เราคิดอะไร.

เรื่องอย่างนี้ ต้องช่วยกันเผยแพร่ โดยนิติภูมิ นวรัตน์
บรรยาย ณ พุทธสถานปฐมอโศก
วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๔๔
วัฏจักรโลก : รุ่งเรือง และ พินาศ


ต่อจากฉบับที่ ๑๓๗

พวกรัสเซียก็แค้นเคือง หาทางเป็นอิสระ ไม่เช่นนั้นสิ้นชาติ เหนือมองโกเลีย จะมีแผ่นดินหนึ่งเป็นเมืองอูลานอูเด แถวตรงนั้น จะมีทะเลสาบไบคาล เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ลึกที่สุดในโลก แถวนั้นมีสัตว์อยู่ประเภทหนึ่ง ซึ่งเลือดยางหนัง ของสัตว์ประเภทนี้ ใครกินเข้าไปแล้ว จะหมดสมรรถภาพทางเพศ คนมองโกลอยู่ในกระโจม เวลาหุงหาอาหาร ก็ต้องหุงข้างนอก ข้าทาสรัสเซีย ก็ทำอาหารนอกกระโจม พอทำเสร็จก็เอายางหนังสัตว์ ประเภทนี้ ใส่ทุกวันทุกปี ผู้ชายเดินไปไหน ก็ไม่มีแรง เมื่อก่อนอาจหาญ แต่หลังๆ ไม่มีแรง ก็ไม่มีลูกสืบพันธุ์มาเรื่อยๆ ท้ายสุด คนมองโกลทั้งประเทศ ก็ขยายการสืบพันธุ์แล้วก็ไม่มีแรง จะทำอะไร แต่ละประเทศ ก็ประกาศอิสรภาพ รัสเซียก็ได้อิสรภาพ ในประเทศก็เหลือแต่เศษคนมองโกล เพราะคนที่ชอบ นั่งหลังม้า ไปตีที่ไหน ก็ไปครองที่นั่น ยอดมนุษย์ก็หายไปหมด ที่เหลือคือ คนไม่อยากทำอะไรแล้ว ไม่อยากไปตีกับใคร ก็อยู่แต่ในประเทศ คนพวกนี้ จึงไม่มีศักยภาพ ประเทศก็พัฒนาไม่ได้ คนเก่งก็ไปตั้งประเทศอื่นๆ ประเทศอื่น ก็กลายเป็นมหาอำนาจ อินเดีย ก็เป็นมหาอำนาจ แต่ในบ้านตัวเอง ด้อยมาเรื่อยๆ

วันหนึ่งศาสนาพุทธก็เข้าไป เป็นศาสนาพุทธแบบทิเบตของลามะ ดังนั้น ผู้ชายในประเทศ ก็บวชเป็นพระภิกษุสงฆ์ ศาสนา ก็เข้าไปอยู่ในสายเลือด และจิตใจของคน มองโกเลีย ทำให้ความฮึกเหิมแต่เดิม ก็กลายเป็นคนสงบ จิตใจสงบใจ มีความสุข อยู่กับธรรมชาติ จนกระทั่ง ค.ศ. ๑๙๒๐ ก็ถูกจีนรุกรานเอาพื้นที่ไปมากกว่า ๗๐% ทุกวันนี้พื้นที่ ๗๐% ยังเรียกว่า มณฑลมองโกเลียใน เป็นของจีนแล้วเหลืออีกหน่อย ก็เป็นประเทศมองโกเลียทุกวันนี้ ข้างบนก็ถูกรัสเซียแย่งไป กลายเป็น สาธารณรัฐต่างๆ ข้างใต้ก็ถูกจีนแย่งไป ทุกวันนี้ใหญ่กว่าไทย ประมาณ๑๐ เท่า เท่านั้น

ตอนที่รัสเซียมาช่วยประเทศมองโกเลียรบกับจีนนั้น เพราะจีนจะมาแย่งเขาไป จีนจะมาฮุบทั้งหมด เอาไปมากกว่า ๗๐% แล้วต้องการจะได้ตรงนี้อีก ตอนรัสเซียมาช่วยปลดแอกให้ มองโกเลียเป็นคอมมิวนิสต์ ค.ศ. ๑๙๒๐ สุดท้าย มาเป็นคอมมิวนิสต์ ค.ศ. ๑๙๒๑ ผู้ชายมากกว่า ๘๐% ของมองโกเลียนั้น เป็นพระภิกษุสงฆ์ในศาสนาพุทธ วัดทั้งประเทศเป็นพันๆ วัด ในยุคคอมมิวนิสต์ ถูกทำลายทิ้งไปมาก พระผู้ใหญ่ สังฆราชเป็นร้อยๆ รูป ก็ถูกรัฐบาล คอมมิวนิสต์ ของมองโกเลีย จับไปประหารชีวิตในช่วงตั้งแต่ ค.ศ. ๑๙๒๑ เป็นต้นมา

