3
๒๐. แก้สังคม
 
 
 
page: 20/21

๒๐ แก้สังคม

พระคุณเจ้า นักศึกษา ท่านสาธุชนผู้ใฝ่ธรรมครับ ครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกที่ผมได้มีโอกาสได้มาร่วมอภิปราย ณ หอประชุม มหาวิทยาลัยศิลปากร แห่งนี้ น่าดีใจครับว่า ที่ท่านผู้ฟัง ได้มาฟังกัน อย่างอุ่นหนาฝาคั่ง ถึงขนาด ต้องมีเก้าอี้เสริม น่าดีใจ ที่คนรุ่นใหม่ ได้มีความรู้สึกนึกคิด จัดการอภิปราย หัวข้อเรื่องนี้ขึ้นมา แล้วก็น่าดีใจ ต่อไปว่า มหาวิทยาลัย ที่อยู่ใกล้กับ มหาวิทยาลัยแห่งนี้ ก็ดำริกำหนด ที่จะมีการอภิปราย หัวข้อนี้เหมือนกัน คือ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

เมื่อวานนี้ ชมรมพุทธ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็มาพูดกับผม บอกว่า แหม ไม่น่าเป็นไปได้เลยว่า ทำไม ถึงใจตรงกัน ธรรมศาสตร์กับศิลปากร กำหนดหัวข้อ เหมือนกันเปี๊ยบเลย จะพูดกัน ในวันพุธ ที่ ๒๗ กรกฎาคมนี้ เวลา ๑๖.๓๐ น.

ก็ไม่น่าแปลกอะไรหรอกครับ มหาวิทยาลัยที่เขาอยู่ไกลกัน เขายังใจตรงกันได้ นับประสาอะไร กับมหาวิทยาลัย ที่อยู่รั้ว ใกล้ๆกัน จะใจตรงกันไม่ได้ นี้เป็นนิมิตหมายที่ดี สำหรับ คนรุ่นใหม่ ซึ่งกำลัง เป็นคนที่ อยู่ในวัยแสวงหา แสวงหาว่าอะไรคือ ความถูกต้อง แสวงหาว่า ศาสนาพุทธนี้ จะแก้ปัญหา สังคมได้ไหม ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น พระสงฆ์ ไม่ว่าจะเป็น ฆราวาสก็ตาม น่าจะให้การอนุเคราะห์ แก่คนรุ่นใหม่

นักศึกษาที่ได้ศึกษาเกี่ยวกับสังคมมา คงจะทราบโดยแน่ชัดนะครับว่า นักวิชาการทางสังคม ไม่ว่าทั้งไทย ทั้งเทศ ได้ให้ความหมาย ของปัญหาสังคม ไว้คล้ายคลึงกัน หลายต่อหลายคน อย่างเช่น บอกว่า "ปัญหาสังคมนั้น ก็คือ สภาวะ ที่กระทบกระเทือน กับคนกลุ่มหนึ่ง ในแนวทางที่คนกลุ่มนั้น ไม่ต้องการ และมีความรู้สึกว่า จะต้องมีการแก้ไข อย่างใด อย่างหนึ่ง"

ในบ้านเมืองเรานี้นะครับ ได้มีการประชุมสัมมนาปัญหาสังคมมากมาย ก่ายกอง ประชุมแล้ว ประชุมเล่า นับครั้งไม่ถ้วน อย่างเช่น เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๑ คณะกรรมการวิชาการ ของสภาสังคมสงเคราะห์ แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ก็ได้มีการประชุมสัมมนา ในปี ๒๕๑๙ และ ๒๕๒๒ เมื่อปี ๒๕๒๒ ประชุมสัมมนา ในที่ไม่ไกล จากที่นี่ครับ คือ ที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ในครั้งนั้น ได้ชี้ปัญหาสังคมไทยไว้ว่า ปัญหาสังคมไทยใหญ่ๆ มี ๕ ปัญหา ปัญหาแรก ก็คือ ความยากจน ปัญหาที่ ๒ การว่างงาน ปัญหาที่ ๓ คือ การศึกษา ปัญหาที่ ๔ คือ ยาเสพติด และปัญหาที่ ๕ ก็คือ ปัญหา ของเด็กและเยาวชน ได้มีการสัมมนากันมาตลอด จนแทบจะกล่าวได้ว่า ถ้าจะหาเรื่องสัมมนา ที่พูดกันได้ ๗ วัน ๗ คืน ท่านว่า ให้หาเรื่อง ปัญหาสังคมไทยมาพูด

