เม็ดทราย ๓๓ เล่ม ๔


ความรักนี้มีโทษ
ความโกรธนั้นมีทุกข์
ทุกข์ที่ใจ...โกรธแล้วจะโทษใคร
ทุกข์ที่ใจ...ใจนี้มีรัก
ยากนักจะไม่มี
มีแล้วก็โกรธ เป็นโทษเป็นทุกข์
ต้องหาบ ต้องหาม ต้องหวง
ความหลอกลวงมายา
มายา มายา มายา มายา มายา
มายา มายา มายา มายา มายา
มายา มายา มายา มายา มายา
มายา มายา มายา มายา มายา
แต่เธออย่าสิ้นหวัง

วิโรจน์
15 กันยายน 2529


 

อย่าสิ้นหวัง

เกิดมาทำไม ? เกิดมาทำไม ?
ชีวิตที่มีเป้าหมาย
ชีวิตที่มีอุดมการณ์
อุดมการณ์แห่งการพ้นทุกข์
อุดมการณ์แห่งการข้ามฝั่ง วัฏสงสาร
ตราบใดสำนึก...ตราบใดรำลึก
ทุกลมหายใจเข้า ทุกลมหายใจออก
แม้ท้อแท้ในบางขณะ
แม้สิ้นหวังในบางคราว
แต่มันจะมีอิทธิพลต่อเราได้ ก็แค่จอกแหน
จอกแหนที่หวั่นไหวกระจาย ในบึงใหญ่
ชะงักสักครู่ พลันกลับร่วมรวมพลัง อีกวาระ
เกิดมาทำไม ? เกิดมาทำไม ?
หากมีอุดมการณ์สีขาว
ชีวิตจะเริ่มขยับเคลื่อน
ลดบริการความสุขในตน
เพิ่มการเกื้อกูลต่อผู้อื่น
ได้เสียสละเป็นบุญ ได้ช่วยเหลือเป็นสุข
บุคคลเช่นนี้ มีหรือจะสิ้นหวัง
สักวัน...จะเย้ยฟ้าท้าดิน ให้ปรากฏ !

ใต้ร่มอโศก

สารอโศก "อย่าสิ้นหวัง" ฉบับที่ 1 ปีที่ 7(10) กันยายน 2529


 

คนจนผู้ยิ่งใหญ่

คนจนผู้ยิ่งใหญ่
อยู่ที่ใดใจเปี่ยมสุข
ด้วยรู้เท่าทันทุกข์
จนเงินไซร้ใช่จนทาง

"คนจนผู้ยิ่งใหญ่"
เป็นไฉนขอเอ่ยอ้าง
"คานธี" คือแบบอย่าง
ผู้มักน้อยและกล้าจน

ข้าวของเพียงจำเป็น
มิตามเต้นหอบหามขน
กอปรกิจเพื่อมวลชน
อย่างจริงใจกาย-วจี

ทั่วโลกจึงยกย่อง
พร้อมรับรองสมศักดิ์ศรี
เพราะท่านทำแต่"ดี"
จนเป็นที่เลื่องลือไกล

แม้องค์พระศาสดา
ทิ้งเวียงมานอนโคนไม้
ตราบวันดับขันธ์ไป
เงินแม้นิดมิติดกาย

สองพันห้าร้อยปี
คุณความดีมิสูญหาย
พระนามก้องกำจาย
ประทับไว้ในโลกา

"คนจนผู้ยิ่งใหญ่"
ใช่เป็นได้ง่ายหนักหนา
ให้แรงกายปัญญา
ทั้งต้องกล้าจนทรัพย์จริง

เลิกละและขยัน
พร้อมสร้างสรรให้เก่งยิ่ง
น้อมรับคำท้วงติง
ปรับปรุงตนทุกหนไป

ช่วยเหลือเจือจุนท่าน
ไม่เลือกชั้นวรรณะไหน
ให้เขาพึ่งตนได้
พร้อมจูงใจให้ใฝ่ "ธรรม"

คนจนผู้ยิ่งใหญ่
ผิวเผินไซร้อาจนึกขำ
แต่หากลงมือทำ
จะซึ้งค่าผู้"กล้าจน"



