เม็ดทราย
๓๐
ตื่นเถิดชาวกะลา
ก.กะลา มะพร้าว ชาวสวนได้
นำมาใช้ เรียกว่า ภาชนะ
ทำทัพพี ทวีชอน ช้อนกระจะ
กะโหลกลา กระบวย ถ้วยโถไทย
ขัน-กระดุม กุมภี มีหลากหลาย
ประดิษฐ์ได้ ต่อตัด อัชฌาศัย
พึ่งพกพา หาง่าย สบายใจ
พ้นพิษภัย ไม่มน หม่นมัวเมา
ไม่เหมือนมอง ของใช้ หลากหลายอื่น
ดูดาษดื่น ตื่นตาม ความขลาดเขลา
สวยสีสัน ตันแต่ง แสร้งซึมเซา
มอมมัวเมา เปาปน มนต์เคมี
มนต์เคมี ปี้ปน มลพิษ
โหดมหิต ติดตน มนต์ภัยผี
จากนรก หมกไหม้ มากมายมี
ยั่วย่ำยี ยี่เยิน เพลินเมามัน
จะจับได้ ไล่ทัน นั้นเย็นยาก
บาปวิบาก ชักเชือก เสือกกระสัน
ยิ่งอยากใหญ่ ไต่โต โอ้อวดกัน
บุกบากบั่น ผันผิด พิษวอดวาย
ไม่แช่มชัด สัจจะ อย่าขยัน
จักเมามัน มืดมน จนฉิบหาย
พวกพาลพา ขยัน อันตราย
พลอยพังพาย หายเหว เปลวฟอนไฟ
กะลานี้ ศรีวิไล ใช่ต่ำศักดิ์
นมนานนัก โบราณ ขอขานไข
ยิ่งยืนยง มงคล ชนชาวไทย
ได้อาศัย ใช้มา ชั่วตาปี
วัดเวียงวัง ยังใช้ ภายในบ้าน
โรงเรือนร้าน เรืองรอง ไม่หมองศรี
กะลาจัด วัฒนา บารมี
เช่นช่องชี้ ดีดำ สูงต่ำทราม
แต่กะลา สมัย ไทยเกิดทาส
พวกปรูดปราด ค่อนเคียด หยิ่งเหยียดหยาม
ว่าจำเพาะ ขอทาน งานยืนยาม
เย้ยเหยียดหยาม กะลา ว่ากาลี
เห็นฝรั่ง มังค่า ตาน้ำข้าว
ผิวหยาบขาว มีค่า กว่านวลศรี
เห็นมิสเตอร์ เห่อหา มาลองดี
เห็นมิสซี่ มีค่า กว่าเมียตน
ทิ้งม่อฮ่อม ซอมซ่อ พอใจสูท
กางเกงรูด ทิ้งไทย ใส่ยีนขน
ผ้าขาวม้า กระชาก จากเอวตน
หลงเล่ห์กล สนใส่ เน็คไทแทน
ผ้าถุงทอ นอหนู เคยคู่ซิ่น
ทอดทิ้งถิ่น ฉีกขา อ้าอ้อมแขน
มาสวมส้น ก้นโด่ง กระโปรงแทน
ไม่หวงแหน เห็นบ้าง หรืออย่างไร
เราไม่เห็น เป็นไทย ใครใคร่เห็น
ว่าไทยเป็น ไทยมี ที่ตรงไหน
ใครเล่าเขา เหล่าเข้า เล่าเข้าใจ
ว่าคนใคร ไทยชาติ วัฒนา
เราเป็นไทย ใช่ทาส ราชศักดิ์
มีแหล่งหลัก เชื้อชาติ ศาสนา
ประเพณี ชี้ชัด วังวัดวา
ใช้กะลา กระชอน เก่าก่อนกาล
ครั้งเก่าก่อน ร่อนชะไร ไทยยืนหยัด
สารพัฒ- นาเห็น เป็นแก่นสาร
ล้วนหลายหลาก มากมาย หลายประการ
จนโจษจัน ขานข่าว เล่าเลื่องลือ
ว่าไทยมุ่ง รุ่งเรือง เฟื่องฟูศิลป์
ดุจแดนดิน สินทรัพย์ น่านับถือ
มีหัตถกรรม ทำได้ ใช้ฝีมือ
