเรียน กินทุเรียนกวนก็ยังดี
นึกแล้วโมโหตัวเอง มีแขน มีขา มีปัญญา แต่แพ้อยู่เรื่อย จะแน่แค่ไหนเชียว ลองสู้ดูสักตั้ง ทุเรียนกับคน ใครจะแน่กว่ากัน
เลิกทันที หยุดกันเสียที ข่มใจ ข่มกาย ไม่แตะ ไม่ต้อง เข้าปีที่สองแล้ว ไม่เห็นมันตาย "อดข้าวหรอกนะเราชีวิตวาย ไม่ตายหรอกเพราะอดทุเรียน" ใครจะเอื้อเฟื้อ หาทุเรียนเนื้อดี แค่ไหนมาให้ เราก็เอาไปให้คนอื่นต่อ อย่างหน้าชื่น ตาบาน "ผมเป็นทางผ่านของทุเรียน"
หัดยังไง ได้ยังงั้น"
ตอนเล็กๆ แม่อีกนั่นแหละ เคี่ยวเข็ญให้กินข้าวมากๆ กินขนมน้อยๆ กินขนมก่อนกินข้าวก็ไม่ได้เลย ใฝ่ฝันไว้ว่าเมื่อโตขึ้น สิ่งแรกที่จะทำ คือกินขนมมากๆ กินข้าวน้อยๆ
ขนมเย็นๆชอบที่สุด อย่างเช่น น้ำแข็งกด ที่เอาน้ำแข็งไส มากดใส่ถ้วยให้แน่น เอาไม้เสียบตรงกลาง ราดด้วยน้ำหวาน สีเขียว สีแดง อร่อยเหลือเกิน ไปเที่ยวงานไหน ก็งานนั้น อดไม่ได้ ต้องเร่เข้าไปซื้อ
"หัดยังไง ได้ยังงั้น"
จากน้ำแข็งกด ต่อมาก็เลื่อนเป็นไอติมแท่ง ตัดสินไม่ถูกว่า ระหว่างไอติมถั่ว กับไอติมทุเรียน ชอบอย่างไหนมากกว่ากัน อยู่ชั้นมัธยม พ่อค้าที่โรงเรียน ใช้วิธีโฆษณาแปลก ใครซื้อไอติม แท่งหนึ่ง ก็แถมเบอร์ให้ใบหนึ่ง
สมัยนั้น อะไรๆก็เอามาออกเบอร์ ออกหวย มีทั้งนาฬิกา ปากกา วิทยุเล็กๆ
มีสตางค์เป็นต้องตามซื้อ ซื้อปั๊บ มีความสุขทันที ฝันเป็นตุเป็นตะ เอาเองว่าถูก แล้วก็ถูกกินเรียบ ไม่ว่าจะเป็น หวยนาฬิกา หวยปากกา หวยวิทยุ แต่กลับไปถูกหวย ที่ไม่เคยฝัน คือ หวยไอติม เบอร์ที่เก็บๆ เอาไว้จากการซื้อไอติม ถูกเลขท้าย รางวัลที่ ๑ ได้กินไอติมฟรี หนึ่งเดือน เต็มๆ ช่างน่าตื่นเต้น และมีความสุข เสียนี่กระไร
จากไอติมแท่ง ก็หันมาชอบไอติมฝรั่ง โตมากแล้วจบเป็นนายทหารแล้ว ก็ยังติด ไปนอกทีไร เมื่อกลับที่พัก ต้องซื้อมาเป็นกล่องๆ ใส่ตู้เย็นไว้กิน วันละสามมื้อ มีทุกสี ทุกชนิด กินอย่างนั้น จนกว่าจะกลับเมืองไทย
ไปเวียดนาม อายุเข้ากลางคนแล้ว ก็ยังหลงยังติด กินมื้อละสองจาน จานใบใหญ่ๆ ที่ใส่ข้าวนั่นแหละ ใครเห็นเป็นต้องกลัว กินเข้าไปได้ยังไง อยู่เวียดนาม กินไอติม เท่าไหร่ๆ ก็ได้ เพราะเขาแจกฟรี