บนเส้นทางสายนี้...
ทุกสิ่งที่ไหลผ่านเข้ามา แม่ พี่ น้อง หมา แมว เขา
ทุกสิ่งทุกอย่าง คือสายธารที่ไหลหลาก
คือบทเรียน เพื่อให้ชีวิตโตขึ้น

บนเส้นทางสายนี้
ไม่มีสิทธิ์ไขว่คว้า หยิบฉวยจับจอง... เรามามือเปล่าเปล่าใช่มั้ย
มาทำความดี ทิ้งไว้บนโลกต่างหาก... แล้วจากไปด้วยมือเปล่า เช่นที่มา
แต่จะมีจิตวิญญาณ ที่สูงบริสุทธิ์ขึ้น... จากบทขัดเกลาทุกข้อ ที่โลกมอบให้
แม้เจ็บปวดสุดทน... จากความพลัดพราก
ที่หลงยึดทุกสิ่งเป็นของเรา... ต้องมาปล่อยคลายใจที่โมหะ
พร่ำสอนตนต่อแต่นี้

ความทุกข์จากความพลัดพรากสิ่งรัก
คือบทเรียนแห่งสภาวะที่จะเข้าถึง
ไม่มีอะไรเป็นของเราเลยในโลกนี้
ทุกสิ่งคือสายธารที่ไหลผ่าน
สอนเราให้สูงขึ้นเท่านั้นจริงจริง

บนเส้นทางสายนี้
อันมีพระมหาโพธิสัตว์เจ้า เป็นเป้าหมาย
คือรางวัลแห่งความดี
ที่พระเจ้าได้มอบให้

บนเส้นทางสายนี้
ชีวิตเหมือนสายฟ้าแลบ
ชีวิตสั้นนิดเดียวจนใจหาย
ชีวิตจึงคือการเรียนรู้ทุกอย่าง

มนุษย์สีขาวปฏิบัติธรรม


 

ไก่รวยไก่จน

ยังมีไก่ผู้สองตัว ขนหงอนงามทั่ว เกิดร่วมครอกเดียวกันมา
เติบใหญ่ใคร่เป็นฝั่งฝา คือหาภรรยา เพื่อเป็นคู่คิดคู่ใจ
เจ้าเคยร่วมทางกันไป เที่ยวหานางไก่ ฝากรักด้วยช่อบุปผา
ครั้นแล้วต่อแต่นั้นมา ต่างแยกมรรคา ส่วนใจยังใฝ่ผูกพัน

วันหนึ่งทั้งสองพบกัน เข้าจับมือสั่น "เพื่อนเอ๋ย เพื่อนเป็นอย่างไร
เพื่อนล่ะ เป็นไง หมายถึงครอบครัวของเธอ"
"ก็เรียบร้อยดีดอกเกลอ" "ดีใจด้วย เออ" ต่างเล่าทุกข์สุขสู่กัน
ทั้งคู่ต่างได้เมียขวัญ เป็นคู่ชีวัน แนบชิดสนิทมิจาง

ตัวหนึ่งไปได้นวลนาง คมขำสำอาง มิหนำยังซ้ำร่ำรวย
เดิมคิดว่าโชคอำนวย บุญหนุนนำช่วย อย่างไรคงไม่อดตาย
อยู่ไปชักไม่สบาย เพราะเมียแสนร้าย ทั้งเจ้าอารมณ์ข่มผัว
ผัวต้องเสงี่ยมเจียมตัว หุบปากเหมือนกลัว ไม่อยากวิวาทบาดหมาง