จนเลื่องลือ ชื่อก้อง ถิ่นทองไทย
อันกะลา ว่านี้ มีชื่อมาก
มีมาจาก มะพร้าว ชาวสวนให้
มาตกแต่ง แจงจัด ขัดตะไบ
ก็ใช้ได้ ใช้ดี มีคุณธรรม
ไม่มีพิษ จิตใจ ไม่ยุ่งยาก
เหมือนมาจาก สวรรค์ อันเลิศล้ำ
ครั้งปู่ย่า ตายาย ได้จดจำ
ฝึกฝนทำ สำคัญ สืบสรรมา
กะลาหมาย คลายจน มลพิษ
คุณมิ่งมิตร คู่ควร เชิญชวนหา
กะลาเอย เคยอยู่ คู่ชีวา
มาเถิดมา มาฟื้น คืนถิ่นไทย
วิโรจน์ นุ้ยบุตร / ๑๕.๒.๒๕๒๘
ปลุกเสกพระแท้ๆ ครั้งที่ ๙
อุบัติขึ้นอีกครั้ง
งานสร้างศาสนาครั้งยิ่งใหญ่
การสร้างเผ่าพันธุ์มนุษยชาติ
หล่อหลอมจิตวิญญาณให้ขาวบริสุทธิ์
อันยากนักจะเคยมีแต่เก่าก่อน
ชีวิตนับพัน
ผนึกร่วมรวมอยู่
ฝึกกินน้อยใช้น้อย กินอยู่อย่างสมณะ
ลดละอย่างผู้ทรงศีล
ท่ามกลางตะวันธรรม เจิดจรัส 7 วัน 6 คืน
สอดประสานเสียง จั่กจั่นเรไร อนุโมทนา
ประวัติศาสตร์แห่งการเข็น กงล้อธรรมจักร
ได้บันทึกอีกหน้าหนึ่งในครั้งนี้
งานปลุกเสกเผ่าพันธุ์มนุษย์ ครั้งที่ 9
ได้อุบัติในเดือนมีนาคม พุทธศักราช 2528
ชีวิตน้อยน้อยผู้ใฝ่ความเป็นนักรบ ทวนกระแส
ฝึกอบรมตลอดเวลา ทั่วทั้งกลางวันกลางคืน
ก่อนแยกย้ายกลับคืนสู่มาตุภูมิ
ไปเถิด...ประโยชน์ตนเองให้ได้
ประโยชน์ท่านอย่าละเลย
ใต้ร่มอโศก
สารอโศก "ปลุกเสกพระแท้ๆ ครั้งที่ 9" ปีที่ 5 (8) ฉบับที่ 7
มีนาคม 2528
งานพุทธาฯ ศาลี
งานพุทธาฯ ศาลี ครั้งที่เก้า
ผองพงศ์เผ่า มิตรดี ผู้มีศีล
ทั้งทวยเทพ เทวงศ์ อีกองค์อินทร์
ครุฑนาคดินทร์ ถิ่นเถื่อน กลาดเกลื่อนตา
ทั้งฤษี ชีไพร ในพงพฤกษ์
ผนวกหนึก หนาแน่น แผ่นภูผา
ห้อมแห่แหน แน่นเนือง เบื้องบาทา
เพื่อเฝ้าฝ่า บาทบงสุ์ ผู้ทรงธรรม์
อีกยมยักษ์ ปักษา กาปากเหล็ก
ทั้งใหญ่เล็ก ติดตาม ความกระสัน
คอยจ้วงจิก ฉีกร่าง อย่างเมามัน
พระทรงธรรม์ ท่านแปลง แผลงฤทธี
จนยมยักษ์ ปักษี หลบลี้หลีก
ไม่จ้วงจิก ช่วงชิง วิ่งเวียนหนี
ผองพวกเรา เหล่าธรรม ฉ่ำฤดี
จนเปรมปรีดิ์ มีสุข ทั่วทุกคน
เดือนเมษา หน้านี้ ร้อนดีเดือด
แห้งเหวเหือด เดือดแดง ทุกแห่งหน
ดุจนรก หมกไหม้ ใต้แดนดล
สุดสับสน จนใจ เหมือนไฟฟอน
ไพศาลี ที่ว่า เมษานี้
เป็นถิ่นที่ ซ้อมรบ อบรมสอน
ฝึกตบะ ละล้าง นางแสนงอน
ตักตะกอน ผ่อนคลาย นายแสนกล
