ความรัก มิติที่: 1กามนิยม  2พันธุนิยม  3ญาตินิยม  4ชุมชนนิยม  5ชาตินิยม  6สากลนิยม  7เทวนิยม  8อเทวนิยม  9นิพพานนิยม  10พุทธภูมินิยม
   [เลือกหนังสือ]      ปก | คำนำ | สารบัญ | ภาคผนวก | คัชนี | ผู้เขียน
page: 3/16

สารบัญ
[1] รักมิติที่1
[2] รักมิติที่2
[3] รักมิติที่3
[4]
รักมิติที่4
[5]
รักมิติที่5
[6]
รักมิติที่6
[7]
รักมิติที่7
[8]
รักมิติที่8
[9]
รักมิติที่9
[10]
รักมิติที่10
[11]
ถาม-ตอบ
[12]
ถาม-ตอบ
[13]
ถาม-ตอบ
[14]
ถาม-ตอบ
[15]
ถาม-ตอบ
[16]
ถาม-ตอบ

ความรัก ๑๐ มิติ โดย พระโพธิรักษ์

มิติที่ ๓

นี่เป็นความทุกข์อยู่นั่นเอง มีความรักเมื่อใดก็ยังมีทุกข์ อยู่เมื่อนั้นแหละ แต่ถ้าเราจะทุกข์แล้วให้มีประโยชน์ขึ้น หมายความว่า เป็นประโยชน์แก่ปวงชน หรือแก่อะไรก็ตามแต่ เสียสละ มีการให้แก่ผู้อื่นได้มากขึ้น มันจึงมีค่าขึ้น ความรักในมิติที่ ๓ นี้จะมีค่าขึ้นไปอีก ตอนนี้เผื่อแผ่ออกจากแวดวงของพ่อแม่ลูกออกไปสู่ญาติ มีความรักญาติเผื่อแผ่ออกไป ทำมาหากินได้ มีลาภ มียศ มีตัว มีของ มีความรู้ มีความสุข ก็เกื้อกูลกัน ช่วยเหลือกัน ด้วยแรงวัตถุ ด้วยแรงกาย ด้วยแรงปัญญามากขึ้น กว้างขวางขึ้น เป็นความรักที่ต้องการจะช่วยเหลือมากขึ้น ความรักนี้ก็มีราคาเพิ่มขึ้นอีกหน่อยหนึ่งเป็นจำพวก “ญาตินิยม”

ลองฟังดูให้ดีนะว่า ค่าที่ต่ำที่สุด มีค่าน้อยที่สุด หรือเลวที่สุดนั้นคือมีดีน้อยที่สุดนั่นเอง ฟังดูดีๆ นะ ถ้าเผื่อว่า มีค่าในการเผื่อแผ่เสียสละและให้แก่ผู้อื่นได้มากขึ้น ก็หมายความว่า มีดีมากขึ้น ความเลวก็น้อยลง น้อยลง และน้อยลงไปตามลำดับ

และในความรักมิติที่ ๓ นี้ เลวก็น้อยลงไปแล้ว และก็มีความดีคือ การเสียสละ ดังที่อาตมาตั้งสูตรไว้แล้วว่าคือความไม่เห็นแก่ตัว เผื่อแผ่ออกบ้างแล้ว กว้างขวางขึ้นแล้ว ตอนนี้ก็ชักจะเป็นความรักที่มีประโยชน์มากขึ้น แต่ทุกข์เพิ่มขึ้นนะ !

ถ้าเรารักกันสองคน คอยช่วยเหลือกัน เสนอ-สนอง เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน มันก็มีกันอยู่ในระหว่างสองคน มันก็ไม่มาก ไม่เปลืองอะไร สามคนก็เปลืองขึ้น สี่คนก็ยิ่งเปลืองขึ้น ยิ่งไปคอยช่วยเหลือเกื้อกูลเผื่อแผ่คนมากขึ้น คุณก็จะต้องมีงานหนักเพิ่มขึ้นเพราะคุณต้องขยายแวดวงของงานเพิ่มขึ้น ต้องลงทุน ลงแรง แต่การลงทุนลงแรงของคุณไม่เปล่าประโยชน์ ตอนนี้กลายเป็นสิ่งที่มีคุณค่าบ้างแล้ว เพราะเมื่อลงทุนลงแรงแล้วได้ วัตถุมา คุณก็ได้แจกจ่ายวัตถุนั้นให้แก่ญาติบ้าง หรือมีอารมณ์ ที่ดี มีปัญญาที่ดี ก็นำมาเกื้อกูลแจกจ่ายแก่ญาติบ้าง ก็แสดงว่าเรามีความรักหรือมีความเกื้อกูลให้แก่ญาติบ้าง ซึ่งจะเป็นความเกื้อกูลที่มีจิตแฝงฝัง หวังสิ่งตอบแทนอยู่น้อยอยู่มากก็ตาม (อันเรียกความเกื้อกูลนี้ว่า “ความรัก” แต่ถ้าความเกื้อกูลที่สิ้นซากจากหวังสิ่งตอบแทนสนิทในจิตจริงๆ จึงจะเรียกว่า “ปิต” หรือพรหมวิหาร)

จึงถือว่ามีประโยชน์ต่อโลกหรือต่อผู้อื่น ความเห็นแก่ตัวลดลง แต่ความทุกข์เพิ่มขึ้นนะ ฟังดูดีๆ นะ เพราะว่ามันต้อง ช่วยเหลือคนเพิ่มขึ้น มันเป็นการแสดงสมรรถภาพ หรือสมรรถนะมากขึ้น เพราะว่าเราเกื้อกูลคนได้มาก อาณาเขตอาณาบริเวณ ที่จะจ่ายความรักออกไปให้ หรือจ่ายความเมตตาหรือความเกื้อกูลออกไปให้นี้ กว้างขวาง ขึ้นๆ ก็จะต้องมีผลผลิต ต้องมีแรงงานมากขึ้น จึงถือว่ามีค่าขึ้น แต่ทุกข์หนักขึ้น มิติที่ ๓ นี้เป็นความรักที่แผ่ออกไปถึงวงศาคณาญาติ

.. ความรัก ๑๐ มิติ
   [เลือกหนังสือ]
page: 3/16
   Asoke Network Thailand