อีกตัวประสบพบนาง ไม่สวยสำอาง กับทั้งไม่สู้ร่ำรวย
ผัวชอบสิ่งใดเอออวย นิสัยดีด้วย จึงอยู่กันอย่างสุขสบาย
วันหนึ่งพบกันดังหมาย จึงกล่าวภิปราย ให้ญาติผู้ร่ำรวยฟัง
"ฉันนี้มีโชคดีจัง เพราะต่างยับยั้ง ผ่อนหนักผ่อนเบาเอาใจ
ถ้าไม่เช่นนั้นแล้วไซร้ คงสิ้นเยื่อใย ต้องเลิกหย่าร้างหมางหมอง
ไก่รวยฟังตรึกนึกครอง กล่าวถ้อยตอบสนอง "เธอทำถูกแล้วเพื่อนรัก
ปรองดองกันนี้ดีหนักหนา มีค่าสูงนัก ยิ่งกว่าทรัพย์สินมากหลาย"
จึงเริ่มนำเงินออกจ่าย เพื่อนฝูงทั้งหลาย ต่างมารับส่วนแบ่งปัน
เมียว่าอย่างไรไม่พรั่น แม้ต้องขาดกัน ก็ยอมเลิกได้ทันที
ทั้งสองเปลี่ยนจากมั่งมี เป็นจนถึงที่ ต่างต้องทำงานหนักเหลือ
ฝ่ายเมียรับจ้างซักเสื้อ ร่างขุ่นด้วยเหงื่อ แสนยากลำบากจำทน
ผัวรู้จักเรื่องเครื่องยนต์ อีกทั้งช่างกล จึงรับจ้างขับรถไฟ
ลำบากตรากตรำทำไป ได้เงินพอใช้ เพราะใคร่ตามอย่างญาติตน
ยามว่างโฉมเจ้านฤมล ชอบนั่งเล่นบน ชิงช้าใต้ต้นพฤกษา
ผัวรักผลักแกว่งไปมา ทั้งสองหรรษา สดชื่นระรื่นเริงรมย์

เมื่อลมหายใจคือเงินตรา
เมื่อนั้นคือมนุษย์สิ้นท่า
เมื่อลมหายใจคือคุณธรรม
เมื่อนั้นคือมนุษย์แห่งดวงดาวสันติภาพ
โลกกับธรรมทวนกระแส
ธรรมกับโลก ขัดแย้ง
สงคราม สงคราม... ธรรมาธรรมสงคราม
กองทัพสองจักรวาลเผชิญหน้า
ฝ่ายหนึ่งสะสม ลาภยศทรัพย์ศฤงคาร ...แม้แก่งแย่ง
เงินตราคือ ผลตอบแทนแห่งการงาน ...แห่งความดี
ฝ่ายหนึ่ง... สะสมความไม่มีลาภ ไม่มีทรัพย์สมบัติ
มักน้อยสันโดษในปัจจัยสี่
กินอยู่เพียงแค่ปากท้อง กระเพาะเล็กเล็ก
ส่วนเหลือแบ่งเจือจุนด้วยน้ำใจ
เขา ไม่มีอนาคต
เพราะอนาคตของเขา อยู่กับปัจจุบันนี้

กองทัพสองจักรวาลเผชิญหน้า
ฝ่ายหนึ่งร้อนระอุระบัดโชติ
ฝ่ายหนึ่ง เย็นสุขสงบสันติ
ใกล้เข้าไป ใกล้เข้าไป
กองทัพสองจักรวาล เตรียมปะทะ
ฝ่ายหนึ่งคนรวยผู้ยากไร้
ฝ่ายหนึ่ง คนจนผู้ยิ่งใหญ่ แห่งเอกภพ
ใต้ร่มอโศก

สารอโศก "คนจนผู้ยิ่งใหญ่" ฉบับที่ 2 ปีที่ 7(10) ตุลาคม 2529


 

สื่อสัจจะ

"สื่อสัจจะ" ปะทะต้าน สื่อมารสร้าง
สารสาระ จักส่องทาง สว่างไสว
ก่อประโยชน์ตน-ท่าน คู่กันไป
สื่อยุคใหม่ ใช้เป็นดาบ ปราบอวิชชา
"มวลหนังสือ" คือ สื่อ ที่ซื่อสัตย์
แพร่สะพัด กระจายธรรม นำคุณค่า
เปิดจักษุ ชนทุกชั้น ได้ปัญญา
ขอเพียงอย่า ตั้งอวดโก้ ในตู้โชว์
"เท็ปธรรมะ" สูง-กลาง-ต่ำ นำอรรถะ
ให้ลดละ กิเลส โลภโทสัน
รู้แนวทาง เพื่อปฏิบัติ ใช่คุยโว
ปลดห่วงโซ่ ที่ร้อยรัด ตัดวังวน
"วิดีโอ" ทุกเรื่อง สรรคัดแล้ว
ภาพแจ่มแจ๋ว มีสาระ ก่อกุศล
ยืมไปฉาย ช่วยได้ หลายหลายคน
บางท่านอาจ ได้มรรคผล บรรลุธรรม์
"ธรรมฉาย" นั้นไซร้คือภาพนิ่ง
ใช้เป็นสิ่ง สื่อสารได้ ไม่ผกผัน
พร้อมมีเท็ป เปิดบรรยาย ไปพร้อมกัน
พอเห็นภาพ เสียงก็พลัน บ่งบอกความ
"นิทรรศการ" แต่ละชุด สุดล้ำค่า
เชิญศึกษา ดูให้ดี อย่าผลีผลาม
เพราะผู้จัด มิมุ่งแค่ แต่สวยงาม
แต่ละภาพ แต่ละความ ลึกซึ้งนัย