อบรมร่ำ ธรรมะ วิชชาเก้า
หนุ่มหนุ่มสาว เฒ่าแก่ แลเห็นผล
ความร้อนกาย คลายไกล ไม่กังวล
เฝ้าฝึกฝน ทนทาน ผ่านวิชชา
ให้กิเลส เภทภัย กลัวไกลห่าง
เมามายบาง ห่างหัน กามตัณหา
จนจิตใจ ไม่มี อวิชชา
โลภโทสา ละลด หมดราคี
จนสามารถ อาจหาญ เชิงชาญเก้า
ไม่โศกเศร้า มัวหมอง ผิวผ่องศรี
กล้าเหินเหาะ เลาะลัด ปฐพี
ผิววารี นี้เพลิน เหมือนเดินดิน
เราฝึกฝน ทนทำ ทุกค่ำเช้า
เรากินข้าว หนึ่งมื้อ คือกสิณ
ทำการงาน การผ่อน นอนกลางดิน
ไม่ดีดดิ้น ศิลป์ทบ สงบงาม
ทั้งเทวา นาคา พญาครุฑ
คนมนุษย์ ฤษี มิเหยียดหยาม
ร่วมรวมหมู่ อยู่ยุง คงรูปนาม
คอยติดตาม ทำที มีแต่บุญ
โพธิสัตว์ ตรัสแจ้ง แทงทะลุ
เป็นพ่อผู้ นำหน้า ฝ่ากระสุน
ท่านปัดป้อง ผองภัย อบไออุ่น
เกื้อการุณย์ บุญปลูก ปลอบลูกยา
พ่อมีใจ ใหญ่ยิ่ง ไม่ทิ้งขว้าง
ผีเสือสาง อกหัก ยังรักษา
ค่อยปลุกปลอบ ชอบเชี่ยว เยียวหยูกยา
คอยฟันฝ่า ผ่าไฟ บรรลัยกัลป์
เราทุกคน จนจิต คิดใจหาย
น้ำตาพราย ใช่เล่ห์ ให้เหหัน
ลูกมีกรรม จำฝืน ทุกคืนวัน
พ่อทรงธรรม์ ท่านรู้ อยู่แก่ใจ
เราพ่อเดียว เกี่ยวดอง ผองพันธุ์ผูก
พ่อรักลูก ปลุกรัก ใช่ผลักไส
เรารู้ดี มิสิ้น อจินไตย
ยาวโยงใย ไม่ขาด ญาติธรรม
จึงพากเพียร เรียนตาม คำสั่งสอน
ทุกบทตอน สอนใจ ไม่ถลำ
ฝึกล้างส้วม ร่วมงาน การกระทำ
หาบหามน้ำ ตามเติม เพิ่มให้เต็ม
ทำเครื่องครัว คั่วแกง พะแนงต้ม
ไฟร้อนรม ควันแรง ผิวแดงเข้ม
บ้างลิ้มลอง จ้องจด รสจืดเค็ม
ทุกคนเต็ม ใจจริง ไม่นิ่งนอน
ถือศีลแปด แผดเผา เอาตบะ
ไม่เลยละ ข้อห้าม คำสั่งสอน
ปัจจัยสี่ วิรัติ ค่อยตัดทอน
ไม่เดือดร้อน ผ่อนคลาย สบายเบา
ตื่นตีสาม ยามสั่ง ระฆังบอก
จึงเดินออก จากกลด งดง่วงเหงา
ฟังเทศน์ธรรม ดำดู เหมือนหมู่เงา
จนย่ำเข้า เลาราง สว่างวัน
หมู่พระสงฆ์ ทรงศีล บิณฑบาต
ฆราวาส ต่อตาม เหมือนความฝัน
พระโปรดสัตว์ วัตระ พระทรงธรรม์
สร้างสัมพันธ์ จรรยา บารมี
สิ้นเสร็จสรรพ กลับวัด จัดอาหาร
ประเคนทาน ฟังธรรม ย้ำศักดิ์ศรี
เนื่องหนุนนำ ทำทาง สร้างความดี
แล้วเข้าที่ มีการ ทานร่วมกัน
เสร็จกิจการ ทานฉัน ตะวันคล้อย
ค่อยทยอย ปรึกษา ปัญหาหัน
บ้างพบพระ พาไป ไต่ถามกัน
