แถลง
ความซีบายของอาซิ้ม
|
ในบรรดาชีวิตที่ตกระกำลำบาก อาซิ้ม ยอมจน
(เพ็กลั้ง) ก็เป็น ๑ ใน ชีวิตที่เกิดมา เพื่อใช้หนี้
อกุศลวิบากทั้งหลาย ได้แต่งงานเมื่อายุ ๒๐ ปี
พอ ๓๖ ปีสามีก็ตาย ทิ้งลูกไว้ ๔ คน และคนชรา
คือพ่อสามี แม่สามี และ ปู่ของสามีอีกรวม ๓
คนไว้ให้ดูแล
๗ ชีวิต ที่ต้องรับผิดชอบ ทำให้ต้องทำงานหนักทั้งวัน
ทั้งขุดดิน ปลูกผัก เก็บผักไปขาย ที่ตลาดนครปฐม
ซึ่งต้องเดินไปกลับอย่างน้อยวันละ ๘ กิโลฯ ขากลับ
ก็ยังต้อง หาบข้าวสาร มาด้วย เพื่อไม่ให้เสียเที่ยว
แม้จะเหน็ดเหนื่อยสักปานใดก็ไม่ได้ทำให้ท้อแท้
แต่กลับตั้งใจว่า
|
"อั้วเป็นคนป่า หนังสือตัวหนึ่งก็ไม่รู้
สวยก็ไม่สวย รวยก็ไม่รวย แต่คิดว่า ต้องทำใจบริสุทธิ์ ต้องทำหน้าที่
เหมือนข้าราชการ นั่งเก้าอี้อะไรต้องทำหน้าที่นั้น สามีตายแล้ว อั้วตั้งใจว่า
จะเลี้ยง พ่อแม่ของเขาตลอดชาติ จะกินเจ ตลอดชาติ และจะเป็นหม้ายตลอดชาติ
จะเลี้ยงลูก ให้โต ให้ลูกหลาน ทำกินเป็นทุกคน"
แม้ตั้งใจจะทำดีออกปานนี้ หนี้อกุศลวิบากก็ไม่มีการผ่อนชำระ
อาซิ้มถูกโจรบุกปล้นบ้าน โจรใช้ปืนทั้งตี และยิงจมกองเลือด กวาดเสื้อผ้าข้าวของ
ไปจนเกลี้ยงบ้าน ซึ่งเหตุร้ายในครั้งนี้ อาซิ้มก็พอเดาได้ว่า เกิดจากการไม่ยอมขายที่ดินให้เขา
เขาก็เลยจ้างโจรมาปล้น
ก่อนจะได้พบธรรมะ ชีวิตของอาซิ้มมีแต่ความแค้นอาฆาต
"แต่ก่อนอั้วจนจริงๆ สามีก็ตาย ลูกชายก็ถูกเขาฆ่า ทำกินยังไม่พอกิน
ขโมยยังมาปล้นมาฆ่าอั้ว โอ้โฮ! ไม่ใช่เหล็กไหลนี่ เป็นคนมีเลือดเนื้อ
มีหัวใจ วันๆ คิดจะแก้แค้น อาฆาตพยาบาท ถ้าอั้วมีอำนาจก็จะแก้แค้น
ใครมาทำอั้วมากเท่าไหร่ น้อยเท่าไหร่ อั้วก็คิดไว้ คิดอยู่ในใจ แม้ไม่มีอำนาจ
จะแก้แค้นในโลกนี้ ก็จะตามไปแก้แค้นที่เมืองผี"
หลังจากอาซิ้มได้พบธรรมะ ได้ฟังธรรมจากสมณะแล้วชีวิตก็เปลี่ยนไป
สามารถปลดปล่อย ตัวเองออกจาก ของรักของหวง เช่น ที่ดินที่ปกปักรักษามาตลอดชีวิต
แม้แต่อารมณ์ ที่เคยอาฆาตแค้น ก็หมดไป สามารถออกมาใช้ชีวิต ในวาระสุดท้าย
ที่ชุมชนปฐมอโศก อย่างขยันขันแข็ง และสบายอกสบายใจ อาซิ้มบอกหลานๆว่า
"ปฐมอโศกคือสวรรค์ของคน โชคดีเหลือเกินที่ได้มาอยู่ที่นี่
อั้วไม่ต้องกลับไป เป็นไส้เดือน เฝ้าสวนอีกแล้ว อยู่คนเดียวอย่างนี้(เป็นหม้าย)
ซีบาย(สบาย).... ไม่อยากได้ของใครก็ซีบาย.... ไม่อาฆาต พยาบาทใครก็ซีบาย"
ความซีบาย คือสวรรค์ที่อาซิ้มเข้าถึงได้ตั้งแต่ยังไม่ตาย
เป็นสวรรค์ที่เกิดจาก การเอาชนะใจ ตนเอง พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า
"ความโศกย่อมเกิดจากความรัก ภัยย่อมเกิดจากความรัก
ผู้พ้นวิเศษแล้วจากความรัก ย่อมไม่มี ความโศก แล้วภัยจะมีมาแต่ที่ไหน"
อาซิ้มยอมจน ได้จากโลกนี้ไปอย่างสุขสงบ
เมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๕ ในวัยอายุ ๙๓ ปี นับเป็น ตัวอย่างชีวิตที่ชนะใจ-ชนะภัย
ได้เป็นอย่างดี* ในภาวะที่โลกกำลังเข้าสู่ มิคสัญญีเช่นนี้ พ่อท่านบอกว่า
ไม่มีทางเลือกเป็นอย่างอื่น นอกจาก เส้นทาง ของพระพุทธเจ้า ที่พาพวกเรา
มักน้อย เสียสละ ชนะใจจนพ้นภัยใดๆ ที่นับวันๆ มีแต่จะหนักหนา สาหัสขึ้นไปเรื่อยๆ
น้ำท่วม ก็จะหนักขึ้นไปเรื่อยๆ ยิ่งกว่าไฟไหม้คือ ไฟสงคราม ก็กำลังจะลุกลามเป็นไฟบรรลัยกัลป์
อันเกิดจากไฟบรรลัยวัน (ไฟจากราคะ โทสะ โมหะ) ซึ่งเกิดจาก ต่างคนต่างสะสมไว้
อย่างเต็มที่ นั่นเอง
คณะผู้จัดทำ
[ศึกษารายละเอียดของชีวิตอาซิ้ม
มีทั้งหนังสือประวัติ และภาพชีวิตจริง จากวีดีโอ และวีซีดี ติดต่อได้ที่ธรรมโสต
สันติอโศก 023 745 230]
|