[เลือกหนังสือ]      ปก | คำนำ | สารบัญ | ภาคผนวก | คัชนี | ผู้เขียน
page: 4/7

[สงคราม] [เราข้ามเวลามาพบกันแล้ว] [กับคู่กาม] [กับคู่กัด] [กับคู่แข่ง] [กับคู่เกื้อกูล] [ในความเป็นคู่]


[4] กับคู่กัด

ด้วยสำส่อน มักมาก โง่เขลาของใจปรารถนาบงการคนไป เราจึงเห็นใครต่อใคร แก่งแย่งแข่งขันจะเอาคนนั้นคนนี้ สิ่งนั้นสิ่งนี้ จะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ด้วยสิงสนองไม่พอเพียงแก่ใจต้องการ ทั้งบ่อยหนหลายคนกลับประสงค์ตรงกัน จากนั้นสงครามดวลเขี้ยวเพื่อแย่งชิงก็เกิดขึ้น ทุเรศกรรมเช่นนี้ใช่เพิ่งมีปรากฏ หากเกิดสมัยไดโนเสาร์นั้นยันยุค ดิจิตอลนี้ มันเป็นสายพันธ์อวิชชากลายมาเป็นโทษนิสัย

ในวัฏฏะกาละจากภพชาติปางบรรพ์ถึงวันนี้ มิทราบเราท่านก่อคดีหมั่นไส้เพียงเพราะแก่งแย่งมามากน้อยแค่ไหน?

สะสมคู่กัดมามากน้อยเพียงใด?
แต่สัมผัสทางจิตบอกชัดว่ามีแน่ และเราข้ามเวลามาพบกันแล้ว

เคยไหมใครบางคนเพียงเห็นก็ใจหายเหมือนลางตายมาบ่งชี้ (คนที่เคยเห็นแล้วมีบ้างไปเกิดใหม่แล้ว) ใครบางคนเพียงเห็นก็เกิดช่องว่างอันชาเย็นคล้ายม่านหิมะกางกั้นกระนั้น และมีแน่เพียงเห็นก็อยากให้รู้รสชาติของยิ้มที่ไร้ฟันหน้าชะบ้าง!

ใครคนนั้นแม้เป็นคู่กัดกันมาแต่เก่าก่อน หรือจะเริ่มเป็นคู่กัดกันบัดนี้ก็ตาม หากท่านเบื่อหน่ายหน้าแหก ฟันหัก มิตรไม่รัก พรรคแตก อย่าได้ลดตัวลงต่ำต่อไปเลย และโลกนี้มีใครเล่ามิใช่พี่น้องผองเรา!

ท่านรู้ดีมิใช่หรือ โกรธ อาฆาต พยาบาท ถือสา ชิงชังรังเกียจ ไม่ชอบใจ หมั่นไส้ เหล่านี้มีแต่กุก่อร้อนเร่าเผาใจ บั่นทอนภูมิต้านทานในชีวิตให้ลดลง ทั้งทำลายสติปัญญาให้เลอะเลือน ไม่รู้จักควรไม่ควร ยิ่งอภัยหรือเปลื้องปล่อยวางใจไม่เป็น การแยกเขี้ยวยิงฟันหอนเห่าโอหังใส่กัน มิอาจหลีกเลี่ยงแน่แล้ว! และใครเล่าสูญเสียความเป็นสุภาพชน? ใครเล่าประจานตนต่อสาธารณะ? และสนุกนักหรือกับการกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันลงกระทะทองแดง ปรัชญาชีวิต Modern Walk บทหนึ่งกล่าว

ร้อยถ่อยพันสถุลของคุณใดใครก็ตาม
มิใช่เราไม่เคยทำ มิใช่เราไม่เคยเป็น
เราต่างเคยเป็นและเคยทำ
เกินนิยามระยำจะทดแทนกล่าวขานได้
อาจเข้าใจยากหน่อย แต่ลองแลลงไปในอาการของใจดูสิ
สักกี่ใครไม่เห็นความเป็นว่าที่ฆาตกร?
สักกี่ใครไม่เห็นความเป็นว่าที่ขุนโจรหรือนักจิ๊กชั้นกระจอก?
สักกี่ใครไม่เห็นความเป็นว่าที่มาตกามหรือจอมโจรปล้นสวาท?
ตราบใดใจยังไม่สิ้นโทสะโลภะราคะ มนุษย์ชาติล้วนคือคนชั่ว!
ที่เหตุปัจจัยยังไม่เอื้ออำนวยต่อการลงมือด้วยกันทั้งสิ้น