สิ้นตะวัน พลันเพลา เข้าชุมนุม
ชุมนุมธรรม สัมภาษณ์ ชาติเชื้อพุทธ
คนโลกุต- ตระชาว ทั้งสาวหนุ่ม
ต่างนิ่งนั่ง ฟังดู ทุกหมู่มุม
ถึงสามทุ่ม กลุ่มลา พาเข้านอน
จนสิ้นเสร็จ เจ็ดวัน งานพุทธา
ต่างอำลา กลับไกล ใจทอดถอน
กราบบรม ก้มกราบ อาบดินดอน
ซบสะท้อน ถอนทัพ รับคำลา
วิโรจน์ นุ้ยบุตร
๑๕ เมษายน ๒๕๒๘
สุดยอดปาฏิหาริย์
ณ บัดนี้ ขอจารึกฝังแน่น จิตวิญญาณ
ตราบนานเท่านาน อีกวาระ
ถึงมนุษยชาติพันธุ์ใหม่
ที่พากเพียรอยู่อย่างขัดเกลา
ร้อน ทนร้อน
หิว ทนหิว
ทุกข์ ทนทุกข์
ไม่มีตามใจปาก...ไม่มีตามใจท้อง
ไม่มีโอ้โลมทวารอายตนะ
อัศจรรย์หนออัศจรรย์
ที่ไม่เคยได้เห็น...ก็ได้เห็น
ที่ไม่เคยได้ฟัง... ก็ได้ฟัง
กองทัพธรรมมหึมา
หลั่งไหลจากทั่วสารทิศ
ทิ้งฆราวาสแห่งผู้มีกิจมาก ไว้เบื้องหลัง
หยุดการแสวงหาโลกธรรม ไว้ชั่วขณะ
หยุดหมุนแล้ว...โลกหยุดหมุน
มือน้อยน้อยนับพันผลักดันลุกโลก
กลับคืนสู่ความเรียบง่าย
ดวงตะวันลาลับ
ตะวันธรรมทะยานสาดแสง
อัศจรรย์หนออัศจรรย์
ผู้คนมากมายราวกองทัพ
ต่างนัดหมายประหารสิ่งที่รัก
ดั่งบุตรอุทรอย่างยินดี
โอหนอ สุดอัศจรรย์จริงเฮ้ย !!!
ใต้ร่มอโศก
สารอโศก"สุดยอดปาฏิหาริย์ ปีที่ 5(8) ฉบับที่ 8 เมษายน 2528
บทอาขยาน "ต้าแสว" ของจีนโบราณ
(จากบทภาพยนตร์ "นี่แหละชีวิต" ของกู่ซินเหนียน)
สอนคน และวิธีที่จะเป็นคน และทำงาน
******************
การศึกษาเรียนรู้ขั้นสุดยอด
ก็คือ
อยู่ที่การวางตัวของตัวเราเอง
ก็คือการทำให้สติของเรา
คอยเตือนเราให้เข้มแข็งขึ้น ทุกวันทุกเดือน
แล้วก็ทำให้การวางตัว กับกำลังกาย เข้มแข็งอยู่ทุกเมื่อ
จนกระทั่ง ถึงขั้นที่สูงที่สุด จึงจะได้
**********
พอถึงขั้นที่สูงที่สุดแล้ว ความตั้งใจต้องมีเป้าหมาย ที่แน่วแน่
ความตั้งใจมีเป้าหมาย แน่วแน่แล้ว จิตใจจึงจะไม่สับสน
จิตใจไม่สับสน จึงจะเกิดจิตสงบสุขขึ้นได้
จิตสงบสุขขึ้นแล้ว ความคิดที่ดี ก็จะเกิดขึ้นมาได้เอง
ความคิดที่ดี เกิดขึ้นแล้ว ถึงจะได้ความพร้อมเพรียง ทุกอย่างในชีวิต
ของทุกอย่างก็ต้องมีรากฐาน กับกิ่งก้าน
งานทุกชิ้นก็ต้องมีการจบสิ้น และการเริ่มต้น
ถ้าเผื่อเข้าใจแล้ว รู้จักวางระเบียบก่อนหรือหลัง
