เม็ดทราย ๓๑

แด่...ชีวิตที่หิวโหย

ชีวิตเป็นของเรา
และเราก็คือเจ้าของชีวิต
นี่คือความจริง เป็นสัจจะขนานแท้
แต่น่าอนาถ...สุดจะอัปยศ
ที่นับวันชีวิตแห่งความเป็นเรา เริ่มหลุดลอย
อุ้งมืออันแกร่งแกร่ง เริ่มอ่อนล้า สั่นระรัว
ค่านิยมอันจอมปลอม
วัฒนธรรมแห่งชีวิตความเป็นอยู่ ของฝรั่งตาน้ำข้าว
ความสุข ความสุข
ความสนุกสนาน เพลิดเพลินนานา
อันอาศัยวัตถุสารพัดเป็นสื่อพา
ถูกปลุกระดมเร่งเร้าอย่างบ้าคลั่ง
ปัจจัยสี่ถูกกล่าว ประณามล้าสมัย คร่ำครึ ไม่พอ
ต้องมากกว่านั้น มากกว่านั้น
มีเข้าไปอย่ากลัว อย่าหลงเชื่อคำสอน ปราชญ์บัณฑิต แม้จอมศาสดา
มีเข้าไปปัจจัย ๕.. ๖.. ๗.. ๘.. ๙.. ๑๐.. ๑๐๐ มีเข้าไป
หิวก็หา หิวก็หา
แค่นี้ง่ายจริงหนอ
ร้อยมาลัย ด้วยกองขยะปฏิกูล ทั่วแผ่นดิน
แต้มสีสัน ด้วยเลือดเนื้อ ชีวิตมนุษย์สดสด
ขอมอบแด่ชีวิตที่หิวโหย ไม่หยุดพัก
ขอมอบแด่ชีวิตที่รัก จะหิวตลอด อนันตกาล
นรกเท่านั้น คือ รางวัลตอบแทน
ใต้ร่มอโศก

สารอโศก "แด่ชีวิตที่หิวโหย ปีที่6(9) ฉบับที่ 1 กันยายน 2528



พลังแห่งภราดร
บัดนี้ถึงเวลาแล้ว
กองทัพสองฝ่าย พรั่งพร้อมรี้พลมากมาย
ประจัญหน้าตัวต่อตัว ตาต่อตา ยาวสุดไกล
ฝ่ายหนึ่งหื่นกระหาย คาวเหม็น
ผิวดังเปลวไฟแดงฉาน...
ฝ่ายหนึ่ง สงบ สำรวม หอมกลิ่นเสียสละ
ผิวกายสุดใส
กลองรบลั่นประชิด กระเถิบทีละก้าว
ธรรมาธรรมสงครามใกล้ระเบิด
ผู้ใดยังไม่มาขอให้มา
ผู้ใดยังไม่เข้าร่วมรบ ขอให้รบ
ฟังซิ เสียงโหยหวนสุดทรมาน
รอการปลดปล่อย
รอมานานนับกัปกัลป์
นักรบกลิ่นหอมอยู่หนใด ?
อย่าหลบลี้ อย่าหนีเอาตัวรอด
เข้ามา...รีบเข้ามา
มาผนึกร่วมรวมกำลัง
เพื่อปลดปล่อยโซ่ตรวน ทรมานมนุษยชาติ
นักเอย นักรบกลิ่นหอม
ท่านสุขสบายคนเดียวได้อย่างไร
ขณะเบื้องไกลกระโน้น
ชีวิตใหญ่น้อยต้องทัณฑ์ทรมาน อย่างอยุติธรรม
ลมหายใจราดรด กองทัพสองฝ่าย ประชิดแล้ว
กลองรบรัวสัญญาณตะลุมบอน
เร็วไว อย่าช้า นักรบกลิ่นหอม
กระโดดเข้ามาร่วมสมรภูมิเดี๋ยวนี้
เอามันเลย