เว้นเพียงบุคคลผู้มีมโนคำนึงถึงธรรม หรือสัจธรรมหยั่งลงแล้วเป็นรากแก้วของชีวิตเท่านั้น และโทสะ โลภะ ราคะ ที่ยังเหลืออยู่หรือมิใช่เดนกากซากชั่ว ที่มนุษย์ชาติเคยก่อกรรมทำเข็ญเป็นมาในเส้นทางสังสารวัฏ? เท่านี้พอเพียงเพื่ออภัยแก่ใครๆทุกคนแล้วมิใช่หรือ?

ก็รู้ชัด…เป็นอยู่อย่างมีคู่กัดอึดอัดยิ่งนัก แล้วเห็นดีด้วยไหม ต่อไปเราท่านใส่ใจความรู้สึก เพื่อรู้เบื้องลึกความเป็นไปของใจมนุษย์กันให้มากขึ้น เพราะเป็นทางหนึ่งที่ทำให้คลายความอึดอัด เกิดรักแท้และสงสารสรรพชีวิตได้มากขึ้นกว่าเดิม

ลองมองลงไปในดวงตาของคู่กัดดูสิ จะรู้สึกและเห็นได้ถึงความนัยใจ ใจที่เลื่อนลอยคล้ายรอคอยอะไรบางอย่างที่เจ้าของหัวใจก็ไม่รู้ ใจที่บอบช้ำเหมือนถูกกระทำย่ำยีด้วยความผิดหวัง ใจที่คลุ้มคลั่งคล้ายดั่งหมาบ้าสิงสู่อยู่หลายสิบตัว ใจที่เหมือนมีระเบิดเวลาฝังไว้นับพันลูกและใจที่เวิ้งว้างว่างเปล่า…ว่างเปล่าจากสติปัญญาโดยสิ้นเชิง

เหล่านี้มีบ้างปรากฏแล้วในดวงตา ตาที่เป็นหน้าต่างของวิญญาณหรือตัวตนของคนนั้น เมื่อเนี้อนัยของใครต่อใครเป็นเช่นนี้ การแสดงออกไม่ต้องบอกแล้วว่าพร้อมกักขฬะหรือไม่

น่าเห็นใจ…เพราะตราบใดยังไม่ลุซึ่งนิพพาน มนุษยชาติต่างมีความเก็บกดด้วยกันทั้งนั้น มันมาจากปรารถนา มาจากเรียกร้องต้องการไม่ได้รับสนองตอบ มาจากไม่รู้อิ่มรู้พอต่อสิ่งที่ผู้อื่นหยิบยื่นมาจากการพลัดพรากที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

โดยจริงเพียงเผชิญมลพิษวันต่อวัน เผชิญปัญญาล่าช้าในการเดินทาง การดิ้นรนแสวงหาหรือรักษาตำแหน่งในการดำรงชีพ ทั้งค่าใช้จ่ายในการเป็นอยู่ของตน คนในครอบครัว ญาติพี่น้อง

ประมาณนี้ มนุษย์เราไม่เอาเชือกคล้องคอแขวนขื่อ ไม่เอาหัวกระโหลกโขกโลก หรือฆ่าตัวตายด้วยอุบาทว์วิธีใดๆนับว่าควรแก่รางวัลขันติชน สาขาพัฒนาหนาทนดำรงตนในโลกโลกีย์ แถมควรสดุดีแซ่ซ้องสรรเสริญแล้วมิใช่หรือท่าน?

ฉะนั้น หากเมื่อใดใครคนนั้นกระแทกกระทบตบใจ
หรือสำรากขากถุยทุจริตใส่ชีวิตท่านบ้าง
จงมองตา ดูใจ ท่านความนัย แล้วอภัยกันเถิด
และเมื่อต้องเป็นกระโถนรองรับระบายบ้า
คิดเสียว่าเป็นการบำเพ็ญบุญอีกช้อยส์หนึ่ง

   [เลือกหนังสือ]
page: 4/7
   Asoke Network Thailand