ก็คือ การที่เข้าใจ "การสอนให้รู้จักวางตัว" ในหนังสือโบราณ"ต้าแสว"
เล่มนี้
**************
ถ้าเธอต้องการให้ทุกคนในโลกนี้ กลายเป็นคนดี
ก็ต้องทำให้ประเทศของตัวเอง ดีซะก่อน
ถ้าต้องการทำให้ประเทศของตัวเองดี
ก็ต้องทำให้ครอบครัวของตัวเอง ดีซะก่อน
แล้วถ้าต้องการทำให้ครอบครัวดี
ก็ต้องหัดให้ตัวเอง มีนิสัยดี
ถ้าต้องการให้ตัวเอง มีนิสัยดี
ก็ต้องมีจิตใจให้ซื่อตรง
ถ้าต้องการให้จิตใจของตัวเอง ซื่อตรง
ก็ต้องทำให้ความหวังของตัวเอง ประสบความสำเร็จ
ถ้าต้องการให้ความหวังของตัวเอง ประสบความสำเร็จ
ก็ต้องเพิ่มเติมความรู้ของตัวเองซะก่อน
ถ้าต้องการเพิ่มเติมความรู้ตัวเอง
ก็ต้องเข้าใจถึงเหตุผลของสรรพสิ่ง
*************
เข้าใจทุกสรรพสิ่งแล้ว ความรู้ก็จะถึงขั้นสูงสุด
ความรู้ถึงขั้นสูงสุดแล้ว ความหวังก็จะประสบความสำเร็จ
ความหวังประสบความสำเร็จแล้ว จิตใจก็ซื่อตรง
จิตใจซื่อตรงแล้ว นิสัยของคนก็จะดีเอง
พอคนมีนิสัยดี ครอบครัวก็ดีไปด้วย
พอครอบครัวดีแล้ว ประเทศก็จะได้ดีด้วย
แต่ละประเทศได้ดีแล้ว
ในโลกนี้
ก็จะมีความสงบสุข แท้จริง
คนเราจะมีชีวิตอยู่ในโลก
ไม่จำเป็นจะต้องมีเงิน มีฐานะ
แล้วถึงจะมีความสุข
มีคนลำบากอีกมากมายนัก
แต่ว่าพวกเขารู้จักว่า
อะไรคือสิ่งที่พอตัว ก็สามารถมีชีวิตไป
ตลอดปี ตลอดชาติเหมือนกัน
นี่ก็อยู่ที่คนเรา รู้จักคำว่า "พอ" หรือไม่
รู้จัก "พอ" ก็จะมีแต่ความสุข
ไม่รู้จัก "พอ" ถึงแม้ว่าเธอจะมี
หรือว่าสูงส่งอย่างไร
มันก็ไม่มีความสุขได้เหมือนกัน
คนที่มีเงิน ก็ยิ่งอยากมีเงินเพิ่มขึ้นอีก
คนที่เป็นข้าราชการ ก็ยิ่งอยากทำ
ก็ยิ่งอยากกินตำแหน่งสูงขึ้น
ไม่มีที่สิ้นสุดกันหรอก
ต้าแสว
ไพ่ใบน้อยแด่..ชมรมเมถุนวิรัติ
หากฉันจะรักใครสักคน
ฉันอยากให้เขามีศีลที่สูงขึ้น
ฉันอยากให้เขาเป็นคนดี ที่มากขึ้นกว่าเดิม
จูงดึงนำทางของกันและกัน
ขัดเกลากัน ชี้ขุมทรัพย์แก่กัน
หากฉันรักคุณมาก
ฉันนี่แหละ จะขัดเกลาคุณมาก
ฉันนี่แหละ จะชี้ขุมทรัพย์ให้คุณมาก
หากฉันไม่รักคุณ
ฉันคงไม่ขัดเกลาคุณ
ไม่ชี้ขุมทรัพย์ให้แก่คุณ
จะมีประโยชน์อะไรกับการ
สร้างมายาให้คุณรัก
จะมีประโยชน์อะไรกับการ
ปรนเปรอเสน่ห์ให้คุณหลง