สารอโศก ฉบับที่ 2 ปีที่6(9) ต.ค. 2528



ธรรมาธิปไตย

อันธรรมา- ธิปไตย สมัยนี้
ยังพอมี ให้เห็น เป็นหลักฐาน
เพราะคนไทย เชื่อบาป-บุญ คุณศีล-ทาน
พอมีทาง เบ่งบาน ได้ต่อไป
แต่ธรรมา- ธิปไตย ใช่ของตื้น
เช่นพูดกัน ดาษดื่น ตามสมัย
ทุกคนต่าง พูดว่า "ประชาธิปไตย"
แต่ประชาชน เป็นใหญ่ ในแผ่นดิน
แล้วความจริง มันเป็น เช่นนั้นหรือ
หรือมืดตื้อ ถอยหลัง ครั้ง"ยุคหิน"
การเลือกตั้ง ทุกครั้ง คงได้ยิน
แต่ละคน สูญสิ้น ไปเท่าไร?
เมื่อสิบสี่ พฤศจิกาฯ ผ่านมานี้
มีปรากฏ- การณ์ที่ดี เกิดใช่ไหม
ชาวกทม. เลือกเบอร์แปด กันทำไม ?
ถ้า"ธรรมา- ธิปไตย เขาไม่มี
ย่อมหมายว่า ความศรัทธา ต้องเหนียวแน่น
ใช่คลอนแคลน เบี้ยวบูด ตามภูตผี
เพราะสารพัน เขากลั่นแกล้ง แต่งคดี
ให้เป็นที่ แง่นง่อน สะท้อนทรวง
แต่เบอร์แปด ก็นำมา เกือบ"ห้าแสน"
เป็นคะแนน ที่เขาว่า มาจาก"สรวง"
แต่ความจริง คือ"ความจริง" ใช่สิ่งลวง
ฝ่ายอธรรม ทั้งปวง จึงปราชัย
นี่แหละคือ "ธรรมา- ธรรมสงคราม"
พอมองเห็น มือสอง-สาม กันบ้างไหม ?
ถ้ากลุ่มเรา ไม่"จริงจัง และจริงใจ"
คงได้เห็น อะไร เป็นเงาเงา
การเลือกตั้ง ครั้งนี้ ชี้บอกเหตุ
แยกประเภท คนฉลาด และขลาดเขลา
หมู่ใดบ้าง พร้อมพรัก สู้หนัก-เบา
หรืองี่เง่า หดหัว เพราะกลัว-เกรง
ปรากฏการณ์ ครั้งนี้ ชี้บอกว่า
ชาวประชา มิยอมให้ ใครข่มแหง
ใครจะขู่ ใครจะด่า ข้าฯ ไม่เกรง
ขอเป็นตัว ของตัวเอง ดูสักที
"ฉันจะเลือก เบอร์นี้" บอกชี้ชัด
และจะไม่ ตระบัดสัตย์ ให้เสียศรี
ใครจะแกล้ง ใส่ความ ว่า "ไม่ดี"
หรือจะกล่าว โจมตี ไม่เปลี่ยนใจ
สังคมไทย พัฒนา ไปอีกขั้น
ยิ่งนับวัน จะเรืองรอง ดูผ่องใส
ประชาชน รู้คุณค่า "ธรรมาธิปไตย"
ประเทศเรา คงไม่ไร้ ซึ่ง "คุณธรรม"

สักวาธรรมาธิปไตย
อุบัติในกรุงเทพมหานครใหญ่
ปรากฏการณ์ครั้งนี้ลือลั่นไกล
มหัศจรรย์ใจไปทั่วปฐพี
ตะวันธรรมลอยเด่นบนฟากฟ้า
ชาวประชาตื่นแล้วทุกถิ่นที่
พร้อมใจเลือกผู้รับใช้ในธานี
เป็นคนดีมีศีลเคร่งเก่งงานเอย

งูเขียว


 

