21.
ผู้ที่หลุดแล้ว พ้นแล้ว
ย่อมหลุดก่อนพ้นก่อน และย่อมนำหน้า
ผู้กำลังแจ้งใจนิพพาน ย่อมสว่างไสว
ย่อมผุดผ่อง และโดดเด่นเป็นกลาง
ผู้ที่มีตาดี มีความเป็นอริยะ เห็นและเลื่อมใสในผู้นำหน้าแท้ เห็นและซาบซึ้งใจชัด ในผู้เป็นกลางจริง ก็ย่อมจะตามอย่างกระชั้นชิด ติดมาเป็นท้าย
ดังนี้เสมอแล คือ ศาสนาพุทธ
(11 พ.ย. 25 2519)
- กลับไปที่หัวเรื่อง
22.
การได้ "ให้" แก่ผู้อื่นเสมอ หรือผู้ได้ทำ "การเสียสละ" นั้นก็เป็นคุณธรรม ที่เลิศที่ยอดแล้วสำหรับผู้ทำ ยิ่งเราได้ให้ หรือได้เสียสละ ด้วย"ปัญญา"
ว่านี่สมควรหรือไม่สมควร แล้วจึง"ให้" จึง"เสีย"!
ก็ยิ่งเลิศ ยิ่งยอดยิ่งแล ที่สุด เรา"ให้" ด้วยจิตสงบจิตเฉย
"เสียสละ"ด้วยจิตเปล่า ไม่ต้องการอะไรมาตอบแทน "ให้"โดยไม่มีจิตคิดแลกเอาอะไร
แม้แต่เพียงเผลอยึดเอาคุณธรรมความดีนี้ไว้ เพื่ออวดอ้าง ข่มกับผู้อื่นก็ไม่มี
ก็ยิ่งนั่นแหละ คือ ยอดธรรมเลิศมนุษย์ สำหรับผู้ทำได้เป็นได้
(11 พ.ย. 2519)
- กลับไปที่หัวเรื่อง
23.
สะอาด ผ่องใส โดดเด่น รุ่งแจ้ง
สงบ สุดยอดแห่งความสุข
(11 พ.ย. 2519)
- กลับไปที่หัวเรื่อง
24.
ผู้เห็น "โลกธรรม" เป็นสิ่งน่าได้น่ามี น่าสะสมแสวงหา
ก็จะสำคัญมั่นหมาย เอาตายเอาเป็น อยู่กับ"โลกธรรม"
สุข-ทุกข์อยู่กับ"โลกธรรม"
ผู้เห็น "โลกุตรธรรม"
แท้จริงเท่านั้น ที่จะเลิกสุข-ทุกข์ กับ"โลกธรรม"
ได้แท้จริง จริงๆ
(11 พ.ย. 2519)
- กลับไปที่หัวเรื่อง
25. ผู้รู้ตัวว่ามี "ภาระ" แล้วรู้จักขีด "ขอบเขต"ของภาระ ไม่ให้โตใหญ่ หรือ เพิ่มให้แรงขึ้นมาอีก และไม่หา "ภาระ"ใหม่ มาให้ตนอย่างฉลาด
ก็มีวันจะสิ้น"ภาระ" ได้แน่นอน
(11 พ.ย. 2519)
- กลับไปที่หัวเรื่อง
26.
"ผู้ที่ได้ตักบาตรกับพระอริยะ เพียงหนึ่งครั้งนั้น
ได้บุญยิ่งกว่า ผู้ตักบาตรกับพระ ที่ไม่ใช่อริยะร้อยครั้ง"
ดังนั้น การ"ตักบาตร" จึงควรใช้ "ปัญญา"
(30 พ.ย. 2519)
- กลับไปที่หัวเรื่อง
27.
"นิพพาน" นั้นคือ ความสุขที่ยิ่งกว่าความสุข
ซึ่งมนุษย์ควร"รู้" และควรไปให้ได้ แท้จริงที่สุด
ผู้รู้จักแม้เพียง"นิพพาน"น้อยๆ ก็จะยืนยันได้ ดังนั้น
จงรู้ "หนทางที่จะไปให้ได้" แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตา
ไป
ไป
ไป
ให้ถึงเถิด!
(30 พ.ย. 2519)
- กลับไปที่หัวเรื่อง
28.
