ความรัก ๑๐ มิติ
โดย พระโพธิรักษ์
มิติที่ ๔
ตอนนี้ตัดขอบเขตแล้วระหว่าง เชื้อๆ แห่งคนวงศาคณาญาติเรายังถือว่าเป็นตระกูล
เป็นสายเชื้อแห่งคนตระกูลไหน ก็เป็นเชื้อสายแห่งคนถือว่าญาติ
ทีนี้มิติที่ ๔ นี้ตัดรอบไปอีกรอบหนึ่ง ไม่เห็นแก่ตัว หรือไม่จ่ายความรัก
อยู่แต่ในระหว่างแค่ผัวเมีย โตขึ้นไปไม่ใช่ว่าแต่แค่ลูก ไม่ใช่แค่ญาติ
แต่กว้างขึ้นไปอีก เป็นผู้อื่นที่ไม่ใช่ญาติก็ได้ เป็นเพื่อนบ้านชาวละแวกเดียวกัน
ตำบลเดียวกัน อำเภอเดียวกัน จังหวัดเดียวกัน อะไรก็ตามซึ่งมีขอบเขตกว้างขึ้นๆ
มีความรัก เกื้อกูล เอื้อเฟื้อ ช่วยเหลือ
จ่ายแรงวัตถุ จ่ายแรงงานทางกาย ทางปัญญาให้แก่เขาได้มากขึ้น
เราก็เป็นผู้ที่จะต้องลงทุนมากขึ้น เพราะว่า ผู้ที่จะคอยรับ
ความช่วยเหลือ มากขึ้น เราก็จะต้องทำตนให้มีสมรรถภาพ มีประสิทธิภาพมากขึ้นจึงจะสามารถหาวัตถุหรือทรัพย์สมบัติได้มาก
แล้วก็จะได้เอาทรัพย์สมบัตินี้ ออกไปจ่ายแจก ช่วยเหลือเกื้อกูลพวกนี้ได้มาก
หรือเมื่อไม่แจก วัตถุก็แจกจ่ายแรงกายที่มี ช่วยทางแรงกายด้านใดก็ตาม
หรือถ้าไม่ช่วยทางแรงกาย ก็ใช้ทางแรงปัญญาช่วยเหลือเขาก็มีผลดีขึ้น
เกื้อกูลมากขึ้น มีประโยชน์แก่โลกมากขึ้น
แต่ทุกข์หนักลงไปกว่าเก่า เพราะคนนี้ต้องยอมทนทุกข์เพราะว่ามีความรักใหญ่ขึ้น
ความรักมันแผ่กระจายไปกว้างมากขึ้น พูดกันตรงๆ ก็คือ มันก็ก้อนโตขึ้น
มันไปช่วยคนมากขึ้น ความทุกข์จึงโตขึ้นด้วย เป็นปฏิภาคตรง ไม่ใช่ปฏิภาคกลับ
คนที่ยอมทุกข์แต่เผื่อแผ่ผลประโยชน์ทั้งวัตถุทั้งแรงกายและแรงปัญญาให้แก่ผู้อื่นได้ด้วย
ก็ยังนับว่ามีค่าในโลก ลองคิดให้เห็นนะ นี้เป็นมิติที่ ๔
ในมิติ ๑-๒-๓ นั้น ได้ปริวัฏฏ์หมู่ที่ ๑ ยังอยู่ในวงแคบแค่ตระกูลหรือวงศาคณาญาติ
พอเริ่มมิติที่ ๔ ออกนอกปริวัฏฏ์ หมู่ที่ ๑
พ้นตระกูลในแวดวงของตัวเองแล้ว เป็น ความรักที่ออกมาให้แก่ผู้อื่นบ้างแล้ว
เป็นเพื่อนบ้าน หรือเพื่อนฝูงในสังคมใกล้ชิด ในหมู่บ้าน ในตำบล
ในอำเภอหรือในจังหวัดก็ตาม ยังไม่กว้างขวางนัก เผื่อแผ่ไปแค่วงสังคมน้อยๆ
ยังไม่กว้างขวางนัก เรียกว่า ความรักแบบ สังคมนิยม
|