ความแน่นอน คือ ความไม่แน่นอน

อโศกร่วง แต่ละใบ ให้น่าคิด
ใช่ทำผิด หนักหนา พาถลำ
บางองค์แค่ อภิชัปปา ตัณหานำ
จึงล้มคว่ำ อยู่ได้ ไม่ใคร่นาน
ความอยากให้ หมู่ดี เท่าที่คิด
ไม่ปล่อยจิต วางใจ ไฟจึงผลาญ
ดีไม่เท่า หวังไว้ ให้ทรมาน
จึงเกิดการ สึกประชด สลดใจ
ขออย่าให้ ใครเป็น เช่นนี้อีก
หัวใจฉีก หลายหน ทนไม่ไหว
เมื่อทำดี ควรใจกว้าง หัดวางใจ
ส่วนคนอื่น ทำไม่ได้ ให้ปล่อยวาง
จงมองตน ทำตน ให้พ้นก่อน
จึงค่อยหา ทางสอน และสะสาง
หัดทำใจ วางใจ ให้เป็นกลาง
รู้เท่าทัน ทุกอย่าง "ไม่แน่นอน"
บุคคลที่ ยังต่ำ ทำไม่ได้
แต่ไม่หลุด ร่วงไป อยู่ให้สอน
อนาคต ใครกำหนด ได้แน่นอน
คนที่อ่อน อาจเก่งกล้า ถ้าพากเพียร
ความแน่นอน คือความ ไม่แน่นอน
เป็นคำสอน ที่ซึ้งจิต สถิตเสถียร
คนตกร่วง ตายให้เห็น เป็นบทเรียน
ใครจะตัด ใครจะเจียน เรียนรู้เอา

๒๐ ตุลาคม ๒๕๒๘



ธรรมะ...คือความสุขเย็น ร่มรื่น
อันมี "จิตเสียสละ" ซึ่งกันและกันเป็นพื้นฐาน
สังคมใด หมู่ชนใด ขาดการเสียสละ
มีแต่จะร่ำร้อง มีแต่จะร้องขอ
สังคมนั้น หมู่ชนนั้น ธรรมะใกล้ริบหรี่
นี้คือ มารยาธิปไตย...!
จิตสำนึกแห่งมวลชน
สักวันจะเทิดทูน ดื่มด่ำ เป็นผู้เสียสละ
พอใจเป็นผู้ให้ ผู้เสียเปรียบ...
จิตสำนึกแห่งผู้ปกครอง
สักวันจะพอใจใฝ่เพียรดีให้ยิ่งยิ่ง
มิใช่แค่นี้ แค่นี้ ก็ดีแล้ว
ดีแล้ว ดีแล้ว ในระดับแค่นี้
คุณธรรมเป็นสิ่งไม่สิ้นสุด
ในห้องเล็กเล็ก คุณธรรมต้องการแค่เล็กเล็ก
ในห้องโตโต คุณธรรมต้องการแค่โตโต
ในระดับเมือง ระดับประเทศ
คุณธรรมจะต้องเบ่งขยาย ให้แน่นตาม
เมื่อฐานมวลชน ประสานสร้างผู้นั่งเมือง
บัดนี้ขอประกาศถึงเวลาแล้ว
ยุคแห่ง "ธรรมาธิปไตย" จะเบ่งบาน

ใต้ร่มอโศก

สารอโศก "ธรรมาธิปไตย" ปีที่ 6(9) ฉบับที่ 3 พฤศจิกายน 2528


 

ชาวประชา ๕ ธันวามหาราช

วันที่ห้า ธันวา มหาราช
ปวงคนไทย ทั้งชาติ ร่วมถือศีล
ไม่เลือกเพศ เลือกวัย ไทยหรือจีน
หยุดดีดดิ้น มุ่งเข้าวัด ขัดเกลาใจ

ที่พุทธ- มณฑล คนคับคั่ง
ต่างไหลหลั่ง มุ่งมา หน้าผ่องใส
ร่วมปฏิบัติ บูชา "ภูวไนย"
อีกหลายแห่ง ของเมืองไทย ก็ร่วมทำ

คนเป็นพัน เป็นหมื่น ดูดื่นดาษ
ศูนย์รวมใจ คนทั้งชาติ อย่าเห็นขำ
เป็นนิมิต ของเมืองไทย ที่ใฝ่ธรรม
ไม่พาตัว ให้ตกต่ำ เปลืองเวลา