ปัญหาสังคมไทยมีเยอะแยะ มีปัญหาเพราะอะไรครับ เพราะว่าเราตั้งหน้าตั้งตา ที่จะเห่อตะวันตก เราตั้งหน้าตั้งตา ส่งคนไปเรียนมา ทุกมุมโลก ทุกสาขา แล้วคิดเอาว่า นั่นแหละ สามารถจะมา แก้ปัญหา สังคมไทยได้ แต่แล้วเป็นอย่างไรครับ ขณะนี้เราเต็มไปด้วย นักวิชาการ มากมายก่ายกอง วันแล้ววันเล่า เดือนแล้วเดือนเล่า ปีแล้วปีเล่า เราก็ยังแก้ปัญหาไม่ได้ แต่อยู่ใกล้ตัว เราไม่ได้เอามา คิดเลยครับว่า พระพุทธศาสนานี่แหละ ที่จะแก้ปัญหา สังคมไทยได้

เมื่อปีกว่าๆ องค์กรทางพุทธศาสนาบางองค์กร โฆษณาเป็นการใหญ่ว่า เราจะต้องแก้ปัญหาโลกให้ได้ นั่นแหละครับ เขาคิดไปถึงปัญหาโลก จะต้องทำให้โลก มีสันติภาพ ทั้งๆที่เมืองไทย ยังไม่มีสันติภาพเลย ทั้งๆที่ครอบครัว อีกหลายครอบครัว ยังไม่มีสันติภาพ

พระพุทธเจ้าท่านสอนนักสอนหนาว่า การแก้ปัญหาให้เริ่มจากตัวเรา เริ่มจากกาย กว้างศอก ยาววา หนาคืบ เริ่มจากที่นี่ไป อย่าไปคิด ให้มากมาย เสร็จแล้ว แก้ปัญหาไม่ได้ คุยฟุ้งกันไป ประชุมกัน ๗ วัน ๗ คืน แล้วแก้อะไรไม่ได้เลย

เดือนนี้เป็นเดือนอาสาฬหะ ท่านผู้ฟังทั้งหลาย คงจะทราบนะครับ วันอาสาฬหบูชา คือวันอะไร วันที่ พระพุทธองค์ เริ่มแก้ปัญหาของสังคม ใช่ไหมครับ พระพุทธองค์ สำเร็จการศึกษา ด้วยตนเอง เมื่ออายุ ๓๕ เสร็จแล้ว ท่านก็ดับขันธ ปรินิพพาน เมื่ออายุ ๘๐, ๔๕ปี เป็น ๔๕ ปีของการแก้ปัญหาสังคมทั้งสิ้น เพราะว่า ท่านหมดปัญหาแล้ว ในตัวท่าน ท่านตรัสรู้แล้ว แก้ปัญหาของตัวเองหมดไปแล้ว ตั้งแต่อายุ ๓๕ เหลืออีก ๔๕ ปีเป็นการแก้ปัญหาสังคม ทั้งสิ้น

ท่านทั้งหลาย อาจจะนึกไปนะครับว่า อ๋อ นั่นเป็นการแก้ปัญหาสังคมของอินเดียนี่ วันนี้เราไม่ได้มาพูดถึง การแก้ปัญหา สังคม ของอินเดีย เรามาพูดกันถึง การแก้ปัญหา สังคมของไทย แล้วเราจะใช้พระพุทธศาสนา แก้สัมคมไทย ได้อย่างไร

ท่านคงยังไม่ลืมนะครับ เพิ่งผ่านมา ๒ เดือนกว่าๆ เท่านั้นเอง ลองย้อนระลึกไปถึงวันแรก ที่เขารับตำแหน่ง รัฐมนตรีกันครับ มีกิจกรรมใหญ่โต ออกหน้า ออกตา แพร่ภาพ ทางโทรทัศน์ แพร่ภาพทางหนังสือพิมพ์ มากมายก่ายกองเลย เป็นงานใหญ่ นะครับ ไม่ว่ากระทรวงไหน ก็ทำเหมือนๆกัน งานอะไรครับ งานที่ รัฐมนตรีว่าการ ชวนรัฐมนตรีช่วยว่าการ มาพร้อมหน้า พร้อมตา พร้อมทั้งผู้ใหญ่ในกระทรวง เขาทำอะไรกัน เขาจัดพิธีบวงสรวง

