[เลือกหนังสือ]      ปก | คำนำ | สารบัญ | ภาคผนวก | คัชนี | ผู้เขียน
page: 6/7

[สงคราม] [เราข้ามเวลามาพบกันแล้ว] [กับคู่กาม] [กับคู่กัด] [กับคู่แข่ง] [กับคู่เกื้อกูล] [ในความเป็นคู่]


[6] กับคู่เกื้อกูล

โลกประหนึ่งห้วงมายาอันยิ่งใหญ่ ตราบชายหญิงไม่รู้ซึ้งถึงโทษภัย ต่างต้องจากไปแล้วกลับมา กลับมาแล้วจากไปไม่สิ้นสุด…

ดุจทารกซ่าหลงก๊วนยาบ้าวนเวียนเข้าออกฉะนั้น!

กว่าจะถึงภพชาติปัจจุบัน เราท่านจึงได้เรียนรู้ความเป็นหลากหลาย ผ่านสัมพันธ์ภาพต่างมิติมากมาย เหล่านี้มีองค์ประกอบให้มนุษยชาติ ผ่านการเป็นผู้รับเป็นผู้ให้ เคยซาบซึ้งตรึงใจถึงขั้นถักทอเยื่อใยไมตรีปรารถนาดีต่อกันมา เห็นโดยเซ็นซ์ได้ในปัจจุบันหลายคนเราท่านพบแล้ว ต้องการช่วยเหลือเกื้อกูล ต้องการให้ โดยมิต้องเอ่ยเหตุผลมากไป แม้ต่างสายเลือดเผ่าพันธ์ระดับชั้น ก็มิใช่เรื่องกางกั้น ไยดีที่มีให้กัน มีบ้างเราเป็นผู้ให้เกื้อกุลต่อผู้อื่นก่อน มีบ้างผู้อื่นเป็นผู้ให้เกื้อกูลต่อเราก่อน และมีแน่สองเรามีน้ำใจพร้อมเป็นผู้ให้และเกื้อกูลต่อกัน

บอกต่อท่านใครคนนั้นอาจเคยเป็นมารดาบิดา พี่ชายพี่สาว น้องชายน้องสาว สามีภรรยา วงศาคณาญาติ เพื่อนสนิทมิตรสหาย นายกับบ่าว หรืออุปัชฌาย์อาจารย์กับศิษย์…เป็นได้

แม้ชาตินี้สถานภาพอันเคยมีเป็นอื่นไปแล้ว คงเดิม หรือชิดใกล้เคียงเดิม นั้นแหละคู่เกื้อกูลของท่าน

การเกื้อกูลจะด้วยเยื่อใยไมตรีจากภพชาติปางก่อน หรือเริ่มเกื้อกูลกันปัจจุบัน ล้วนเร้าความรู้สึกสวยซึ้งให้เกิดขึ้นทั้งสิ้น!

กับคู่เกื้อกูลที่ข้ามเวลามาพบกัน คงต้องตรวจสอบอย่างสำคัญ เพราะพรากจากกันปางนั้นถึงวันนี้ คู่เกื้อกูลของเราเปลี่ยนแปลงไปปานใด? ดีงามเลวทรามเพียงไหน?

รู้กันอยู่น้ำใจไมตรีปรารถนาดีระหว่างคนต่อคน บ่อยหนซาบซึ้งตรึงใจยากปฏิเสธ และเยี่ยงนี้หรือไม่ ที่คู่เกื้อกูลของใครหลายคน พาเพื่อนของตนทัวร์นรก มีบ้างพาย้ายนิวาสสถานไปเสพรับทัณฑ์ทรมานอยู่ที่นั่นเลย กระนั้นยังยอมรับกันอยู่ น้ำใจ ไมตรีดีเสมอ ต่างแต่ใจมิตรฟอนเฟะเหลวไหล หรือมั่นคงทรงธรรมประจำไว้ เพราะน้ำใจย่อมหลั่งจากใจ หากใจดีน้ำมิตรกำนัลมาย่อมพาเย็นใจไปดี หากใจฟอนเฟะแล้วน้ำมิตรกำนัลมาก็ราวน้ำร้อนรวกอุรา หรือพาลงนรกแน่นอน!