"กำแพงข่าว" เปิดโลกทั่วทุกทิศ
แยกถูก-ผิด โลกวิทู รู้ทันสมัย
แยบคายรับ จับแม่นเป้า เข้าเส้นชัย
หมดสงสัย ในเรื่องโลก ไม่โศกตรม
นอกจากนี้มี "ต้นไม้" พูดธรรมะ
เป็นข้อคิด คลายโมหะ ที่สั่งสม
ร้อยคำพล่าน ฤาจะสู้ หนึ่งคำคม
ความขื่นขม อาจถูกปลิด หากคิดตรอง
"สื่อบุคคล" มีมรรคผล สำคัญสุด
สัตบุรุษ สื่อสัจจะ สู่ชนผอง
เป็นสื่อซึ่ง สูงค่า กว่าเพชรทอง
โลกเรืองรอง ถ้าคนดี มีมากมาย
"สื่อสัจจะ" เพื่อมวลชน ได้พ้นทุกข์
พบความสุข ด้วยแสงธรรม ประกายฉาย
สู่โลกใหม่ ก่อนที่ ชีวาวาย
เพราะหน่ายคลาย สื่อโลกีย์ ที่มารลวง

12 พฤศจิกายน 2529


สักวาหนังสือคือเพื่อนชีพ
คือประทีปส่องทางสว่างไสว
คือเครื่องทิพย์โอชาอาหารใจ
คือบันไดลงสู่ประตูทอง
คืออาภรณ์อำพันเลิศล้นค่า
คือศาสตราคมปลาบปราบภัยผอง
คือสมบัติอัศจรรย์อันควรปอง
คือผู้ครองคุ้มฉันทุกวันเอย

เป้าหมายของการถือศีล คือ นิพพาน
เป้าหมายของการทำงาน คือ การเสียสละ

"ดึกนี้ชีวีก็สั้นลง
ประสงค์สิ่งใดละในหล้า
ตื่นฟื้นเถอะเพ่งฌานปัญญา
อย่าให้นิทราฆ่าตัวตาย
หลงใหลแต่กินนอนสืบพันธุ์
วิญญาณนั้นสามัญเหลือหลาย
สิ่งประเสริฐเลิศล้ำมากมาย
เสาะแสวงได้สักสิ่งจริงฤา"

งูเขียว


สื่อสัจจะ

ตะวันธรรมเฉิดฉาย
สะบัดละอองรังสีลอยไกล...
ครอบคลุมทุกหย่อมหญ้า
ณ ที่ใดละอองธรรมร่วงหล่น
ย่อมสดชื่น เบิกบาน พ้นทุกข์
สีดำกลับกลายสีขาว
กลิ่นเหม็นพลันหอมหวาน
ละอองธรรมไปแล้ว... ไปแล้วพราวพร่าง
ประกาศชีวิตมักน้อยสันโดษ
กินน้อย ใช้น้อย
ไม่เปลืองวัตถุ ไม่ฟุ่มเฟือย ข้าวของแผ่นดิน
ลอยไป ลอยไป ละอองธรรมพลิ้วลอยไป
สถิตแห่งใด รุ่มร้อนผ่อนคลาย
ชีวิตเริ่มมีศีล มีสัจจะ... อุบัติลอยเด่น
มีการพากเพียรลดละ ไม่ท้อแท้
และมากมีน้ำใจ ไม่ขาดสาย
นั่นไง นั่นไง พลิ้วมาแล้ว ละอองธรรม
น้อมนำใส่หัวใจให้ได้ เร็วพลัน