กระทรวงไหนมีศาลพระภูมิก็บวงสรวงศาลพระภูมิ กระทรวงไหนมีศาลพระพรหม ก็บวงสรวงศาลพระพรหม กระทรวงไหน มีทั้ง ๒ ศาล ก็บวงสรวงทั้ง ๒ ศาล แล้วเราล่ะครับ ในฐานะที่ หลายต่อหลายคน อยู่ใน ภาวะแสวงหา ไม่รู้ว่าศาสนาพุทธ ที่แท้จริง คืออะไร เราก็คิดว่า อ๋อ นั่นเขาเป็นผู้หลักผู้ใหญ่นะ เขาเรียน มามาก ทำงานมามาก จนกระทั่ง ได้รับการแต่งตั้ง เป็นรัฐมนตรี อ๋อ นี่คือ ศาสนาพุทธ

เราดูต่อไปอีก นับตั้งแต่วันแรก ในการเข้ารับตำแหน่ง เขาทำอะไรครับ ทำกิจการใหญ่อยู่ ๔ อย่าง เปิด, ปิด, แจก, รับ นี่คือ หน้าที่รัฐมนตรี ผู้ใหญ่ ในบ้านเมือง เปิดอะไรท่านก็รู้ ปิดอะไรบ้างก็รู้ คนนั้นไปเปิด คนนี้ไปปิด วุ่นวายไปหมด เปิด ปิด แจก รับ ทำกันอยู่อย่างนี้ตลอด คนที่ไม่ได้สนใจ ในพุทธศาสนา ก็เห็นว่า เอ๊ะ การเปิด การปิด การแจก การรับ มีพิธีกรรม ทางพุทธศาสนา เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยนี่ เห็นอย่างนั้น แท้ที่จริงแล้ว ไม่ใช่ครับ ก็เลยไปนึกว่า อ๋อ พิธีกรรม ที่เกี่ยวกับการเปิด ปิด แจก รับ เป็นเรื่องของ พุทธศาสนาทั้งนั้น

น่าเห็นใจนะครับ น่าเห็นใจพระพุทธศาสนา ที่มีอายุมากว่า ๒,๕๐๐ ปีแล้ว พระพุทธศาสนา มีลักษณะ คล้ายๆ กลองโบราณ ซึ่งมีชื่อว่า กลองอานกะ ใช้ไปๆ ไม้ก็ผุ หนังก็พัง ไม้ผุ เปลี่ยนไม้ หนังผุเปลี่ยนหนัง ผุตรงไหนเปลี่ยนตรงนั้น เปลี่ยนไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง กลองใบนี้ ทั้งหนังทั้งไม้ ไม่มีอานกะ เหลืออยู่เลย เหลือแต่ชื่อเท่านั้น ศาสนาพุทธก็เช่นกันครับ ถ้าปล่อยให้เพี้ยนไปๆ อีกหน่อย ก็จะเหลือแต่ชื่อเหมือนกัน

พระพุทธองค์ไม่ได้ฝากศาสนาไว้กับพระคุณเจ้า อย่างพระมหาณรงค์ หรือพระคุณเจ้าหลายรูป ที่นั่ง อยู่ข้างหลัง ไม่ใช่นะครับ ท่านฝากไว้กับ ๔ บริษัท ซึ่งท่านทั้งหลาย ก็ทราบอยู่แล้ว เราในฐานะที่ยังไว้ผม ยังนุ่งกระโปรง นุ่งกางเกงอยู่ เรามีหน้าที่ ที่จะต้องรักษา พุทธศาสนา ไม่ให้ผิดเพี้ยนไป