แม้จะทำ เป็นพิธี ปีละครั้ง
แต่จริงจัง ยังได้ทำ เกิดคุณค่า
บางคนพูด ว่า"ทำได้" แต่ไม่มา
บ้างตั้งวง ก๊งสุรา ก็ยังมี

ฉะนั้นไซร้ ใครทำได้ ไปร่วมเถิด
ไปช่วยกัน ให้มันเกิด เป็นสักขี
ในปีหนึ่ง ทำได้ครั้ง ก็ยังดี
เพื่อถวาย องค์ภูมี "ภูมิพล"

การปฏิบัติ บูชา มีค่าล้ำ
ยิ่งน้อมนำ จิตให้ดี มีมรรคผล
ได้ร่วมใจ ปฏิบัติ ขัดเกลาตน
ตามอินทรีย์ แต่ละคน เพื่อบูชา

๕ ธ.ค. ๒๕๒๘



เพลง ถ้าฉันมีค้อน

ถ้าฉันมีค้อน
ฉันจะตีค้อนในยามเช้า
ฉันจะตีค้อนในยามเย็น
ทั่วแผ่นดินนี้
ฉันจะตีแผ่อันตราย
ฉันจะตีแผ่คำเตือน
ฉันจะตีแผ่ความรัก
ระหว่างพี่น้องชายหญิง
ทั่วแผ่นดินนี้
ถ้าฉันมีระฆัง
ฉันจะย่ำในยามเช้า
ฉันจะย่ำในยามเย็น
ฉันจะย่ำบอกอันตราย
ฉันจะย่ำบอกคำเตือน
ระหว่างพี่น้องชายหญิง
ทั่วแผ่นดินนี้
ถ้าฉันมีพลัง
ฉันจะร้องในยามเช้า
ฉันจะร้องในยามเย็น
ฉันจะร้องถึงอันตราย
ฉันจะร้องถึงคำเตือน
ฉันจะร้องถึงความรัก
ระหว่างพี่น้องชายหญิง
ทั่วแผ่นดินนี้
ฉันมีค้อน
ฉันมีระฆัง
ฉันมีเพลง
เพื่อร้องทั่วแผ่นดินนี้
มันเป็นค้อนแห่งอิสรภาพ
มันเป็นระฆังแห่งยุติธรรม
มันเป็นเพลงเกี่ยวกับความรัก
ระหว่างพี่น้องชายหญิง
ทั่ว...แผ่นดินนี้
มันเป็นค้อนแห่งอิสรภาพ
มันเป็นระฆังแห่งยุติธรรม
มันเป็นเพลงเกี่ยวกับความรัก
ระหว่างพี่น้องชายหญิง
ทั่ว...แผ่นดินนี้

ปีเตอร์พอลและแมรี่


 

มาสร้างชีวิตกันใหม่

มา..มาสร้างชีวิตกันใหม่
อดีตผ่านไปอย่าไปแลเหลียวมัน
หมั่นศึกษา หาวิชา ให้ครบถ้วน
คงมีสักวันจะเป็นของเรา

มา..มาสร้างชีวิตกันใหม่
ให้สุขสดใสในโลกใหม่กันดีกว่า
เลิกทำชั่ว เลิกเที่ยวเตร่ เลิกเมายา
สร้างปัญญา หาเลี้ยงชีพ เพื่อช่วยตน

พระพุทธองค์ทรงสอนไว้ว่า
ให้คนเราเป็นที่พึ่งแห่งตน
สร้างความดี ขยันหมั่นเพียร และอดทน
อย่าหลงตน ปล่อยเวลาให้ผ่านไป

ชีวิตคือการต่อสู้
ต้องเรียนรู้ไยท้อแท้ไปเล่า
หากแขนขายังดีเหมือนพวกเขา
มาพวกเรา มาสร้างชีวิตใหม่เอย

