ชีวิตนี้มีปัญหา... โพธิรักษ์
ถาม[4] คำถามจาก :คุณชลัย (ไม่บอกที่อยู่)
๑. ทำอย่างไรจึงจะมีสมาธิดี เวลาเรียนหนังสือไม่มีสมาธิเลย
คอยแต่จะคิดเรื่องอะไรไม่รู้ร้อยแปด บางทีเขียนหนังสือ มือก็เขียนไปตามความเคยชิน
แต่ใจลอยไปไกล หรือบางทีชั่วโมงพิมพ์ดีด มืออยู่บนแป้นนิ้วก็กดจิ้ม
ๆ ไป แต่ใจกับคิดถึงเรื่องอื่น คิดถึงคำพูดของคนนั้นคนนี้ เป็นอย่างนี้ตลอดเวลา
ดิฉันพยายามจะตั้งสมาธิให้แน่วแน่ แต่ก็ไม่สำเร็จ คุณคงคิดว่า
ดิฉันคงมีเพื่อนผู้ชายมาก จึงได้ชอบคิดมีแต่เรื่องคิด ดิฉันขอบอกว่า
ดิฉันคงมีเพื่อนผู้ชาย
ก็มีแต่เฉพาะเพื่อนในห้องเรียนเดียวกันเท่านั้น
ไม่เคยมีความสัมพันธ์กับใครเป็นพิเศษ และการคิดของดิฉัน ก็ไม่เกี่ยวกับเพื่อนผู้ชาย
ตามปกติดิฉันเป็นคนขรึม เก็บตัว ชอบอยู่คนเดียวเงียบ ๆ ไม่ชอบสนุกสนานรื่นเริงกับคนอื่น
และไม่ชอบคบผู้ชาย การคิดของดิฉันจึงไม่เกี่ยวกับเพื่อนชาย แต่จะชอบเก็บคำพูดของใครต่อใครมาคิด
บางทีคำพูดนี้ ก็ผ่านหูมาตั้งนาน แต่ก็เก็บมาคิด บางทีก็คิดเกี่ยวกับ
การกระทำของคนอื่น บางทีเวลาทานข้าว มองเม็ดข้าว แล้วก็คิดเรื่อยไป
จนลืมตักข้าวเข้าปากก็มี บางทีนึกถึงชื่อใคร ๆ แล้วก็คิดว่า
เอ
ทำไมเขาจึงชื่อนั้นนะ ใครตั้งให้ทำไมเขาจึงตั้งอย่างนั้น
..
?
คุณชลัย เล่าไปอีกยาว แต่รวมความแล้วก็คือ เกิดฟุ้งซ่านไปเรื่อยหยุดนิ่งไม่ได้
อุบายในการจะทำสมาธิ หรือไม่ฟุ้งซ่านไปกับความคิดให้มากนั้น
ก็มีอยู่ว่า ผู้ต้องการสมาธินั้นจะต้องเลือกหาอะไรสักอย่างเป็นหลักยึดความคิด
และหลักยึดนั้น จะต้องง่าย สั้น พร้อมทั้งเต็มไปด้วยสิ่งที่มีศรัทธาในตัวเสียด้วย
เช่น คุณจะยึดเอาคำว่า พุทโธ เป็นหลักในการยึดความคิด คุณก็พยายามดังนี้
เมื่อจะคิดอะไร จะฟุ้งซ่านไปไหน คุณก็พยายามตัดใจ หรือพยายามมีสติตัดความคิดฟุ้งซ่านอื่นให้ได้
ให้หันมาหาคำว่า พุทโธ คำเดียวเท่านั้น ในคำว่า พุทโธ นี้
คุณก็จงกำหนดภาพขึ้นเสียด้วยว่าเป็นภาพพระพุทธรูปองค์เดียวที่คุณเคยเห็น
องค์ใดก็ได้หรือลูกแก้ว ภาพนิมิตอะไรอันหนึ่ง คุณเกิดคิดเรื่องอื่นนอกจากเรื่องนี้เมื่อไร
ก็ให้รีบใช้สติตัดเรื่องนั้น ๆ ให้ได้ หันมาหารูปพระพุทธรูป