ผมอยากจะเรียนยืนยันกับท่านสาธุชนทั้งหลายนะครับว่า ศาสนาพุทธนี้สามารถแก้ปัญหาสังคมไทยได้ ผมจะเรียน กับท่านอย่างไรดี ในเวลาอันน้อยนิดนี้ นึกอะไรไม่ออก ผมต้องกราบนมัสการ ขออนุญาต พระคุณเจ้า พระมหาณรงค์ อาจารย์ ส.ศิวรักษ์ และอาจารย์จำนงค์ ทองประเสริฐ ผู้ดำเนินการอภิปราย ยกเอาเรื่องตัวเอง ขึ้นมาพูด

ในฐานะเป็นฆราวาสคนหนึ่ง จะเรียกว่า ครึ่งพระครึ่งคน หรืออะไรก็แล้วแต่ ได้ทำอะไรไปบ้างแล้ว ที่สามารถยืนยันได้ว่า แก้ปัญหาสังคมไทย โดยใช้พุทธศาสนา

ถ้าเราสามารถแก้ปัญหาของแต่ละคนได้ หลายๆคน มารวมกันเป็นสังคม เราก็แก้ปัญหาสังคมได้ ใช่ไหมครับ เราลองปฏิบัติ ที่ตัวเราเองก่อน

จากการอ่านตำรับตำรา ตำราพระพุทธศาสนาเล่มไหนๆ เหมือนกันหมดครับ พระพุทธเจ้าสอนอะไร สอนให้ละกิเลส ไม่ได้สอนให้ไป บวงสรวง พระภูมิ ไม่ได้สอน ให้ไปบวงสรวงพระพรหม พุทธประวัติทุกเล่ม บอกไว้ตรงกันว่า เจ้าชายสิทธัตถะ เป็นลูกกษัตริย์ พรั่งพร้อมไปด้วย ทรัพย์ศฤงคาร มากมาย ก่ายกอง มีปราสาท ๓ ฤดู สละออกมา ละลดมาเรื่อยๆ มาเป็นคนกินน้อย ใช้น้อย กินวันละมื้อ นอนโคนต้นไม้ นอนพื้นแข็งๆ สามารถแก้ปัญหาตัวเองได้ แก้ปัญหาสังคม ของโลกได้

สมัยหนึ่งพระพุทธองค์เสด็จประทับ ณ เชตวนาราม ใกล้กรุงพาราณสี มีพราหมณ์คนหนึ่ง มาถามพระองค์ว่า เป้าหมายของพระพุทธศาสนา อยู่ที่ไหน พระองค์ตอบว่า อยู่ที่การหลุดพ้น คือ หลุดพ้นจากกิเลส หลายคน กลัวนะครับ "อย่าพูดๆ พูดยังงี้ เดี๋ยวหลุดพ้นไปจริงๆ แล้วไม่สนุก นิพพานนั้น อย่ามาพูดกันเลย ไม่ไหว ใช้ไม่ได้ แก้ปัญหา อะไรไม่ได้" เป้าหมายของพุทธศาสนา คือนิพพาน เรายังเดินไปไม่ถึงนิพพาน เพราะว่า การปฏิบัติของเรา ยังร่องแร่งๆอยู่ ยังไม่สามารถ ทำจริงๆ จังๆได้ ก็เดินไปเถอะครับ ยังดีกว่าไม่เดินเลย เดินไปไกลเท่าใด ก็จะลดความเห็นแก่ตัว ได้เท่านั้น แก้ปัญหาตน ปัญหาสังคมได้เท่านั้น

การละลดตามรอยพระพุทธองค์ คือการแก้ปัญหา แต่ก่อนนี้ ผมเหมือนกับท่านทั้งหลาย หลงใน ๓ เรื่อง ที่ท่านพุทธทาส ท่านได้บอกไว้คือ กิน กาม เกียรติ พร้อมเลยครับ เรื่องกิน ไม่ต้องพูดถึง เรื่อกาม เรื่องการ อยากได้ใคร่ดี อยากได้ อยากมี อยากเป็น ก็อยากเสียเหลือเกินครับ ที่เข้าโรงเรียนนายร้อย ก็เพราะอยากมีเงิน มียศ