แกรนด์เอ็กซ์



ชี วิ ต ใ ห ม่

เคว้งคว้าง...เคว้งคว้าง
ชีวิตเคว้งคว้างประดุจเรือน้อย
เรือน้อยอัดแน่นด้วย กองขยะสารพัด
ตราบใดมิแสวงหาฝั่ง
ตราบใดมิค้นหา เป้าหมายแห่งชีวิต
เคว้งคว้าง...เคว้งสุดเคว้ง
คว้างคว้าง...คว้างสุดคว้าง
หยุดเถิด หยุดไหลเลื่อนไปตามยถากรรม ในลำธารของชีวิต
หยุดเถิด หยุดทำตัวเหลวไหลไร้แก่นสาร บนเส้นทางแห่งวัฏสงสาร
เหลียวมองสักนิด คิดตรึกอีกหน่อย
เกิดมาทำไม ? เกิดมาทำไม ?
หิวก็กิน ง่วงก็นอน
ผิดหวังก็ทุกข์ สมหวังก็สุข เพียงเท่านี้เองหรือ ?
ค่าของคนอยู่ที่ใด?
ความเป็นคนอยู่ไหน ?
อะไรเล่า คือ ความแตกต่าง ระหว่าง สัตว์เดียรัจฉาน กับมนุษย์ ?
ช่วยกันเถิด ถ้าช่วยได้
กินให้น้อยลง ใช้ให้น้อยลง
เราจะกินเพื่ออยู่ อยู่เพื่อบำเพ็ญ คุณงามความดี
ไม่เดินด้วยอารมณ์ แต่ด้วยเหตุผล
ไม่เดินด้วยความหลงใหล แต่ด้วยความรู้เท่าทัน
มีศีล...มีวินัย...มีกฎเกณฑ์ชีวิต ให้แก่ตน
เพื่อชีวิตใหม่
ชีวิตที่ไร้น้ำตา แห่งความทุกข์ระทม

ใต้ร่มอโศก
สารอโศก "ชีวิตใหม่" ปีที่6(9) ฉบับที่ 4 ธันวาคม 2528


 

ไม่เห็นโลงไม่หลั่งน้ำตา

ไม่เห็นโลงจึงมิหลั่งน้ำตา...
คนเราก็เช่นนี้ เช่นนี้ตลอดกาล
ตราบใดที่มิได้ประสบทุกข์
ตราบใดที่มิได้สาหัสเจียนตาย
ชีวิตก็คงหลงระเริงหวานชื่น มิรู้หยุด
ความสุขสบาย ความมีชีวิตที่แสนอบอุ่น
จึงเท่ากับกำแพงขวางกั้น
มิให้มนุษย์เข้าถึงมรรคผล
เข้าถึงที่สุดแห่งฝั่งพระนิพพาน

คนเราก็เช่นนี้ เช่นนี้แหละ
ตราบใดที่เริ่มพลัดพราก จากสิ่งที่รักอย่างสาหัส
ตราบใดที่ประสบสิ่งไม่รัก อย่างสากรรจ์
เขาจะฉุกคิด ได้คิดถึง
ว่าชีวิตนั้น ควรฝึกปรือปฏิบัติอะไร
บาป-บุญเป็นสิ่งมีจริง
กฎแห่งกรรมเป็นสิ่งที่แท้
อย่าประมาท อย่าประมาท
เราจะต้องสั่งสมกรรมดี ให้มากกว่านี้...
ใครจะรอโลกกระหน่ำสอน ก็เชิญเถอะ
แต่หากใครจะรู้สึกเสียก่อน ก็อนุโมทนา

ไม่เห็นโลงจึงมิหลั่งน้ำตา...
แต่มีหลายหลายคน ขนาดโลงแบกมาแล้ว... ยังไม่สำนึก
ขอเราอย่าเป็นคน เช่นนั้นเลย...นะ !
ใต้ร่มอโศก

สารอโศก "งานวันอโศก '29" ปีที่6(9) ฉบับที่ 5 มกราคม 2529


 