ฉันอยากเห็นอิสรภาพของคุณ
มากเกินกว่าการเป็นเจ้าของคุณ
ฉันก็รักศีลของฉันเหมือนกัน
ฉันไม่ควรทำลายตน
ฉันไม่ควรทำร้ายคุณ
เรามาเป็นพี่-น้องกันดีกว่านะ
แม้ฉันจะเจ็บปวดรวดร้าวเพียงใด
แต่นั่น...ก็เป็นเรื่องของหัวใจ
มันไม่ใช่ทางชีวิตของเรา
ฉันจำต้องอดทน
แม้หัวใจจะเรียกร้องถึงคุณปานใด
แต่นั่น...ก็เป็นเรื่องของหัวใจ
ไม่ใช่สาระแก่นแท้ของชีวิต
นกสองตัวผูกขาติดกัน บินไม่ได้ฉันใด
ฉันก็ต้องแยกห่างจากคุณ ฉันนั้น
สักวันเราคงเป็นพี่น้องกัน
และนั่นแหละ จะเป็นความรักที่ยั่งยืน
ฉันจะไม่เปิดศึกสงครามชีวิต กับคุณเด็ดขาด
เพราะฉัน...รักคุณ เกินกว่าจะรบรากับคุณ
ด้วย...เกสรดอกไม้
และฉันจะคือ ผู้สร้างอิสรภาพให้แก่ตน
ฉันปรารถนาความรักที่ยั่งยืนนาน จากคุณ
และนั่นต้องไม่ใช่ ความรักระหว่างเพศ เด็ดขาด
เพราะมันไม่จีรังเลย
แต่ฉันต้องการรักอมตะ จากคุณต่างหาก
ไม่ใช่ฉันไม่รักคุณ
แต่ฉันรัก
คุณเกินกว่าที่จะกล้ารักคุณ
ฉันอยากให้คุณ สะอาดและบริสุทธิ์
ฉันอยากเห็นคุณเป็นคนดี
ฉันอยากเห็นคุณเจริญ มากกว่านี้
และ นั่นคือความหวังของฉัน
มันคงไม่ไร้ค่าจนเกินไป
ฉันฝันถึงวันที่เราจะเป็น พี่-น้อง
เป็นพี่-น้องดีกว่า เป็นศรีภริยา
อย่าส่งสายตาแสนหวาน ให้ฉันเลย
เพราะนั่น คุณกำลังทำร้ายฉัน
ชีวิตพรหมจรรย์นั้น มีค่ายิ่งนัก
ฉันก็รักชีวิตพรหมจรรย์ ของฉันเหมือนกัน
แม้ฉันจะรักคุณเพียงใด
แต่ฉันก็ต้องตัดใจ
เพราะฉันไม่ต้องการ เป็นศัตรูกับคุณ
แต่ฉันต้องการเป็น พี่-น้องกับคุณ ต่างหาก
สตรีหมายเลข ๒๖
สวย ภายในคนศรัทธาชมว่า สวย
จิต อำนวยเมตตาธรรมล้ำเลิศ จิต
คิด ทำดีลงมือทำตามความ คิด
ดี สนิทแนบชีวันมั่นคง ดี
ส่ง เสริมตนวัฒนาน่าเสริม ส่ง
ศรี ธำรงวงล้อมจิตพิสิฐ ศรี
มี ศีลธรรมยึดเป็นหลักจักต้อง มี
คุณ ธรรมนี้นำถูกทางสร้างค่า คุณ
งูเขียว
ส ติ
เรือน้อยลอยล่อง
เจ้าจะไปแห่งหนที่ใดกัน
ตะวันจันทราสลับผลัดเปลี่ยนขึ้นฟ้า
ลมฝนซัดกระหน่ำอย่างอึงมี่
คลื่นยักษ์พิโรธเต้นครวญคร่ำ
ราวกับราชสีห์สูญเสียบุตรที่รัก
เรือน้อย เรือน้อย หันหันเหเห
พลิกซ้าย พลิกขวา
หมอกควันอบอวลขวางกั้นทิศทาง
ฝั่งหนอฝั่ง ฝั่งที่พักพิงอยู่ที่ใดกันเล่า ?