ต่อมาก็เห็นว่า เป้าหมายที่แท้จริงของเรา ไม่ใช่นะ ไม่ใช่การมียศสูงสุด มีเงินมากที่สุด มีอะไรมากที่สุด ไม่ใช่ พระพุทธองค์ไปสู่ ความหลุดพ้นได้ ด้วยการละลด เท่านั้น มิฉะนั้นแล้ว อยู่ปฏิบัติธรรมในวัง แวดล้อมไปด้วย เครื่องบำเรอ ต่างๆก็ได้ ไม่จำเป็นที่จะต้อง ออกไปจากวัง ให้เหนื่อยยาก ลำบากลำบน

ตอนผมเป็นวุฒิสมาชิก โชคดีเหลือเกิน ได้นั่งอยู่ท่ามกลางพลเอก พลเรือเอก พลตำรวจเอก ที่นั่งของผม แปลกนะครับ แวดล้อมไปด้วย เอก ๆ ๆ ทั้งนั้น ผมก็เหลียวไปดู ไปสนทนา กับนายทหาร นายตำรวจ ใหญ่ๆบ่อยๆ ท่านก็แค่นั้น มีแต่ความทุกข์ เอ ผมยังสุขกว่าตั้งหลายเรื่อง ถึงแม้จะเป็นแค่ นายพันเท่านั้น ผมปฏิบัติธรรม เคร่งยิ่งๆขึ้น ถือศีล ๕ ศีล ๘ กินมื้อเดียว หลังจากมื้อนั้นแล้ว ก็ดื่มน้ำเปล่า เท่านั้น

ใครจะหาว่าผมออกจะล้ำหน้าพระบางองค์ก็แล้วแต่ พระพุทธองค์ไม่ได้เป็นกรรมการ ตัดสินฟุตบอล ที่กำหนดไว้ว่า ฆราวาสปฏิบัติธรรมได้แค่นี้นะ อย่าเลย จากนี้ไป ตถาคต จะเป่าปรี๊ดว่า ฆราวาสล้ำหน้า ไม่เป็นอย่างนั้นครับ ทำไปเถอะครับ พระท่าน ไม่ได้ว่าอะไรเลย

เมื่อฆราวาสทำแค่นี้ พระมาเห็นแล้ว โอ้โฮ เขายังทำมาหากินอยู่นะ เราเลี้ยงชีพอยู่ด้วยก้อนข้าวของชาวบ้าน เรามีศีลสูงกว่า เราต้องทำให้เหนือกว่าเขา ทั้งพระและฆราวาส ต่างก็เร่งรัดปฏิบัติธรรม ให้ยิ่งๆขึ้นไป แก้ปัญหา ตัวเราเองได้ แก้ปัญหาสังคมได้

ขณะนี้ผมได้ทำมาพอสมควร แต่ยังอยู่ห่างไกลจากพุทธสาวกอีกมาก ก็ไม่ท้อถอยครับ พยายามเหลียวไป ข้างหลังว่า ยังมีอะไร ที่ดีอีก ก็เอามาทำ ทำไปอย่างนี้เรื่อยๆ แก้ปัญหาตัวเอง ได้ครับ แต่ก่อน เป็นคนขี้โลภ โกงน่ะไม่โกงหรอกครับ แต่ตระหนี่มาก เขามีการสอบคัดเลือก ไปเรียนเมืองนอก ก็สอบกับเขา สอบแล้วก็ได้ เพราะว่าเ ป็นคนเรียนเก่ง เขามีการสอบคัดเลือก ไปรบที่เวียดนามก็สอบ เพื่อไปเที่ยวบ้าง ซื้อของบ้าง เก็บเงินบ้าง สะสมไว้ สามารถมีที่ดิน มีตึกสองชั้นได้ตั้งแต่ เป็นร้อยเอกแน่ะครับ เราก็นึกว่า ทำอย่างนี้ได้ ยอดแล้ว

เมื่อมาปฏิบัติธรรมมากขึ้นๆ กินน้อย ใช้น้อย ลดความเห็นแก่ตัวได้เรื่อยๆ ก็เห็นทุกข์ ปัดธ่อ เรานี่มันโง่ พระพุทธองค์ มียิ่งกว่าเราอีก ท่านยังสละบ้าน สละเมือง แล้วเราล่ะ เกิดมาในตระกูลที่ยากจน พยายาม กระเหม็ดกระแหม่ เหลือเกิน ไม่ว่าจะไปเรียนเมืองนอก หรือไปรบ เมืองนอกก็ตาม เก็บหอมรอมริบมา เพือสร้างโน่น สร้างนี่