และขานคำว่า พุทโธ ในใจอยู่เรื่อยๆ ทำดังนี้เสมอๆ ก็จะเป็นการฝึกสมาธิได้
นี่เป็นวิธีฝึกสมาธิแบบสากลทั่วไป ซึ่งพอใครศึกษาก็รู้ได้ไม่ยากเย็นเห็นลึกอะไร
และจะให้ดี คุณก็พยายามทำดังนี้ด้วย คือ ในขณะใดที่คุณทำกิจสิ่งใด
ให้คุณตั้งใจสั่งตัวเองก่อนลงมือเสียก่อน ยืดอกหายใจยาวลึก แล้วก็สั่งตัวเองว่า
ต่อไปนี้ฉันจะ(สมมุติว่าจะพิมพ์ดีด) พิมพ์ดีดแต่อย่างเดียวจะไม่คิดอื่นอีกเลยเป็นอันขาด
บอกตัวเองช้า ๆ ชัด ๆ ในใจ สัก ๓ ครั้ง แล้วก็ลงมือทำ คุณจะค่อย
ๆ ดีขึ้นทันตาเห็นทีเดียว แรกๆ อาจจะยังไม่ค่อยดี แต่พอทำไปสักหลายๆ
ครั้ง คุณก็จะดีขึ้นแน่นอน
๒. ทำอย่างไรจึงไม่มีความกังวล การมีความกังวลนี้ก็เหมือนกัน
มันทรมานมาก พอตื่นนอนขึ้นมา ก็เริ่มกังวลแล้วว่าจะทำงานทันไหม
บางทีรีบทำงานเร็ว ก็มีเวลาเหลือก่อนไป โรงเรียนมาก ก็รีบแต่งตัวไว้ก่อน
ถ้ายังมีเวลาเหลือ ก่อนโรงเรียนเข้าอีกมาก ก็นั่งอ่านหนังสือฆ่าเวลาอยู่ที่บ้าน
ดิฉันไม่ชอบไปคอยที่โรงเรียน เพราะที่โรงเรียนวุ่นวาย หนวกหู
อ่านหนังสือไป ตาก็คอยมองนาฬิกาบ่อย ๆ ถ้าวันหยุดมีเหตุการณ์ต้องออกนอกบ้าน
เช่น นัดพบเพื่อน ถ้าทำอะไรเพลินไป ก็ต้องสะดุ้ง รีบมองนาฬิกา
อาการของ ดิฉันชักจะหนักขึ้นทุกวัน เป็นที่เดือดร้อนกันทุกๆ
คนในบ้าน คุณพ่อกับพี่ๆ บังคับให้ดิฉันไปหาจิตแพทย์ แต่ดิฉันไม่ยอมท่าเดียวเพราะกลัวหมอ
คุณว่าดิฉันจะเป็นบ้าเหมือนอย่างทุกคนที่บ้านดิฉันกลัวไหมคะ
ดิฉันคิดว่าถ้าดิฉันมีวิธีตัดเจ้าความทุกข์ทั้งสองนี้ทิ้งไปเสีย
ดิฉันก็คงจะเป็นสุขขึ้นมาก ?
เหตุในข้อ ๒ นี้ คุณจะต้องตัดให้ได้ก่อนจะลงมือกระทำในข้อ ๑
คือ คุณไม่มีความแน่ใจในตัวเอง ที่จริงคุณมีพื้นอุปนิสัยดีมาก
ตามที่คุณเล่ามานี้ ดังนั้น การจะควบคุมส่วนที่คุณคิดว่าเป็นทุกข์นี้หมดไปได้
จึงไม่ยากเลยสำหรับคุณ คุณเป็นคนใฝ่ดีอยู่ทุกทางอยู่แล้ว ดังนั้นคุณต้องอย่ากลัวว่าตัวเองจะเป็นคนผิด
คนพลาด คนไม่ดี ให้มากนัก ทำใจให้สบาย ทำกิจอันพึงทำของเราด้วยสติธรรมดาๆ
นี่แหละ แล้วก็หัดทำ หัดฝึกตามข้อ ๑ ดังที่ข้าพเจ้าได้แนะนำแล้ว
ลองดูสัก ๑ เดือนผ่านไป คุณจะเห็นผลว่าคุณดีขึ้นจริงๆ หากแม้ได้ทำแล้วยังมีอันใดข้องใจอยู่
ถามข้าพเจ้าไปใหม่ ขอให้คุณพ้นทุกข์ทั้ง ๒ ข้อนั้นเทอญ |