ผู้รู้
เพียง "รู้" แม้จะรู้อย่างเก่งยอดปานใดก็ตาม
ถ้าตน"ทำ"ไม่ได้! "เป็น"ไม่ได้ตามนั้น!
ก็ยังไม่ชื่อว่า "เป็นผู้ข้ามได้แล้วถึงฝั่ง"
(30 พ.ย. 2519)
- กลับไปที่หัวเรื่อง
29.
ผู้จะข้ามฝั่งไปนิพพานได้นั้น จะต้องรู้จัก "ภาระ"
ทั้งที่เราแบกหาม รับผิดชอบอยู่นอกตัว และทั้งในตัวเอง ที่เป็นภาระให้แก่ตัวเอง
แล้วอย่าให้ภาระนั้นโตก่อนอื่น จากนั้นก็เร่งมือทำภาระที่มีนั้น ให้หมด
ให้ลดละ ปละปล่อยให้ได้สิ้น
(19 ธ.ค. 2519)
- กลับไปที่หัวเรื่อง
30.
ผู้สิ้นภาระแล้ว จะเป็นอยู่กับสิ่งที่ตนเห็น ด้วยอธิปัญญา ว่าเหมาะควร อย่างไม่มีภาระสนิทใจแท้
เป็นสัมมากัมมันตะ เป็นสัมมาอาชีวะ ได้อย่างมีประโยชน์สูง - ประโยชน์สุดจริงๆ
(19 ธ.ค. 2519)
- กลับไปที่หัวเรื่อง
31.
การได้เห็น "พระอริยะ" แล้วอนุโมทนานั้น ก็ได้ชื่อว่า เป็นคนที่มีบุญยิ่งแล้ว
แต่จะดียิ่งกว่านั้นอีก ถ้าเข้าหา"พระอริยะ" เรียนรู้ความเป็น
"พระอริยะ" แล้วทำตนให้เป็น "พระอริยะ"
ให้ได้ด้วย ก็ยิ่งเป็นบุญยิ่งๆขึ้น เป็นระดับๆ ซับซ้อนมากยิ่งขึ้นๆ
(22 ธ.ค. 2519)
- กลับไปที่หัวเรื่อง
32.
ผู้ "ฉลาดน้อย"
(โง่) จะเห็น "ความงาม" ได้เพียงสี เพียงรูป เพียงกลิ่น
เพียงรสสัมผัสต่างๆ เท่านั้น ผู้ "ฉลาดมากกว่า" (อริยะ)
จะเจาะเห็น "ความงาม" ที่เหนือชั้น หรือลึกซื้งได้ยิ่งกว่านั้น
(19 ธ.ค. 2519)
- กลับไปที่หัวเรื่อง
33.
"ความโกรธ" ไม่เคยทำให้ผู้โกรธเป็นสุข หรือเอร็ดอร่อยเลย คนโง่เท่านั้นที่จะยังโกรธ เหตุอันเลวแท้ ที่ทำให้คนโกรธได้ง่ายที่สุด คือ
"การเอาแต่ใจตัว"
ผู้ฉลาดแท้ (อริยะ) ย่อม"ไม่เห็นแก่ตัว"
แม้ที่สุดไม่เห็นแก่ "ใจ" (ที่ยึดซึ่งจะเอาแต่ ตามที่ใจตัวเห็นดี)
ของตัวเอง
(19 ธ.ค. 2519)
- กลับไปที่หัวเรื่อง
34.
"ชีวิต" คือ
การเกิดมาเพื่อ "หัดกระทำ" ผู้กระทำดีฝึกดีหัดดี
ก็จะได้ดีไป ผู้กระทำชั่ว ฝึกแต่ตามใจกิเลส หัดแต่สิ่งไปสู่ทางต่ำ
ก็จะได้แต่ชั่ว ได้แต่กิเลส ได้แต่ความต่ำไป แม้ภายนอกของผู้นั้น จะมีเงินร่ำรวย
จะมียศล้นฟ้า จะมีความงามสุดโลก จะมีเสียงไพเราะสุดใจ หรือจะมียอดสมบัติใดๆ
อีก อีกก็ตาม ที่ไม่ใช่คุณสมบัติแห่งมโนธรรม ก็จะไม่ใช่ "ความดีแท้
สูงแท้" ที่ชีวิตเกิดมาเพื่อจะได้เลย
(20 ธ.ค. 2519)
- กลับไปที่หัวเรื่อง
35.