ในประเทศมองโกเลีย ดังที่พูดไปแล้ว เขาหาลูกยากเพราะโดนยาทำให้หมดสภาพ ดังนั้นในสมัยก่อน ใครคลอดลูกเป็นผู้ชาย จะเป็นข่าวใหญ่โตมาก เพราะผู้ชาย สามารถสืบเผ่าพันธุ์ได้ ถ้าใครคลอดลูก และฝนตกด้วย เพราะน้ำหายาก คนที่เป็นกษัตริย์ จะมาเยือนถึงกระโจม และอุ้มเด็กคนนั้น เข้าไปเลี้ยงดูในวัง บางคนโตมาเป็นกษัตริย์ก็มี เพราะความที่ หาคนแข็งแรงยาก บางคนไปดูถูก ประเพณีมองโกเลีย ว่าทำไมผู้หญิง ในมองโกเลีย จึงใจง่าย ไปนั่งๆ ที่ไหน ผู้หญิงจะจีบผู้ชาย ส่งสายตา แล้วยิ้มน้อย ยิ้มใหญ่ ถ้าใครยิ้มตอบ ก็เป็นการต่อเรื่องกันแล้ว ถ้ามีความสัมพันธ์และเขาท้อง แทนที่เธอจะอาย เหมือนบ้านเรา เธอไม่อาย เธอจะไปหาพ่อหาแม่ แจ้งข่าวดีว่า หนูท้องแล้ว และจะให้คลอด ดูแลเด็กกันต่อไป โดยที่ไม่สนใจว่า พ่อเป็นใคร เราอย่าไปดูถูกเขา ต้องดูประวัติศาสตร์ เพราะเขาหาประชากรยาก ประเทศเขาใหญ่กว่าเรา ประมาณ ๑๐ เท่า แต่ประชากร ๓ ล้านกว่าคน เท่านั้น เขาต้องการประชาชน

พูดถึงพระของมองโกเลีย ไม่โกนคิ้ว ผมถามว่า ทำไมไม่โกนคิ้ว เขาตอบมาว่า พระโกนคิ้วมีด้วยหรือ เพราะตามหลัก พระไม่โกนคิ้ว แต่เขานับถือ ตามหลักของลามะ แล้วประเพณี ที่จะต้องสืบพันธุ์ พระจึงได้รับการอนุญาต ให้มีภรรยาได้ แต่ว่า อยู่ในชุดพระ สวมจีวรห้ามแตะต้อง ผู้หญิงเด็ดขาด เช้าขึ้นมา ก่อนจะออกจากบ้าน ก็ไปแต่งชุดพระ เสร็จแล้ว ขึ้นขี่หลังม้า ไปที่วัด พอถึงวัดก็เป็นพระ ผู้หญิงมาแตะเนื้อ ต้องตัวไม่ได้ พอตอนเย็นกลับบ้าน ลูกเมียก็ถูกตัวไม่ได้ จนกว่า จะถอด ชุดพระออก พอถอดชุดพระออก ก็เป็นพ่อ อุ้มลูกได้ กลางคืนก็เป็นเหมือน ฆราวาสทั่วไป เป็นการสวมหมวกสองใบ ใบหนึ่ง สวมหมวกเป็นพระ ใบหนึ่งสวมหมวกเป็นฆราวาส