ใต้ร่มอโศก

สารอโศก "สื่อสัจจะ" ฉบับที่ 3 ปีที่ 7(10) พฤศจิกายน 2529


 

รวมบุญ

จากหยดน้ำฝนทีละหยด
ร่วงหล่นกลายเป็นห้วงน้ำ กว้างใหญ่ลึกล้ำ
จากรากไม้ผนึกกำลังทั้งป่า
ประจงปล่อยเม็ดน้ำทีละเม็ด
กลับกลายเป็นสายน้ำตกอึงอล
เม็ดทรายเพียงแค่เม็ดเล็กเล็ก
ใครเลยจะคิดก่อกำแพง กั้นแผ่นฟ้า
ทีละน้อยทีละนิด
ทีละนิดทีละน้อย
สั่งสมไปไม่ท้อถอย
ความดีไม่เคยพอ
ความดีนั้นห้ามท้อ
เกิดเป็นคนต้องสั่งสม
"ผลกรรม" ต้องลงมือทำจึงจะได้
แววไวตื่นตัวต่อความดี
สะสม สะสม ให้สักวันเป็นสายธาร
ทำเถิด...ความดี
แม้จะยาก แม้จะขม
ธมโม หเว รกขติ ธมมจาริง
ธรรมย่อมรักษา ผู้ประพฤติธรรม
ประกาศธรรมให้เกริกไกร
สั่งสมธรรมให้เกิดอภินิหาร

ใต้ร่มอโศก
สารอโศก "รวมบุญ" ฉบับที่ 4 ปีที่ 7(10) ธันวาคม 2529-มกราคม 2530


 

กวีชีวิต

ปฐมอโศกนี้มีมนตรา
แดนดาราใหญ่น้อย คอยส่องแสง
มีดาวร้ายกวนนิดหน่อย คอยแทรกแซง
มีดาวแรงดาวค่อยดาวน้อยใจ
ดาวขาหักขาเกปนเปบ้าง
แต่ก็ยังอยู่ท่ามกลางสว่างใส
มีดาวยิ้มดาวยวนกวนหทัย
มีดาวไปดาวมาดาวกล้าลอง
มีดาวไถดาวเทียมเยี่ยมนรก
มีดาวตกดาวขึ้นฝืนผยอง
มีดาวรู้ดาวโง่โต้ทำนอง
มีดาวปองรักดาวดาวเศร้าใจ
มีดาวเด่นเผ่นโผนโจรบัณฑิต
มีดาวฮิตติดปากอัชฌาศัย
มีดาวดื้อดาวเง่างี่ดาวขี้อาย
ดาวอบายคือดาวหลบเข้าภพตน

อยากเป็นคนที่มีค่าอย่ายุ่งหญิง
เพราะเป็นสิ่งเสื่อมทราม นำเสียหาย
ชีวิตนี้มีค่าไม่ช้าก็ตาย
น่าเสียดายเวลาถ้ามีเมีย
ควรจะใช้ชีวิตอันนิดน้อย
กับงานย่อยงานใหญ่ให้หมดเสีย
ถ้าชีวิตมัวพะนอเคล้าคลอเคลีย
ไปกับเมียเสียคุณค่าชายชาตรี


 

ชีวิตสะอาด

อวิชชาเมื่อครอบงำ
ความไม่รู้เข้าครอบครองหัวใจ ..จิตวิญญาณ
มิได้นึก...รู้สึก
มิได้คิดถามตน... เกิดมาทำไม
บัดนั้น...และแล้ว
ชีวิตเริ่มร้อนร่าน แตกระแหง
เริ่มกระด้าง... เห็นแก่ได้
ชีวิตเริ่มสกปรกโสโครก
โลกแห่งอบาย ไม่รู้
กลับมัวเมาหื่นกระหาย
โลกแห่งกาม ไม่อาย ไม่รู้สึก
กลับหลงใหลรสอร่อย สุขจริงหนอ
โลกธรรมยิ่งแสนยากแท้จะเข้าถึง
เมื่อสุข คือ เป้าหมายของชีวิต เป็นสรณะที่พึ่ง
ไม่ไหวทันในความจริง... ในกฎแห่งไตรลักษณ์
สุขนั้นไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีตัวมีตน
แต่คนหลงสร้างด้วยอุปาทาน ยึดมั่นของตัว
ด้วยเหตุนี้ คนจึงโสโครก
คนจึงเป็นมนุษย์อสุจิ
"โมฆบุรุษ" พุทธองค์กล่าวเช่นนั้น
"บุคคลผู้ชิงหมาเกิด !"