เรือน้อย เรือน้อย ลอยล่องสั่นเทา
จะไปไหน จะไปไหน รู้บ้างไหม
ยามทะเลสงบก็เริงร่า
ยามทะเลบ้าเจ้าก็หวีดร้องน้ำตา แทบเป็นสายเลือด
แล้วเจ้าก็ลอยไปลอยไป
แสวงหา สะสม กอบโกย
และสุดท้ายรอวันแตกสลาย
ก็แค่นั้นแหละนะ เรือน้อย
ตราบใดที่เฝ้าแต่แสวงหา ความสุขสมใจ
สะดวกสบายและรอวันอับปาง
ใต้ร่มอโศก
สารอโศก "สติ" ปีที่ 5(8) ฉบับที่ 9 พฤษภาคม 2528
ร ำ ลึ ก
คว้าง คว้าง ใบไม้หลุดจากขั้ว
ไม่นานนักชีวิตหลุดร่วงเฉกเช่นใบไม้
บ่วงแห่งความตายบีบกระชับทุกเสี้ยวขณะ
วันคืนผลัดเปลี่ยนเห่กล่อม
บัดเดี๋ยวกอดรัดเย็นเยือกมืดมิด
บัดเดี๋ยวแผดเผาระอุร้อน
นี่แหละคือความเติบโตแห่งชีวิต
ชีวิตพัฒนาจะต้องผจญสิ่งเหล่านี้
เมื่อองค์สัมมาสัมพุทธจุติ
นั่นคือ
สัญลักษณ์เร่งเร้าให้สัมฤทธิผลโดยด่วน
ด้วยปัญญาอันละเอียดลึก
จึงสามารถบดหลอมทุกสิ่งทุกอย่าง
เป็นอาหารอันทรงคุณค่า
มิตรคือผู้ให้กำลังใจ
ศัตรูคือผู้สอนให้แข็งแกร่ง
ความสุขทำให้อ่อนเปียก
ความทุกข์แผดเผาให้แกร่งสะท้าน
รำลึก...สำนึก...และตระหนัก
ในสรรพสิ่งที่เป็นอาจารย์ของเราที่แท้
สั่งสมอบรมแก่กล้า แข็งแรง
รำลึกอาจารย์ผู้เพียบพร้อมรอยยิ้ม
สำนึกอาจารย์ผู้กำไม้หวายคอยกระหน่ำ
ความสบายเป็นได้แค่ฐานพัก
แต่ความลำบากปวดร้าว
คือฐานแห่งความเจริญ
จึงมิอาจรังเกียจแหนงหน่าย
ผู้กระหน่ำโบยให้เหล่าข้าน้อย
ปวดสาหัสได้เลย สาธุ
ใต้ร่มอโศก
สารอโศก "รำลึก" ปีที่ 5(8) ฉบับที่ 10 มิถุนายน 2528
ผู้นำ
โลกวิปริตผิดเพี้ยน
จากอดีตแห่งสัตว์ฝูงที่ต้องมีผู้นำ เพื่อปกป้อง
กลับกลายเป็นเหลือบตัวใหม่ คอยกัดแทะ
กอบโกย กอบโกย แสวงหา อหังการ
หลงค่าศักดิ์ศรีของตัวที่ได้นั่งอยู่ บนบัลลังก์
บัลลังก์อันอาศัยเลือดเนื้อผู้อื่น หล่อเลี้ยง
ผู้นำทุกวันนี้
จึงคือผู้ฉกฉวย ซ้ำเติมกดขี่ผู้อ่อนแอกว่า
ใครเลย ใครหนอ จะแจ้งสัจจะ
ผู้นำที่แท้ คือ ผู้รับใช้ รับใช้อย่างถ่อมตน ไม่ถือดี
ผู้นำ ผู้นำ ผู้นำ
ผู้นำในคราบมนุษย์ แต่ใจเดรัจฉานจึงมากมาย
มากมายราวกับหนอนในกองขี้
ขอแสงธรรมสาดส่อง
แทงกระหน่ำหัวใจป่าเถื่อนละโมบ ทั้งหลาย
ให้หยุดกรรมอันบาปร้าย
ที่นรกโลกันตร์จะไม่มีวันให้อภัย
ให้พวกเขาพอใจสมถะ
กินอยู่ใช้ชีวิตมักน้อยสันโดษ
กินอยู่เพียงเพื่อทรงกายยังประโยชน์
มิใช่หอบหวงกักตุนให้โคตรตระกูล ของตน
ขอฝัน ขอหวัง
สักวันคงเป็นได้
เมื่อคนทั้งหลายต่างยึดมั่นในศีล
ใต้ร่มอโศก
สารอโศก "ผู้นำ" ปีที่ 5(8) ฉบับที่ 11 กรกฎาคม 2528
เพลง สั น ติ ภ า พ
สันติภาพเอย...