พอมาเลิกกินไข่ ไอติมก็ต้องเลิกกินไปด้วย (ดูเหมือนจะมีไอติมกะทิอย่างเดียว ที่ไม่ใส่ไข่) เดี๋ยวนี้เห็นไอติมแล้วไม่ได้กิน ก็เหมือนกับเห็นทุเรียน ไม่ได้ทุกข์ร้อน ผ่านท้อง ออกมาแล้ว ก็กลายเป็นของเสีย ของเหม็นเหมือนกัน
"หัดยังไง ได้ยังงั้น"
เป็นนักเรียนเตรียม เครื่องแบบต้องโก้ ใส่แป้งรีดเรียบเปี๊ยบ แข็งโป๊ก กางเกงรีดแล้ว วางกับพื้น แทบจะยืนตั้งได้เอง เสื้อผ้ายับสักนิด ใจจะพลอยยับตามไปด้วย
เตารีดใช้ไฟมากที่สุด มากเท่ากับเปิดไฟฟ้า ๒๐ แรงเทียนพร้อมกัน ๕๐ ดวง แล้วยังตั้งหน้าตั้งตา รีดผ้ากันอยู่ได้ เลยหันมาใส่เสื้อผ้า ไม่ต้องรีดเสียบ้าง ใส่ไปๆ ก็รู้สึกเฉยๆ
"หัดยังไง ได้ยังงั้น"
แต่ก่อน อะไรจะขี้เกียจเหมือนเรื่องซักผ้าเป็นไม่มี อยากใส่เสื้อผ้าสวยๆ อาทิตย์ละเยอะๆ แต่ใส่แล้ว ไม่อยากซัก จ้างคนมาซักบ้าง แม่บ้านซักบ้าง มีขยันซัก อยู่ตอนเดียว คือ ตอนไปอยู่เมืองนอก
เย็นลงก็เอาผ้าใส่ถุง เดินไปร้านปากตรอก มีเครื่องซักผ้าทันสมัย เรียงรายเป็นสิบๆ เครื่อง เอาผ้าใส่ เอาผงซักฟอกใส่ หยอดเหรียญ แล้วก็นั่งกินขนม มองผ้า ที่ถูกเครื่อง หมุนไป เหวี่ยงมา เป็นของเล่นของผู้ใหญ่ ที่น่าพิสมัยอย่างหนึ่ง
ไม่ใช่แต่เราเท่านั้นที่ชอบ แม่บ้านก็ชอบเหมือนกัน ซื้อเครื่องซักผ้าเก่าๆ ที่ยังใช้ได้ดี ราคา ๓๐๐ บาทเท่านั้น ซักกันใหญ่ ทุกอาทิตย์
ตอนกลับเมืองไทย ไม่ได้เอามาด้วย ต้องตามไปขอซื้อจากเพื่อนๆใหม่เอี่ยม เครื่องละหมื่นกว่า ซักเสร็จบิดให้เสร็จ แสนจะสบาย
ไม่สบายตอนที่ใช้ๆไปแล้ว เกิดขัดข้อง ต้องซักด้วยมืออีก ไม่ได้จ้างคนมาทำงานบ้าน เลยต้องซักเอง ผ้าใครใครซัก ใหม่ๆ ก็ทุกข์ ซักๆ ไปก็เฉยๆ นึกสนุกเสียด้วย เดี๋ยวนี้ ถ้ามีเวลาว่าง รวบรวมไว้เพียง วันสองวันก็ซักแล้ว จนภรรยาออกปากว่า ขยันซักเหลือเกิน
"หัดยังไง ได้ยังงั้น"
ยังมีอะไรดีๆ ที่ยังไม่ได้ฝึก ไม่ได้หัดอีกเยอะ อยู่ที่ว่าเราจะฝึก เราจะหัดหรือไม่
"หัดยังไง ได้ยังงั้น"
มิถุนายน ๒๕๒๖
อ่านต่อ ตอน ๑๗