ใต้ร่มอโศก
สารอโศก"ชีวิตสะอาด" ฉบับที่ 5 ปีที่ 7(10) กุมภาพันธ์ 2530


 


เทิดดอกบุญถล่มดอกเบี้ย
เมื่อค่าของเงินตราผงาดฟ้า
แผ่กรงเล็บจิกกระบาลชาวโลก !
ชีวิตใหญ่น้อยก้มสยบหัว...ศิโรราบ
ยอมทุกอย่าง แม้หยาบช้าก็ยินยอม
บัดนี้ที่พึ่งอันร่มเย็นกลับกลาย
ที่อ่อนกลับแข็ง ที่อุ่นกลับร่านร้อน
เงินทอง สรณัง คัจฉามิ
ไม่มีเงิน เราก็เหมือนสุนัขตัวหนึ่ง !
อนาถจริงหนอ
บัดนี้ ราคาของชีวิตตกต่ำ
ด้วยเหตุต่างลุ่มหลงคุณค่าเงินตรา
จนสุดท้าย ชีวิตกลับตีราคาวัดได้
เหล่าหนอนทะยานใส่กองอุจจาระฉันใด
เหล่ามนุษย์ทะยานแสวงหาลาภ ยศ ทรัพย์ศฤงคารฉันนั้น
ต่างคน ต่างชีวิต ต่างคิดเป็นผู้มั่งมี
แต่ใครกันสักกี่คนจะสมหวัง
แม้อาชีพบุญเก่าแก่ หล่อเลี้ยงพลโลก... ชาวไร่ชาวนา
ก็หลงใหลค่านิยมหายนะ ชวนใจหาย
ลงทุน ลงทุน ทุ่มทุนมากเข้าไว้
เพื่อหวังเสพสุขบั้นปลาย
ทุกอย่างจึงล้มเหลว อย่างไม่เป็นท่า
สุดปลายทางแห่งชีวิต บูชาเงิน
จึงประสบทุกข์เจียนตาย มิรู้วาย
ปลดปล่อยชีวิตอิสระ
พึ่งวัตถุให้น้อย เสียสละให้มากเข้าไว้
ก็ผู้นี้แหละจะรอดพ้น ดอกเบี้ยถล่มทับ !
ใต้ร่มอโศก



ถ่ายแล้วราดชาติหน้าจะผาสุก
ถ่ายแล้วลุกสะบัดก้นคนชาติหมา
ทิ้งกระดาษกลาดเกลื่อนเปื้อนนัยน์ตา
เกิดชาติหน้าอัปรีย์บัดสีจัง
ส้วมสะอาดถ่ายสบายใครก็ชอบ
ถูกระบอบอนามัยดังใจหวัง
ใครทำตามนี้ได้ชอบใจจัง
ไม่ผิดหวังส้วมสะอาดสวัสดี

ลอกจาก... ปั๊มน้ำมันศรีราชา เมืองชลฯ


ดอกงาน สำคัญกว่าดอกเงิน
หยดน้ำใจ ยิ่งใหญ่กว่าหยดน้ำเงิน
ดอกเบี้ยดอกผลย่อมเป็นพิษ
เมื่อคิดกำไรขูดรีดจากคนอื่น

สิทธิสัจจะ

สารอโศก "เทิดดอกบุญถล่มดอกเบี้ย" ฉบับที่ 6 ปีที่ 7(10) มีนาคม 2530

หน้า ๓๓

เม็ดทราย หน้า 30 | 31 | 32 | 33 | 34 | 35 | 36