เวลาพระไปกระโจมไกลๆ ตามที่ได้รับนิมนต์ พระมองโกเลียขี่ม้าเก่งทุกรูป เมื่อไปทำกิจของสงฆ์ ตามกระโจมต่างๆ ถ้ากลับไม่ได้ เพราะหน้าหนาว หนาวมากกว่ารัสเซีย มอสโคว์ รัสเซียอุณหภูมิ -๓๐ องศาเซลเซียส แต่มองโกเลีย -๔๐ องศาเซลเซียส ถ้าหิมะตกขนาดนั้น กลับวัดกลับบ้านไม่ได้ ต้องค้างที่กระโจม และเป็นประเพณีว่า พอตกเย็น ก็ถอดชุดพระออก แล้วสิ่งที่ชาวบ้าน เอามาถวาย ก็คือลูกสาว เพื่อจะได้มีลูก มีหลานต่อไป ประเพณีของใคร ก็แล้วแต่ เราอย่าไปดูถูกเขา อย่าไปว่าเขาเลวเขาชั่ว ของใครก็ของมัน เพราะถ้าไม่ทำเช่นนี้ เขาหมดสิ้นสูญพันธุ์ ไปนานแล้ว

เหลือเวลาอีกหน่อย เป็นเรื่องถามกันดีกว่า เชิญครับ

ถาม : อยากให้พูดถึงกรณีอเมริกาถล่มอัฟกานิสตานว่า สถานการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป เพราะมุสลิมทั่วโลก บอกว่าจะทำ สงครามศักดิ์สิทธิ์ ประเทศไทย จะเป็นอย่างไร และบิน ลาเดน เป็นคนอย่างไร

ตอบ : บางคนเขียน บิน ลาดิน จริงๆ ต้องเรียก บิน ลาเดน แต่ตระกูลเดิมของเขาเป็น บิน ลาดิน ตระกูลเดิมเป็นชาวเยเมน แล้วมาอยู่ในซาอุดิอาระเบีย จดทะเบียนนามสกุลมาเป็น บิน ลาดิน และตอนหลังถูกไล่ออกจากประเทศ ได้เปลี่ยนนามสกุล มาเป็น บิน ลาเดน

ผมคิดว่าอเมริกาไม่น่าจะบุกเต็มที่ เพราะ
๑. ไม่มีหลักฐานจริงๆ ว่าบิน ลาเดนทำหรือเปล่า เพราะการทำงานขนาดนี้ ผมไม่เชื่อว่าศักยภาพอย่าง บิน ลาเดน จะทำได้ คนที่คำนวณ ขนาดตึกซึ่งใหญ่ ไม่ใช่ธรรมดา แต่ใหญ่มากๆ ตึกในเมืองไทยไม่มีใหญ่ขนาดนี้ ตึกใบหยก ไม่ได้กะผีกหนึ่ง ของตึกนี้ แล้วไม่ใช่มีตึกเดียว เป็นตึกแฝดถล่มลงไปอย่างนั้น โครงสร้างตึกนั้น ถ้าชนธรรมดา มันไม่มีทาง ถล่มทรุดฮวบลงมา มันต้องมีการคำนวณ สมองกลวิเศษที่สุด ไม่ใช่คนที่อยู่ในป่าอย่างบิน ลาเดน แต่มันต้องคนที่อยู่หน้าเครื่องจักร คำนวณ ต้องใช้ ซูเปอร์คอมพิวเตอร์คำนวณ โครงสร้างตึก จึงถล่มลงมา ต้องใช้น้ำมันปริมาณเท่าไร ผสมอย่างไร จะไหม้เหล็ก คานต่างๆ จะทรุดฮวบลงมา ไม่ใช่คนคนเดียว หรือคณะบิน ลาเดน ที่จะทำได้

ต้องเป็นคนที่รู้เรื่องอเมริกาเป็นอย่างดีมาก รู้ถึงขนาดว่าเครื่องบินพอ take off ขึ้นมาน้ำมันยังเต็มถังอยู่ จึงต้องบินจากฝั่งนี้ ไปฝั่งนี้ ไม่ใช่จี้อีกฝั่ง เพราะอีกฝั่งบินมาไกล น้ำมันเหลือน้อยในถัง บินจากนี้ไปน้ำมันเหลือมาก และต้องมีปริมาณ น้ำมัน พอเหมาะด้วย ที่จะลงไปชโลมกับคานต่างๆ เหล็กจึงจะหลอมละลาย ต้องเป็นคนเก่งมาก ผมจึงไม่เชื่อว่า จะเป็นคนอยู่ป่า อยู่เขา อย่างบิน ลาเดน

๒. ที่ว่าเจอพาสปอร์ตนั้น นึกดู แม้แต่เหล็กยังละลาย เสื้อผ้าไหม้หมด ศพยังหาไม่เจอ แต่เจอพาสปอร์ตทุกเล่ม บอกว่าเป็นของ ผู้ก่อการร้าย

