page: 3/8

สารบัญ
ดวงดาว
[หน้า1]
ดวงคน
[หน้า2] [หน้า3]
ดวงธรรม
[หน้า4] [หน้า5] [หน้า6]
กรรมนิยม
ตามคติของชาวพุทธ
[หน้า7] [หน้า8]

ปริวัฏฏ์ ๓ ของไตรลักษณ์ นี้ แปลเป็นไทยได้ว่า เป็นสภาพหมุนรอบเชิงซ้อน ของไตรลักษณ์ มันหมุนรอบวนไป จนกระทั่งซ้อนไป ซ้อนมา

ได้สิ่งได้สภาพที่ต้องการ-ได้ยศ-ได้สรรเสริญ-ได้สุข ก็เป็น “ลาภ” ในโลกของคน และพร้อมกันนั้นเกิดปฏิกิริยา (ในจิต) “อร่อย” ที่ได้สมใจใน "ลาภ” ก็เป็น “สุข” อีก เห็นความวนไหม สภาพของคนหลง ทุกแง่ทุกมุมอย่างนี้

อยากได้ลาภ ก็ต้องพยายามทำตนให้ดี มีความขยันหมั่นเพียร มีการพิจารณาสิ่งที่ควรกระทำ แล้วก็กระทำ หรือสร้างสรรขึ้นตามฐานะ จะเอาอะไรมาร่วมประกอบ ช่วยให้ได้บรรลุสิ่งเหล่านี้ ก็ปรุงแต่งขวนขวายเอา ก็จะได้ตามที่ต้องการ หรือ อาจจะไม่ได้ตามต้องการ ถ้าได้แล้วเกิดปฏิกิริยา “อร่อย” (ในจิต) ก็เรียกว่า “สุข” ถ้าไม่ได้แล้วเกิดปฏิกิริยา “ไม่ชอบ” ก็เรียกว่า “ทุกข์” แต่ถ้าไม่เกิดปฏิกิริยา (ในจิต) เพราะฝึกฝนจนไม่เป็นทาสลาภ ล้างกิเลสาสวะตัวโลภในจิตได้จริง ก็ไม่ “สุข” และไม่ “ทุกข์” ไม่ว่าจะได้สมใจหรือไม่

สภาพของโลก เป็นเช่นใด?

เส้นทางโคจรของคน หรือดวงคน เดินทางไปกระทบ หรือชนกับอะไรๆก็ตาม ก็จะเกิด "โลภะ” กับเกิด “โทสะ” นี้เรียกว่า สภาพของโลก

ไม่ชอบ ก็เป็นลักษณะ ผลักออก (โทสะ)

ชอบ ก็เป็นลักษณะ ดึงดูดเอามาให้แก่ตน (โลภะ)

ทางวิทยาศาสตร์ ก็คือ แรงผลัก กับ แรงดูด

ทางธรรม ก็คือ โทสะ กับ โลภะ

ดวงดาว ดวงคน ก็มีอยู่ ๒ แรง คือ แรงผลัก กับ แรงดูด เท่านั้นเองไม่มีอื่น

ดาวยึดอยู่-ดาวก็ยังอยู่ ดวงดาวแตกแล้ว-ดวงดาวก็เกิดอีก คนยึดอยู่-คนก็ยังอยู่ คนตายแล้ว-คนก็เกิดอีก เป็นอย่างนี้ไม่มี “จบ”

แต่…..มันมีที่จบ และเราจะจบได้ ต้องเข้าใจดวงธรรมของพุทธ

อย่าหลงรสอร่อยในโลก

โลก หลอกล่อด้วย ความสวย-ความงาม หลอกล่อด้วยลาภ -ยศ -สรรเสริญ

คน กินพอดี แต่งตัวพอประมาณ มีที่อยู่พอหลบแดดหลบฝน เจ็บไข้ก็มียารักษาโรคพอประมาณ มีอุปกรณ์บริขาร เครื่องใช้สอยที่จำเป็น อย่างสมควรแก่กิจที่สำคัญพอแล้ว ขอให้คิดอย่างนี้ให้มากที่สุด อย่าไปคิดฟุ้งเฟ้อ เห่อเหิมอะไรให้มากมายเลย เลี้ยงตนให้พอประมาณในปัจจัย ๔ อย่างพอดี มีการงานที่เป็นคุณค่าประโยชน์แก่คน ให้ได้มากๆ พอแล้ว

พลังงาน สมรรถภาพ มีเท่าไหร่ ก็ทำงาน ทำงาน ทำงาน ตั้งหน้าทำงานให้จริงๆ ไม่ต้องคิดถึงค่าของเงิน หรือสิ่งตอบแทนอะไรให้มากมาย เมื่อทำตนได้อย่างนั้นจริงๆ ก็จะเข้าหางานที่สูงขึ้น คือ งานที่เบาลง เบาลง (เบาใจ)

งานหนัก งานเบา

งานหนักทางโลก ก็คือ กรรมกรแบกหาม ขุดดิน ฟันหญ้า เป็นต้น

งานเบาทางโลก ก็คือ ได้เป็นนายงาน ได้ใช้สมอง ได้ชี้นิ้ว เหงื่อไหลไคลย้อยน้อยลง แต่ยิ่งชี้ใช้เท่าไร คุณก็ยิ่งคิดมากเท่านั้น ไม่หนักกายภายนอก แต่ก็หนักภายใน หนักทางคิดๆๆๆ เพื่อจะชี้เขา สั่งเขา ให้ทำๆๆๆ