เงินไม่พอปลูกก็ต้องไปกู้หนี้ยืมสินเขา บ้านก็ทำความสะอาดไม่ไหว อยู่กันสองคน มีห้องนอนหลายห้อง ห้องน้ำหลายห้อง เพียงแต่ทำความสะอาด เฉพาะห้องนอน ห้องน้ำ ก็ไม่ต้อง ทำอะไรกันแล้ว เสาร์อาทิตย์ ก็ยังโง่ไปนั่งขุดหญ้า ที่ขึ้นแซมหญ้า ราคาแพงๆ สนามของฉัน จะต้องเรียบที่สุดในซอย ต้องจ้างคน มาช่วย ทำสวน ทำงานบ้าน ไม่รู้จะโง่ ไปถึงไหนกัน พอไปวัด เห็นกุฏิพระ ปัดธ่อ แค่แมวดิ้นตายเท่านั้น ท่านสุข กว่าเรา แล้วเรื่องอะไร เราจะไปโง่ จึงได้ลดลงมา เลื่อนฐานะ จากบ้าน ๒ ชั้น เหลือชั้นเดียว ก็มีความสุข มากขึ้น

แต่ก่อนนี้ผมมีอารมณ์ฉุนเฉียวมาก เอาแต่ใจตัว ใจร้อน รอใครไม่ได้ เวลานัดกับใคร เมื่อถีงเวลานัดแล้วไม่มา บางครั้งโมโห ถึงขนาด ขับรถชน ขอบซีเมนต์ ที่เขากั้นต้นไม้ ประตูพังไปเลย พอมาปฏิบัติธรรม ละลด มาเรื่อยๆ ความฉุนเฉียวก็น้อยลง เรื่องกิน กาม เกียรติ ก็น้อยลงๆ เมื่อผมไม่มี ปัญหาแล้ว ผมก็เอาเรื่องที่ผมรู้ ผมเห็น ผมทำมานี่ ไปแก้ปัญหาของสังคมได้ เวลาไปพูดที่ไหนก็ตาม สามารถช่วยเขา แก้ปัญหาได้

สามีภรรยาหลายคู่นะครับ ที่ทำมาหากินไม่พอใช้ ทั้งๆที่ตัวเองมีเงินพอสมควร ผมก็เอาตัวเอง ไปยกตัวอย่าง "คุณกับผมนี่ ใครจนกว่ากัน คุณกินกี่มื้อ หลายมื้อ คุณดื่มเหล้า สูบบุหรี่หรือเปล่า ทำ คุณนอนที่นอน หรือเปล่า นอน โอ้โฮ คุณรวย กว่าผมตั้งเยอะ คุณหันมาทำอย่างผม แล้วคุณจะมีเงินเหลือ ตั้งเยอะแยะ" เขาหันมาทำ เขาก็สามารถ แก้ปัญหาได้

แม้กระทั่ง การเผยแพร่อาหารมังสวิรัติ ผมก็ไม่ได้พูดแต่ปากนะครับ พูดแล้วตัวเองทำด้วย กินมังสวิรัติ เผยแพร่มังสวิรัติ มีเวลา ก็ไปช่วยที่ร้าน มังสวิรัติ สวนจตุจักร ซอย ๔ และที่ หน้าร้านค้าของ อตก. ย่านพหลโยธิน

อาหารมังสวิรัติแก้ปัญหาอาหารระดับชาติ และระดับโลกด้วย ปี ๒๕๒๔ ธนาคารโลก รายงานว่า เมืองไทย ซึ่งเป็น ๑ ใน ๖ ของประเทศ ทั้งหมดในโลก ที่สามารถ ส่งผลิตผล ทางเกษตร ออกไปขาย ไปเลี้ยงชาวโลกได้นั้น เด็กตายเพราะขาดอาหาร ถึงปีละ ๓๕,๐๐๐ คน ส่วนผู้ใหญ่ ไม่ต้องไปพูดถึงนะครับ ทำไมจะไม่ขาด อาหารล่ะ ก็ยังมีความรู้สึกว่า ชีวิตนี้ขาดเนื้อไม่ได้ จะตายไปต่อหน้าต่อตา