๓. เจอจดหมายด้วย ยิ่งไปกันใหญ่

่๔. พอเรือบินชนตูมปับ พวกอิสลามในตะวันออกกลางดีใจกันใหญ่ ชนตูมในเวลาประมาณ ๑ ชั่วโมง ซีเอ็นเอ็นก็ไปถ่าย ว่าพวกปาเลสไตน์ยิงปืน ไชโยโห่ร้อง ภาพที่ออกมา เป็นภาพกลางวัน แต่ในตอนชน เป็นตอนเช้า ของประเทศอเมริกา ซึ่งจะเป็นตอนมืด ในตะวันออกกลาง แต่ภาพออกมา เป็นสว่างโร่

๕. คนในประเทศตะวันออกกลางไม่ค่อยจะมีทีวีดู ยิ่งในปาเลสไตน์ ยิ่งไม่ค่อยมีทีวีดู แล้วรู้ไว้ได้อย่างไร เป็นคนแก่ เป็นเด็ก ท่าทางเหมือน ถูกว่าจ้างมายิงปืนโป้งๆ ป้างๆ ไว้ก่อน จะเป็นแผนอะไรหรือเปล่า เราก็ไม่รู้ได้

ที่ถามว่าเขาเป็นคนอย่างไรนั้น ผมไม่ค่อยทราบมากนัก แต่ทราบว่าเขาเคยเป็นสายลับซีไอเอ สายลับคนที่หนึ่งของซีไอเอ คือ ซัดดัม ฮุสเซ็น ตอนนั้น พ.ศ. ๒๕๒๒ โคไมนีขึ้นมาเป็นผู้นำ เขาต้องการจะใช้ศาสนา ปกครองประเทศ จึงเปลี่ยน ประเทศอิหร่าน เป็นสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน แต่เดิมนั้นเป็นนักการเมือง ปกครองประเทศ เขาไม่เอา เขาจะเอาพระปกครอง จึงไปเชิญ ผู้นำศาสนา ชื่อว่า โคไมนี อเมริกากลัวมาก ก็จะจัดการกับพระรูปนี้ โดยไปตั้งซัดดัม ฮุสเซ็น ซึ่งเป็นทหาร ขึ้นมาเป็นผู้นำ ห่างจากโคไมนีขึ้นมาเพียง ๓ เดือน และซัดดัม ฮุสเซ็น ก็รวบรวมกำลัง ไปรบกับอิหร่าน ใช้เวลาถึง ๘ ปี หลังจากนั้น ซัดดัม ฮุสเซ็น ในอดีตที่เป็นคอหอย กับลูกระเดือกกับสหรัฐอเมริกา ก็หันมารบกับอเมริกา จนกระทั่ง ทุกวันนี้ ตั้งแต่ปี ๒๕๓๓ เป็นต้นมา

คนที่สองคือ อุซามะฮฺ บิน ลาเดน แต่เดิมก็เป็นสายลับซีไอเอ อเมริกาให้ทุกอย่าง เงิน อาวุธ ทุกอย่างที่อยู่ในอัฟกานิสตาน เป็นเงินอเมริกาทั้งนั้น เพราะอเมริกา ต้องการใช้ บิน ลาเดน ไปรบกับโซเวียต โซเวียตมาปกครองอัฟกานิสตาน รบกัน อยู่หลายปี อเมริกาก็ไม่ชำนาญพื้นที่ จึงใช้สายลับคนหนึ่ง คือ บิน ลาเดน ไปเป็นผู้นำต่อต้าน สหภาพโซเวียต ในประเทศ อัฟกานิสตาน บิน ลาเดน ได้เงินมาก็ซื้ออาวุธ ที่เหลือก็เจาะรูเป็นห้องหับ ตามเขาต่างๆ หลังจากทราบข้อมูลต่างๆ ของอเมริกา มากพอสมควร วันหนึ่งก็หันกลับ ไปหาศาสนา นี่จะมาทำลาย ชาติพี่น้องเราหรือ เหมือนขับรถไปไกลๆ ก็เหยียบเบรกปับ กลับรถวิ่งชน อเมริกาเลย นี่คือ บิน ลาเดน ที่ผมรู้จัก
(อ่านต่อฉบับหน้า)

(เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๓๘ มกราคม ๒๕๔๕)