คู่เกื้อกูลของท่านอาจสูงส่งด้วยสถานภาพบังคับได้ หรือไร้อิทธิพลทางสายเลือด เขามีสิทธิ์เกื้อกูลท่าน แล้วอาจหน่วงเหนี่ยวไปด้วยเยื่อใยผูกพัน ปรารถนาดี แม้ด้วยหนี้บุญคุณ จริงอยู่ยามเขลาเยาว์วัย ท่านมิอาจตัดสินใจแต่วันนี้เติบโตมีสิทธิ์เลือกแล้วมิใช่หรือ?

รับหรือไม่รับ หรือรับไว้เพียงน้ำใจไมตรี ส่วนเสื่อน้ำใจไมตรีปรารถนาดีนั้นคงต้องฝากคืน เป็นสิทธิ์ตัดสินของท่านแล้วหรือไม่?

บอกต่อท่านโลกนี้มีการเกื้อกูลกันสองนัย

  1. เกื้อกูลด้วยโลกียะเช่นบิดามารดาเกรงลูกไร้ปัญญาดูแลตนจึงหาคนเป็นคู่ครองให้ พี่มิอาจทนเห็นน้องอยู่ต่ำต้อยด้อยกว่าใคร จึงกรุยทางผลประโยชน์ให้ เพื่อนรันทดหดหู่ชะตาชีวิต เพื่อนไม่รู้ปลุกปลอบไปทำไมชีวิตใกล้เคียงกัน เลยกำนัล กัญชา ยาบ้า ยาอ ีแทนการปลอบใจ หรือหญิงสาวมอบดอกไม้ให้ชายหนุ่มด้วยลุ่มหลง
  2. เกื้อกูลด้วยโลกุตระ เช่นบิดามารดาห่วงลูก ถูกเลี้ยงด้วยลำแข้ง ชี้แนะโทษภัย ในการครองเรือนให้ พี่เห็นน้องทะเยอทะยาน เกรงวันหนึ่งจะทำทุจริตผิดควร ก็เตือนให้เกิดสติปัญญารู้ค่าสุจริต เพื่อนเห็นเพื่อนกำลังดำดิ่งไปในทางหายนะใหญ่ ก็โน้มน้าวให้ปรับจิตเปลี่ยนใจ หรือชายหนุ่มพาหญิงสาวไปฟังสัจธรรมอันล่ำค่า

น้ำใจไมตรี หรือปรารถนาดี จากเกื้อกูลเหล่านี้ มีฤทธิ์ต่อทางไปในชีวิต ชีวิตจะดีงามหรือต่ำทราม คู่เกื้อกูลมีส่วนมากยิ่ง

ท่านควรรับการเกื้อกูลแบบไหน?
ท่านควรเกื้อกูลมิตรสหายสายโลหิตแบบใด?
พินิจเถิดโลกนี้มีคนสองค่าย
1. ผู้เปลี่ยนแปลงคนอื่น 2. ผู้ถูกคนอื่นเปลี่ยนแปลง

ท่านเป็นฝ่ายถูกบุคคลแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไป หรือไปเปลี่ยนแปลงบุคคลแวดล้อม… ไม่แปลก! แต่ไม่ธรรมดา ควรดูว่าบรรลุเป้าหมายใด? ดำเนินไปเยี่ยงไร? หากยอมให้ผู้ปกครอง ญาติพี่น้อง มิตรสหาย โน้มน้าวกล่าวเปลี่ยนท่านลงกระทะทองแดง…ควรหรือ?

หากท่านโน้มน้าวกล่าวเปลี่ยนให้บุคคลแวดล้อมสู่สรวงสวรรค์ช้อยส์ไหนวิเศษกว่ากัน?

หากไม่สามารถเปลี่ยนแปลงใครไปสู่ดีได้ มนุษยชาติควรมีจุดยืนอันดีงามให้มั่นไว้ มิใช่ปล่อยตัวตามใจให้ใครต่อใคร…หิ้วไปเล่นชั่ว หิ้วไปกินชาติ หิ้วไปทำอุบาทว์ หรือหิ้วไปสำส่อนเลวทรามเยี่ยงไหน

เยี่ยงนั้นคนไร้รากเลื่อนลอยเหมือนสาวสปอยล์ข้างถนนที่พาลชนมักลวงไปเป็นโสเภณี หมดศักดิ์ศรีในชีวิตฉะนั้น!