ลาภ-ยศ-สรรเสริญ และความรัก-ความต้องการ อย่างนั้นอย่างนี้ ให้ได้สมใจเรา
(เมื่อสมใจก็เรียกมันว่า"สุข") นั้น มันเป็นนายคนที่โง่
คนที่ยอมเป็นทาสมัน มามากว่ามาก ผู้ลดความต้องการใดๆ ลงได้บ้าง
จะสุขจะแจ่มใส คลายเศร้าลงบ้าง ถ้าลดความต้องการต่างๆ ที่เรารู้มันจริง ได้มากเท่าใด
ผู้นั้นชื่อว่า ผู้พ้นทุกข์ ผู้ประเสริฐ ผู้แสนฉลาด มากเท่านั้นๆ
(22 ธ.ค. 2519)
- กลับไปที่หัวเรื่อง
36. คนผู้ไม่รู้ว่า "ธรรมะ" เป็นของดีนั้น "โง่"กว่าผู้ที่รู้ว่า "ธรรมะ"
เป็นของดีแท้ นั้นก็จริง แต่ผู้ที่รู้ว่า "ธรรมะ"เป็นของดีแท้ ทว่า
ไม่พยายามไขว่คว้าเอา "ธรรมะ"นั้น มาให้แก่ตนสิ "โง่"ยิ่งกว่าใครไปเสียอีก โดยแท้จริง
ดังนั้น พยายามใดเพื่อ"โลกียารมณ์" เท่าไหร่ๆ เรายังพยายามได้
ก็ทำไมจะพยายามเพื่อ"โลกุตระ" ให้แก่ตนแท้ๆ จริงๆบ้าง ไม่ได้เล่า?
(22 ธ.ค. 2519)
- กลับไปที่หัวเรื่อง
37.
ความมั่งมีเงินทอง ความไม่ต้องทำงานอะไรเลยนั้น
ไม่ได้หมายความว่า คือการมีความสุข หรือความไม่มีเงินทอง ความที่ต้องทำงานมากๆ
ก็ไม่ได้หมายความว่า คือ การมีความทุกข์ แต่ความมีการงานที่สุจริต มีประโยชน์แท้นั่นสิ
เป็นความดีล้น ที่มนุษย์ควรเป็น และไม่ต้องมีเงินทองให้มากมายนั้นสิ กลับเบาง่ายว่าง ไม่เป็นภาระดีเสียยิ่งกว่า ซ้ำไม่ต้องเป็นภัยแก่ตนเสียอีกด้วย
(23 ธ.ค. 2519)
- กลับไปที่หัวเรื่อง
38.
"คน"นั้นเกิดมา มักจะหลงเข้าใจว่า เราเกิดมาเพื่อ"จะเอา" จะ"อยากได้" ให้ได้มากๆ นั้นเป็นความดี - ความประเสริฐ
จึงได้ทำให้แต่ตนอยู่อย่างไม่รู้ลด ซึ่งเป็นการขาดทุนที่สุด
แต่แท้จริงแล้ว ความประเสริฐ - ความดีนั้น คือ "การให้"
และ "ความหมดอยาก" นั่นต่างหาก จงสะสมความดี ความประเสริฐ ให้ถูก ให้ตรงแท้ๆ
เถิด เกิดมาเป็นคนทั้งที
(24 ธ.ค. 2519)
- กลับไปที่หัวเรื่อง
39.
การทำตนให้สภาพภายนอกของเรา "ดี" ไว้เสมอนั้น ก็ดีมากแล้ว สำหรับมนุษย์
ยิ่งได้ทำ "ใจ" ของเราให้สะอาด ไม่สะสมความพยาบาท
ไม่สะสมความใคร่อยาก ไม่สะสมความเบียดเบียนให้ได้ ก็ยิ่ง"ดียิ่ง" ขึ้นไปอีก และนั้นแหละ ทางเดินไปสู่ นิพพาน แท้ๆ
(24 ธ.ค. 2519)
- กลับไปที่หัวเรื่อง
40.
ทำ "ความรู้แจ้ง - รู้กระจ่าง - รู้ชัด - รู้ให้ง่าย ให้ถึงจุดแท้นั้นเถิด แล้วค่อย
"รู้มาก" หรือ "รู้เพิ่ม"
(3 ม.ค. 2520)
- กลับไปที่หัวเรื่อง
|