แด่ ..คนอยากจน

ฮึม ฮึม ฮึม ฮึม ฮึม ฮึม
เสียงกลองรบกระหึ่มอีกครั้ง
เหล่านักรบ ต่างตระเตรียมใจ และสิ่งจำเป็น
หลังจากที่รอคอยวันนี้ มาเป็นแรมปี
ฝากฝังสิ่งที่ยังติดค้าง
ทิ้งภาระสิ่งผูกพัน ไว้เบื้องหลัง
วางทุกสิ่งไม่ให้เหลือค้าง แม้ในใจ
บอกกล่าวอำลาญาติพี่น้อง
กราบลาบุพการีที่เคารพ
สั่งลูกน้อยที่น่ารัก พรากคู่ที่หวงแหน
ลาก่อน...เพื่อนที่รัก มิตรผู้ร่วมงาน
ต่อแต่นี้ไป ๗ วันข้างหน้า
คือการต่อสู้ กับหัวใจขี้ออเซาะ
คือการหันกลับไปสู่ชีวิต คนจนผู้ยิ่งใหญ่
คือการเดินตามมรรคา แห่งองค์พระผู้มีพระภาค
ไปใช้ชีวิต เยี่ยงอย่างศาสดา ที่เข้มแข็งด้วยศีล
ทนได้แม้จะมีอาหาร เพียงหนึ่งมื้อ
ทนได้แม้จะต้องนอนโดยปราศจากฟูกหมอน
ทนได้แม้จะต้องลุกขึ้น เมื่อถูกปลุก
ทนได้แม้จะไม่มีสิ่งที่มัวเมา เหมือนก่อน
ทนได้แม้จะมีผ้าพันกาย ที่ไม่สวยงาม
ทนได้แม้จะไม่มีโอเลี้ยง กาแฟ น้ำอัดลม
ทนได้แม้จะคิดถึง ใครต่อใครที่อยู่หลัง
ทนได้แม้จะพบกับ สิ่งที่ไม่ถูกใจ
ไป...สู่แดนสงคราม สันติภาพ
น้อยได้ พอได้ ด้วยใจที่ฝึกฝน
แม้รวยก็จะพึงหัดจน
แม้มีก็จะหัดทิ้ง
รบ รบ รบด้วยหาญกล้า
ฆ่า ฆ่า ฆ่า ด้วยความเด็ดขาด
ทิ้ง ทิ้ง ทิ้งมันไว้ที่วัดป่าช้า
ถวายสุดยอดบูชา แด่วงศ์โคตมะ

โสตถิยะ


 

ท า ง ร อ ด

คำพังเพยเก่าเก่าจำได้ไหม
"ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด" ?
หากชีวิตรังแต่จะกอบโกย หอบหวง
หากชีวิตรังแต่จะเอาแต่ได้ เอาเข้ามา
ต่อให้ปริญญาพ่วงท้าย ยาวสุดแสนไกล
ให้ชนปีกนกตัวสุดท้าย ที่อยู่โน่นลิบลิบ
เขาก็จะไม่มีวันพบชีวิต แห่งสันติสุข
เขาก็จะไม่มีวันพบชีวิต แห่งภราดรน้องพี่
และไม่มีวันเลย ที่จะได้ยินเสียง นกร้องเพลง
ขับกล่อมประสาน ให้หมู่แมกไม้ ขุนเขา และน้ำฟ้า
ชีวิตของบุคคลคนนี้ ไม่มีทางรอดแล้วจริงๆ
เว้นเสียแต่... การสร้างทัศนคติใหม่
หันมาใช้ชีวิตเสียสละ
พอใจเป็นผู้ให้ ผู้เอื้อเฟื้อ
สุขใจต่อการเป็นผู้สละออกไป ละออกไป
นี่แหละคือบุญ
นี่แหละคือ ไม่เสียชาติเกิด
นี่แหละคือ "ทางรอด" แห่งมวลมนุษยชาติ !

ใต้ร่มอโศก

สารอโศก "ทางรอด" ปีที่ 6 (9) ฉบับที่ 6 กุมภาพันธ์ 2529

หน้า ๓๑


เม็ดทราย หน้า 28 | 29 | 30 | 31 | 32 | 33 | 34