หากคู่เกื้อกูลนั้นมืดบอดมิรู้ชัดดีชั่ว แต่มีน้ำใจปรารถนาดีให้ ท่านควรใช้เยื่อใยไมตรีนั้นหน่วงเหนี่ยวนำพาไปสู่ดี หากเพียรอยู่ปานนี้ยังไม่รู้คุณไม่เห็นค่าก็ต้องให้บทเรียนไปสำนึกแก่กันบ้างแล้ว

คงไม่ลืม…วัฏฏะยาวไกล ตราบใจไม่ปรินิพพาน
มนุษยชาติต้องวนเวียนอีกเนิ่นนาน
การไม่รู้ดีชั่วแจ้งชัดนั่นเป็นความวิบัติของชีวิต

และโดยมิติจิตวิญญาณ พระบรมปราชญ์ศาสดาตรัสว่า ทุกคนคือเพื่อน…เพื่อนผู้ร่วมทุกข์เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น!

ดังนั้น… เพื่อนควรช่วยเพื่อน และในนิยามความเป็นเพื่อน อยู่ที่กล้าติติงตักเตือนให้เพื่อนก้าวหน้า เพราะกล้าติติงตักเตือนให้เพื่อนก้าวหน้า จึงมีคุณค่าสมกับคำว่าเพื่อน!

บอกต่อมิตรสหาย…การมีคู่เกื้อกูลที่ดี เหมือนมีพุทธสถาน แม้พรากห่างนานแสนนาน ยังคงรอคอย พร้อมหยิบยื่นกำลังใจ ให้สติปัญญาอยู่เสมอ หากท่านมีแล้วพึงถนอมรักษาไว้

หากคู่เกื้อกูลไม่รักยกระดับชีวิตจิตวิญญาณบ้างเลย พึงแสวงหาคู่เกื้อกูลที่ตั้งใจใฝ่ดีให้ยิ่งขึ้นไป หากยากนักในมนุษย์ ฟังสิพระพุทธองค์ตรัสไว้…ตถาคตเป็นกัลยาณมิตร

ชีวิตมนุษย์ทั้งหลายผู้มีความเกิดแก่เจ็บตายเป็นธรรมดา

อาศัยเราผู้แสวงหาการเกื้อกูล(ผู้อื่น)เป็นกัลยาณมิตร

ย่อมทำความดับสนิทแห่งทุกข์ให้เกิดขึ้นได้

เป็นสำนวนชวนสนิทสนมไหมล่ะ ควรรับไมตรีเพื่อมีพระพุทธองค์ไว้พึ่งพิงไหมล่ะ

แม้ใครบางคนกล่าวว่า “หากคุณพึ่งพาความเห็นของคนรอบข้างมากไป อาจทำผิดอย่างมหันต์ก็ได้ หัวใจคุณรู้ดีว่าคุณต้องการอะไร”

มีส่วนจริง! หากเสียงรอบข้างมิใช่ปราชญ์ ศาสดา กัลยาณมิตร แต่ใจคนรู้ว่าตนต้องการอะไรแน่หรือ? บ่อยไปเจ้าของใจไม่รู้ว่าตนต้องการอะไร แม้รู้ว่าใจต้องการอะไรหากฟังคำผู้มีปัญญาไว้ จะทำให้รู้ว่าควรหรือไม่ในสิ่งที่ใจต้องการ เป็นไปเพื่ออะไร สุขหรือทุกข์ หากไม่ฟังใครเลยสิ ชีวิตอาจโง่บัดซบ ผิดพลาดอย่างมหันต์…เป็นได้!

เพราะเพียงเพื่อสนองตอบความต้องการของใจตน
มีคนทำบาปมาแล้วมากน้อยแค่ไหน?
ก่อทุกข์ระทมใส่ตนและคนอื่นมากน้อยเพียงใด?
…ตราบใดใจยังเขลา เห็นแก่ตน ไม่รักวิมุติหลุดพ้น

การเชื่อฟังใจได้ไปนรกแน่นอน!

   [เลือกหนังสือ]
page: 6/7
   Asoke Network Thailand