ความรัก ๑๐ มิติ
โดย พระโพธิรักษ์
มิติที่ ๓
นี่เป็นความทุกข์อยู่นั่นเอง มีความรักเมื่อใดก็ยังมีทุกข์
อยู่เมื่อนั้นแหละ แต่ถ้าเราจะทุกข์แล้วให้มีประโยชน์ขึ้น หมายความว่า
เป็นประโยชน์แก่ปวงชน หรือแก่อะไรก็ตามแต่ เสียสละ มีการให้แก่ผู้อื่นได้มากขึ้น
มันจึงมีค่าขึ้น ความรักในมิติที่ ๓ นี้จะมีค่าขึ้นไปอีก ตอนนี้เผื่อแผ่ออกจากแวดวงของพ่อแม่ลูกออกไปสู่ญาติ
มีความรักญาติเผื่อแผ่ออกไป ทำมาหากินได้ มีลาภ มียศ มีตัว มีของ
มีความรู้ มีความสุข ก็เกื้อกูลกัน ช่วยเหลือกัน ด้วยแรงวัตถุ
ด้วยแรงกาย ด้วยแรงปัญญามากขึ้น กว้างขวางขึ้น เป็นความรักที่ต้องการจะช่วยเหลือมากขึ้น
ความรักนี้ก็มีราคาเพิ่มขึ้นอีกหน่อยหนึ่งเป็นจำพวก ญาตินิยม
ลองฟังดูให้ดีนะว่า ค่าที่ต่ำที่สุด
มีค่าน้อยที่สุด หรือเลวที่สุดนั้นคือมีดีน้อยที่สุดนั่นเอง
ฟังดูดีๆ นะ ถ้าเผื่อว่า มีค่าในการเผื่อแผ่เสียสละและให้แก่ผู้อื่นได้มากขึ้น
ก็หมายความว่า มีดีมากขึ้น ความเลวก็น้อยลง น้อยลง และน้อยลงไปตามลำดับ
และในความรักมิติที่ ๓ นี้ เลวก็น้อยลงไปแล้ว
และก็มีความดีคือ การเสียสละ ดังที่อาตมาตั้งสูตรไว้แล้วว่าคือความไม่เห็นแก่ตัว
เผื่อแผ่ออกบ้างแล้ว กว้างขวางขึ้นแล้ว ตอนนี้ก็ชักจะเป็นความรักที่มีประโยชน์มากขึ้น
แต่ทุกข์เพิ่มขึ้นนะ !
ถ้าเรารักกันสองคน คอยช่วยเหลือกัน เสนอ-สนอง
เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน มันก็มีกันอยู่ในระหว่างสองคน
มันก็ไม่มาก ไม่เปลืองอะไร สามคนก็เปลืองขึ้น สี่คนก็ยิ่งเปลืองขึ้น
ยิ่งไปคอยช่วยเหลือเกื้อกูลเผื่อแผ่คนมากขึ้น คุณก็จะต้องมีงานหนักเพิ่มขึ้นเพราะคุณต้องขยายแวดวงของงานเพิ่มขึ้น
ต้องลงทุน ลงแรง แต่การลงทุนลงแรงของคุณไม่เปล่าประโยชน์ ตอนนี้กลายเป็นสิ่งที่มีคุณค่าบ้างแล้ว
เพราะเมื่อลงทุนลงแรงแล้วได้ วัตถุมา คุณก็ได้แจกจ่ายวัตถุนั้นให้แก่ญาติบ้าง
หรือมีอารมณ์ ที่ดี มีปัญญาที่ดี ก็นำมาเกื้อกูลแจกจ่ายแก่ญาติบ้าง
ก็แสดงว่าเรามีความรักหรือมีความเกื้อกูลให้แก่ญาติบ้าง ซึ่งจะเป็นความเกื้อกูลที่มีจิตแฝงฝัง
หวังสิ่งตอบแทนอยู่น้อยอยู่มากก็ตาม (อันเรียกความเกื้อกูลนี้ว่า
ความรัก แต่ถ้าความเกื้อกูลที่สิ้นซากจากหวังสิ่งตอบแทนสนิทในจิตจริงๆ
จึงจะเรียกว่า ปิต หรือพรหมวิหาร)
จึงถือว่ามีประโยชน์ต่อโลกหรือต่อผู้อื่น ความเห็นแก่ตัวลดลง
แต่ความทุกข์เพิ่มขึ้นนะ ฟังดูดีๆ นะ เพราะว่ามันต้อง ช่วยเหลือคนเพิ่มขึ้น
มันเป็นการแสดงสมรรถภาพ หรือสมรรถนะมากขึ้น เพราะว่าเราเกื้อกูลคนได้มาก
อาณาเขตอาณาบริเวณ ที่จะจ่ายความรักออกไปให้ หรือจ่ายความเมตตาหรือความเกื้อกูลออกไปให้นี้
กว้างขวาง ขึ้นๆ ก็จะต้องมีผลผลิต ต้องมีแรงงานมากขึ้น จึงถือว่ามีค่าขึ้น
แต่ทุกข์หนักขึ้น มิติที่ ๓ นี้เป็นความรักที่แผ่ออกไปถึงวงศาคณาญาติ
|