สันติภาพเอย...
สันติภาพเอ๋ย...
โลกอธรรมอำนาจเด่นเป็นของปองหมาย
แข่งรวยแข่งอาวุธร้ายกลายเป็นบ้า
คนทำตนวนจนเกิดความสับสน
ซ่อนซ้อนเชิงกลหวาดผวา
หลงอวิชชาว่าเป็นความรู้
ต่างแนวคิดโลมหลงจิตต่างฝัน สันติธรรม
แย่งกันแยกกรรมเลยร้ายทำลายหมู่
กลายเป็นพรางใจมีศึกในตัวสันติซ้อน ชอนไชอดสู
ค้นความจริงดูรู้จริงให้จริง
สันติภาพเอย...
สันติภาพเอย...
สันติภาพเอ๋ย...
ด้วยโพชฌงค์องค์มรรคแปดเป็นทาง ทวนกระแส
ปราชญ์องค์ผู้ทรงพุทธแท้แลจริงยิ่ง
ใครเรียนตรงตามงาม ต้นกลางจรดปลาย ไล่ผีที่ใจถูกสิง
พ้นมารพาลพิงนี้จริงยิ่งกว่า
โลกเมืองคนทนทุกข์ยาก หลากหลายรายล้อม
หากเย็น ให้ยอมน้อมรับธรรม นำค่า
พึงบำเพ็ญเพียรเรียน เลิกละขยัน สร้างสรรกล้าจนเถิดหนา
ศีลนำกรรมพาพบสันติเอง
๑๒ กรกฎาคม ๒๕๒๘
ยึดให้มั่น คั้นให้ตาย
กิเลสตัณหาแข็งแกร่งดั่งหินผา ศิลาแลง
กะเทาะ กระหน่ำ กระแทก แค่สิบ แค่ร้อย ครั้งใช่จะสำเร็จ
แต่ต่อให้ยากกว่ายากใช่จะท้อ
ด้วยมิมีหนทางใด จะให้ชีวิตอมตะแก่เราได้
นอกจากทางสายนี้
ยึด ! ยึดศีลยึดพรต...ยึด!...ยึด!
ยึดดีให้มาก ทำดีให้มั่น
เงยหน้าสูงไว้ เป้าหมายคือ เบื้องบน โลกุตระ
แหงนไว้ แหงนหน้า อย่าพลาดทิศทางที่เดิน
ยึด! ยึดสิ่งดี ทำดีให้มาก แล้วอย่าถอย อย่าท้อ!
คั้น ! คั้นความชั่ว ความต่ำทราม ให้ตาย ให้ตาย !
คั้นลงไป กดลงไป ผ่าลงไป เอาชนะให้ได้
สิ่งชั่วโสมม จะต้องหลุดกะเทาะ
สิ่งต่ำโสโครก จะต้องพินาศกระจาย
ยึดเถิด ยึดเส้นทางชีวิตอมตะ
คั้น ! คั้นสิ่งเน่าเหม็นให้หลุดออก
กำแพงแห่งกิเลสตัณหา แข็งกว่าเหล็ก
มีแต่นักรบเดนตาย ที่กล้าหาญ
ที่พากเพียร ที่ไม่ด่วนท้อ
จึงจะสามารถเอาชัย
ยึด...ยึด! คั้น...คั้น! ตะบันให้แหลกเถิด ธรรมาชน
ใต้ร่มอโศก
สารอโศก "ยึดให้มั่น คั้นให้ตาย" ปีที่ 5(8) ฉบับที่ 12 สิงหาคม 2528
*****
หน้า ๓๐
เม็ดทราย หน้า 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | 32 | 33 | 34 |
|