วันนี้เอาคนตัดผมเกรียนๆมาพูดในลักษณะ ยถาวาที ตถาการี พูดอย่างไร ทำได้อย่างนั้น ผมไม่กินเนื้อสัตว์ มาแปดปีแล้ว ยังอยู่ได้ ก็ไปบอกกับ ชาวไร่ชาวนา คนที่มีรายได้น้อย ไม่เป็นไร เราไม่มีตังซื้อเนื้อสัตว์ไม่เป็นไร กินถั่ว กินงา กินผักเข้าไปเถอะ แต่ผมไม่ได้หมายความว่า ให้กินถั่วเหลือง จนกระทั่ง หน้าเหลือง เหมือนถั่ว ไม่ใช่นะ ถั่ว, ผัก สามารถทำอะไรได้ ตั้งหลายอย่าง เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ก็พูดออกโทรทัศน์ช่อง ๙ ไปแล้ว ใครต้องการ ใครอยากจะทราบอีก ก็สอบถามได้ครับ

ไม่จำเป็นจะต้องไปซื้อเศษเนื้อเศษหมูมา ๑ ขีด แล้วก็มากินทั้งครอบครัวเป็นอาทิตย์ ซื้อปลามาตัว ขยำกินกัน ๕ จาน เพราะความยากจน ส่วนถั่วเหลือง ถั่วอะไรๆ ปลูกเท่าไหร่ ก็เอาไปขายเขาหมด ให้เขากำไรไป ตัวเองก็มานั่งกิน เศษเนื้อเศษปลา แล้วทำไม จะไม่ขาดอาหารล่ะครับ

ถ้าไม่มีเงินจะซื้อเนื้อ ก็หันมากินมังสวิรัตินะครับ เพิ่มความเมตตาด้วย ประหยัดด้วย เกิดประโยชน์ ต่อร่างกาย มีโอกาส ที่จะเป็นโรคภัยไข้เจ็บ น้อยกว่ากินเนื้อสัตว์

ตอนที่ผมเป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้เป็นกรรมการพัฒนาชนบทแห่งชาติ ก็ได้เสนอต่อท่านนายกฯ ซึ่งเป็นประธาน กรรมการ พัฒนาชนบทแห่งชาติ เสนอว่า ที่เราวางแผนมา ๔ แผน รวมทั้งหมด ๒๐ ปี พัฒนาไม่ได้ผล เพราะอะไร เพราะเราไม่เน้นเรื่อง การพัฒนาจิตใจ การพัฒนาจิตใจ ท่านก็ทราบนะครับว่า ไม่มีอะไรดีกว่า การใช้พระพุทธศาสนา

จะด้วยเป็นเพราะเขาจงใจจะเขียนอยู่แล้ว หรือจะด้วยเป็นเพราะว่ายอมรับผมในที่ประชุมครั้งนั้น ก็สุดแท้แต่เถอะครับ เขาได้บรรจุลง ไปในแผน พูดถึงเรื่อง การพัฒนาจิตใจ ในแผนพัฒนาสังคม และเศรษฐกิจแห่งชาติ ฉบับที่ ๕ อยู่ ๖ บรรทัด ในแผนทั้งหมด ๔๓๓ หน้า เพราะฉะนั้น เชื่อเถอะครับว่า ปัญหาสังคมไทย ยังคงต้องมีต่อไป

ผมรู้สึกว่าจะพูดมานานแล้ว เห็นท่านผู้ดำเนินการอภิปรายมองแล้ว มองอีก ผมขออนุญาต จบไว้แค่นี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวจะไปเบียดบังเวลา ของผู้อภิปราย ท่านอื่น

(คำอภิปรายของ พ.อ.จำลอง ศรีเมือง เรื่อง "พระพุทธศาสนากับการแก้ปัญหาสังคมไทย" อภิปรายร่วมกับ คุณ ส.ศิวรักษ์ อาจารย์จำนงค์ ทองประเสริฐ และพระมหาณรงค์ จิตตโสภโณ ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๒๖)

(ทางสามแพร่ง เล่ม ๒ หน้า ๑๒๙ - ๑๓๘)

อ่านต่อ ตอน ๒๑ จบ

ทาง ๓ แพร่ง เล่ม ๒ ตอน ๒๐ แก้สังคม