ผู้ฉลาดจริงๆ จะไม่เอางานหนักทั้ง ๒ ส่วน เบาทั้งไม่แบก เบาทั้งไม่คิดจู้จี้จุกจิก ไม่ต้องชี้ใช้ใคร ใครจะทำอะไร ให้ก็อนุเคราะห์ ตามเรื่องตามราว พอประมาณ ทำเองได้ทำเองตามควร เขามาทำให้เรา ก็เหมือนเราเบียดเบียนเขา ถ้าเขามาช่วยเรา ด้วยความยินดีเอง แล้วช่วยกันทำเพื่อผู้อื่น ก็เป็นไปตามศรัทธา และปัญญาของผู้นั้นๆ เรามีเวลา มีความสามารถ ก็ควรทำเองให้ได้มากที่สุด

เราทำประโยชน์ให้เขาได้ เขาก็อยากตอบแทน สนองคุณเราเอง ไม่ต้องไปอยากได้ การตอบแทน แม้ใครจะไม่ตอบแทน ก็ช่าง

ถ้าเรายังทำประโยชน์อยู่ และเป็นประโยชน์เพื่อผู้อื่นจริงๆ เท่าใดๆ ยิ่งทำมาก คนอื่นก็อยากเอื้อเฟื้อมาก เป็นธรรมดา เรียกว่า การกระทำออก

การได้รับผลตอบแทน ก็จะเอื้อกัน เกื้อหนุนกัน ในรูปรอยอย่างนี้เสมอๆ แม้แต่อาหารการกิน เขาก็อยากให้กิน เพื่อเลี้ยงขันธ์นี้ไว้ ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด

สูงสุดทางโลก ถ้าไม่เหนื่อยกาย (กรรมกรหรือนักผลิต) ก็มาเหนื่อยสมอง (นักบริหาร)

ตำแหน่งสูงสุด จะเป็นนายกฯ พระเจ้าแผ่นดิน หรือจอมจักรพรรดิ วางแผนอะไรก็ต้องคิด เพื่อที่จะบงการ

ดวงใดหนอที่ต่างหมายปอง

คุณอยากจะเป็นนายกฯ คุณก็ตั้งหน้าตั้งตาบุกเบิก หนทางของคุณไป ถ้าไม่เหนื่อย ชาตินี้ไม่ได้เป็น ก็สั่งสมความดีไป บางทีชาติหน้าชาติโน้น ก็เป็นได้เหมือนกัน

แต่แท้จริงจะบอกให้ พวกคุณบางคน เคยเป็นนายกฯ เคยเป็นเจ้าเมือง เคยเป็นพระเจ้าแผ่นดิน เคยเป็นหมู-เป็นหมา เกิดมาคนละหลายๆ หมื่น หลายๆแสนชาติ แต่คุณจำไม่ได้ ระลึกชาติไม่ได้

อยากเป็นนายกฯเป็นกษัตริย์ ก็เจ็บแสบเป็นทุกข์ทั้งนั้น อย่าไปเป็นเลย พอเสียทีเถอะ จบกันซักทีเถอะ เดินทางให้ดีกว่านี้ดีกว่า ดวงของคนระงับเสียที

ดวงของคนเราวิ่งไปในทางสูงที่สุด ก็เป็นกษัตริย์ ต่ำสุดก็เป็นขอทาน เลวกว่านี้ก็เป็นได้ แม้กระทั่งสัตว์เดรัจฉาน วนเวียนเกิดแล้วเกิดเล่า อยู่เท่านี้เอง

อย่าเป็นดวงคนเลย ขอให้ระงับอย่าคิดถึงมัน แล้วก็อย่าอยากเป็นอะไรอีกเลย แต่จงพากเพียร ก่อกรรมดีที่ควรทำควรเป็นโดยไม่ต้อง “อยาก” ทำด้วย “ความรู้ตามจริง” ในปัจจุบันนั้นๆ ไปๆๆๆ

ดวงคน จะโคจรไปอย่างนี้เรื่อยๆ ถ้าจะเป็นนายกฯ เป็นจอมจักรพรรดิ ก็ตั้งหน้าตั้งตา สั่งสมกรรมดีของคุณไป สักวัน-สักชาติงานนายกฯ มาถึงโดยคุณจะต้องทำก็ทำ ถ้าไม่ประสงค์จะทำก็ให้คนอื่น

การเป็นจอมจักรพรรดิในโลก ถ้าไม่ใช่จอมจักรพรรดิโดยธรรม ที่เป็นอริยบุคคล ต้องฆ่าคนนะ แล้วฆ่าคน บาปไหม? ชาติต่อไป จะได้เป็นจอมจักรพรรดิอีกหรือ? ลงนรกเท่านั้น ไม่ได้เป็นหรอก เป็นทำไม วนเวียนอยู่อย่างนั้น จะโคจรอยู่อย่างนี้ตลอดกาล

มาแสวงหาดวงธรรมกันเถอะ


  ดวงดาว ดวงคน ดวงธรรม
 
มิติที่ 1 กามนิยม
page: 3/8
   Asoke Network Thailand
อ่านต่อ ดวงธรรม